หยุนหว่านหนิงก็เดามิออกว่าโม่จงหรานคิดสิ่งใดอยู่กันแน่ สถานการณ์บัดนี้นางเองก็มิมีเวลาไปคิดมาก
ดังนั้นนางจึงยื่นนิ้วมือออกไปและจับชีพจรให้แก่เขา
ชีพจรของเขาเต้นแรงตามปกติ ดูมิมีปัญหาใด......แต่เมื่อครูโม่จงหรานกล่าวว่าช่วงนี้เขารู้สึกมิสบายเล็กน้อย หยุนหว่านหนิงจึงเอ่ยถามขึ้น “มิทราบว่าเสด็จพ่อรู้สึกมิสบายอย่างไรหรือเพคะ?”
ระหว่างที่นางกล่าวนางก็ได้ให้โม่จงหรานเปลี่ยนข้อมืออีกข้างหนึ่งมาดู
“ช่วงนี้ข้ารู้สึกกระสับกระส่าย และนอนมิหลับในตอนกลางคืน”
รอยยิ้มบนใบหน้าของโม่จงหรานค่อยๆ จางหายไป สีหน้าของเขาดูจริงจัง “ข้ารู้สึกเบื่ออาหาร และหายใจมิค่อยออกนัก”
อีกสองวันก็เป็นวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว
จะมีงานเลี้ยงพระราชวังในอีกมิช้า
หากว่าพระวรกายของโม่จงหรานย่ำแย่หรือป่วยขึ้นมาเกรงว่างานเลี้ยงพระราชวังจะต้องถูกยกเลิก
อีกอย่างหากมีอาการเจ็บป่วยส่งท้ายปีเช่นนี้......มิใช่สัญญาณที่ดีนัก
อย่างน้อยโม่จงหรานผู้เชื่อในเรื่องเทพเจ้า เขาคิดว่าครั้งนี้มิใช่สัญญาณที่ดี แต่หมอหลวงหลายคนก็ได้ทำการตรวจอาการแล้ว พบว่ามิมีปัญหาใด
โม่จงหรานเกิดความสงสัยในใจ
ดังนั้นจึงได้มาหาหยุนหว่านหนิงให้นางตรวจดู
เมื่อได้ยินเขากล่าวดังนั้น หยุนหว่านหนิงก็พยักหน้าแล้วใช้ความคิดอย่างหนัก
นางเงยหน้าขึ้นมองสีหน้าของโม่จงหราน ดูมิผิดไปจากปกติ
แต่ว่าแววตาคู่นั้น......
มิปกติเท่าไหร่นัก
เมื่อนางพิจารณามองดูอย่างละเอียดอีกหน เห็นว่าแววตาของโม่จงหรานมิค่อยมีประกาย ทั้งยังเต็มไปด้วยรอยคล้ำใต้ตา เป็นเครื่องหมายบ่งบอกว่าเขานอนหลับมิสนิทนัก
ในปีนี้โม่จงหรานอายุยังมิถึงห้าสิบปีด้วยซ้ำ
เขามิน่าจะมีปัญหาเนื่องจากเข้าวัยชรา
“เสด็จพ่อมีอาการปวดพระเศียรบ้างหรือไม่เพคะ?”
“มี”
โม่จงหรานตอบรับอย่างเคร่งขรึม “บางครั้งก็ปวดหัว จึงทำให้ตอนตกดึกหลับยาก ส่งผลให้ปวดมากกว่าเดิม”
“บางครั้งเมื่อผล็อยหลับไปแล้วก็ตื่นขึ้นพร้อมกับอาการปวดศีรษะ”
หยุนหว่านหนิงครุ่นคิดแล้วพึมพำ ก่อนจะถามว่า “เสด็จพ่อฝันร้ายบ้างหรือไม่เพคะ?”
เมื่อพบว่านางมีสัญญาณจะรู้อาการของเขา โม่จงหรานจึงเหลือบมองนางอีกครั้งแล้วตอบตามความจริงว่า “มี บางครั้งก็ฝันร้ายบางครั้งก็ฝันติดต่อกันเป็นระยะๆ”
“ในฝันนั้นเสด็จพ่อทำอะไร ตื่นมามีอาการเหนื่อยหรือไม่เพคะ?”
หยุนหว่านหนิงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
“เอ่อ......”
โม่จงหรานครุ่นคิดอย่างรอบคอบ “ในฝันนั้นบางทีข้าก็วิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง บางทีก็ฝันว่ากระโดดลงมาจากหอคอย บางทีก็ถูกสัตว์ดุร้ายไล่ล่า”
ขณะที่เขากล่าวก็ยื่นมือออกมาบีบไปที่หัวคิ้ว
ความเหนื่อยล้าบนใบหน้าปรากฏขึ้นอีกครั้งพร้อมกับท่าทางที่ดูทรุดโทรม “หลังจากที่ตื่นมาแล้วร่างกายก็ปวดล้าไปทั้งตัวและอ่อนแรงเหลือเกิน”
เมื่อเทียบกับท่าทางอันสดใสเมื่อครู่ บัดนี้เขาดูเหนื่อยมากขึ้นจริงๆ
นี่คือสภาพของเขาในช่วงนี้สินะ
เมื่อเต๋อเฟยเห็นดังนั้นก็รู้สึกปวดใจยิ่งนัก นางรีบก้าวเข้าไปนวดขมับของโม่จงหรานทันใด
นางหันไปมองหยุนหว่านหนิงแล้วกล่าวขึ้นว่า “ช่วงนี้ฮ่องเต้ได้เสด็จมาบรรทม ณ ตำหนักหย่งโซ่วสองหน แต่ละครั้งมีอาการนอนมิหลับ และฝันร้ายหลายหน”
“ฮ่องเต้ทรงเป็นอะไรเจ้ารู้หรือไม่?”
“ลูกจึงจะเป็นหมอ ตอนที่กำลังวินิจฉัยผู้อื่นอย่าได้เอ่ยปาก”
หยุนหว่านหนิงต่อว่าเต๋อเฟยออกมาโดยตรง
คนอื่นรวมไปถึงเต๋อเฟยโมโหขุ่นเคืองทันใด “หยุนหว่านหนิง เจ้ารนหาที่ตายอยู่หรือ!”
“ข้าไปทำอะไรเจ้า?”
ขณะที่กล่าวนางก็ยื่นมือออกไปจะคว้าหยุนหว่านหนิงเข้ามาตบ
“โอ๊ย หากจะเอ่ยก็เอ่ยดีๆ อย่าได้ลงไม้ลงมือ!”
หยุนหว่านหนิงรีบหลบทันใดแล้วไปซ่อนกายอยู่ด้านหลังโม่จงหราน “เสด็จพ่อดูสิเพคะ นี่มันเหตุผลอะไรกัน คนผู้นี้ถือว่าตนเป็นแม่สวามีของข้าแล้วจะรังแกข้าอย่างไรก็ได้”
เต๋อเฟย “......สักวันข้าจะตบปากเจ้าให้ฉีก!”
“เสด็จพ่อดูสิเพคะ กำลังข่มขู่ลูกอยู่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...