“ตอนนี้ เจ้าควรเรียกข้าว่าพี่สะใภ้ได้แล้วกระมั้ง?”
หยุนหว่านหนิงกอดอก เลิกคิ้วมองโม่เฟยเฟยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม "สุดท้าย ข้าถึงจะเป็นพี่สะใภ้จริง ๆ ของเจ้า ไม่ใช่พี่สะใภ้สามที่เป็นคนนอกอะไรนั่น"
โม่เยว่ ถึงจะเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของโม่เฟยเฟย
“เจ้า......”
โม่เฟยเฟยคิดไม่ถึงว่า นางจะโพล่งประโยคดังกล่าวออกมาทันที
ขณะนั้นใบหน้าเล็กแดงระเรื่อ ด้วยความโกรธ “หยุนหว่านหนิง เจ้าอย่าได้คืบจะเอาศอก!”
“สี่ปีก่อน หากไม่ใช่ว่าเจ้าคิดการร้าย มันจะเปิดโอกาสให้ผู้อื่นได้อย่างไร ข้าเกือบจะ เสียชื่อเสียงไปได้อย่างไรกัน”
นางเริ่ม “ชำระบัญชี” กับหยุนหว่านหนิง
“แม้บอกว่าคนเบื้องหลังที่เลวร้ายที่สุดจะไม่เจ้า แต่เจ้าก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เช่นกัน!”
“เรื่องทั้งหมดนี้ล้วนเพราะเจ้าก่อขึ้น ข้ายังไม่ได้ชำระบัญชีกับเจ้าเลย เจ้ายังมีเหตุผลอะไรอีก!”
โม่เฟยเฟยแทบคลั่ง หยุนหว่านหนิงก็ยอมแพ้
“ได้ ได้ ได้ ไม่เรียกก็ไม่ต้องเรียก!เจ้าอย่าโมโห!”
ใครให้นางเป็นฝ่ายที่ไม่มีเหตุ
กลับกันสักวันหนึ่ง นางต้องให้โม่เฟยเฟยเรียกออกมา
หยุนหว่านหนิงวางแผนในใจ ใบหน้าเผยรอยยิ้มจาง ๆ "ในเมื่อใจเจ้าผ่องใสดังคันฉ่อง ข้าก็จะไม่รบกวนเจ้าอีก ลาก่อน"
เมื่อเห็นนางพาปี้จูจากไปเช่นนี้ โม่เฟยเฟยคิ้วทั้งสองขมวดเป็นปม
นางกำลังจะตามไป แต่เสียงของหลี่หมัวมัวดังขึ้นนอกประตู
หลี่หมัวมัว เป็นคนของตำหนักหย่งโซ่ว
“พระชายาหมิง”
หลี่หมัวมัวหันใบหน้าแก่ชรามา มองหยุนหว่านหนิงอย่างไร้อารมณ์ "เหนียงเหนียงของพวกข้าได้ยินว่าเจ้าเข้าวัง เลยให้บ่าว มาเชิญเจ้าไปตำหนักหย่งโซ่วเป็นพิเศษ"
เชิญ?
คำนี้ เกรงว่าจะใช้ไม่เหมาะสม
มองท่าทางหลี่หมัวมัวเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มาดี
หยุนหว่านหนิงมีสายตาที่เฉียบคม เห็นในแขนเสื้อหลี่หมัวมัวเชือกโผล่ออกมาครึ่งเส้น......หมายถึงอะไร ก็เห็นได้กระจ่างแจ้งแล้ว
นางมาเชิญที่ไหนกัน เห็นได้ชัดว่าจะมัดนางไปที่ตำหนักหย่งโซ่วเถอะ!
หยุนหว่านหนิงไม่ใช่คนที่ไม่รู้ควร
ในเมื่อหลี่หมัวมัวไม่ได้ใช้กำลัง คงวางแผนเจรจากันด้วยเหตุผลก่อนหากล้มเหลวจึงใช้กำลัง นางจึงไม่เปิดโอกาสให้นางใช้กำลัง
ดังนั้น นางได้แต่พยักหน้าตอบรับ “เช่นนั้นเชิญหลี่หมัวมัวนำทาง”
ตลอดทางจนถึงตำหนักหย่งโซ่ว หยุนหว่านหนิงคาดเดาว่า เต๋อเฟยเชิญนางไป “พูดคุย” เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องดี อย่างไรก็ตามปากของหลี่หมัวมัว ก็เหมือนเปลือกหอย ง้างอย่างไรก็ง้างไม่ออก
ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน หยุนหว่านหนิงก็มีความคิดหนึ่ง
นางได้ยินมาว่า หลี่หมัวมัวผู้นี้ไม่มีงานอดิเรกพิเศษอะไร
เพียงแค่จิบ สุรา
เธอพูดในใจกับช่องว่าง ช่องว่าง ถึงเวลาที่เจ้าต้องอุทิศตนแล้ว ช่วยข้าจัดการหลี่หมัวมัวที่รับมือยากผู้นี้ที
วินาทีถัดมา ในช่องว่างวางออกมาอย่างเงียบ ๆ คือ...... เอ้อร์โกโถวหนึ่งขวด?!
บ้าเอ๊ย!
เจ้าช่องว่างนี่พึ่งพาได้หรือไม่กันแน่!
คราวที่แล้วรักษาให้น้าชาย ช่องว่างก็ให้บ่านหลานกัน(ยาจีน)ออกมาหนึ่งเม็ด
คราวนี้ ดันให้เอ้อร์โกโถวมาขวดหนึ่ง?!
ให้คนอย่างหลี่หมัวมัวดื่มอะไรอย่างเอ้อร์โกโถวหรือไร
ถ้าพรุ่งนี้พลิกคว่ำลุกขึ้นมาไม่ได้ แค่หลับเท้าข้างหนึ่งก็ก้าวไปสู่ยมโลกแล้วจะทำอย่างไร!
เจ้าช่องว่างขยะนี่ เมื่อไรจะพึ่งพาได้กัน!
เหมือนรู้ว่านางไม่ชอบ ทันใดนั้นด้านในช่องว่างก็ปรากฏ...... ซาวตาวจื่อ(เหล้าขาวที่มีดีกรีสูง)หนึ่งขวด
หยุนหว่านหนิง “……”
งั้นเลือกเอ้อร์โกโถวละกัน!
นางถือเอ้อร์โกโถว มองหลี่หมัวมัวแผ่นหลังเรียบตรง แล้วมองดูมวยผมที่หวีอย่างพิถีพิถันของนาง ก็รู้ว่าหลี่หมัวมัวผู้นี้เป็นคนที่เข้มงวดคร่ำครึ
ขณะลังเลว่า ควรจะให้เอ้อร์โกโถวในมือกับนางอย่างไร
ใครจะรู้ว่า หลี่หมัวมัวก็หยุดอย่างกะทันหัน
หยุนหว่านหนิงไม่ทันตั้งตัว หัวชนด้านหลังศีรษะของนาง
หลี่หมัวมัวเจ็บมากจนสูดลมหายใจเย็นเข้าไป “หน้าผากของพระชายาหมิงทำจากหินหรือไรกัน”
รู้ว่านางไม่อยู่ในสายตาของเต๋อเฟย ทั้งไม่รับความรักจากโม่เยว่ ดังนั้นหลี่หมัวมัวจึงกล้าโกรธเคือง ถามนางอย่างแยกเขี้ยวยิงฟัน
หยุนหว่านหนิงลูบหน้าผาก
นำเอ้อร์โกโถวในมือส่งไปให้อย่างยิ้มแย้ม “หลี่หมัวมัว เอ้อร์โกโถวสักขวดไหม”
“นี่คืออะไร”
เอ้อร์โกโถว?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...