สรุปเนื้อหา บทที่ 75 ลูกโง่เง่านัก – อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ โดย มู่อีอี
บท บทที่ 75 ลูกโง่เง่านัก ของ อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ ในหมวดนิยายประวัติศาสตร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย มู่อีอี อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
เมื่อพบว่าโม่จงหรานยื่นมือมาทางนาง หยุนหว่านหนิงก็ชะงักลงเล็กน้อย “ลูกหรือเพคะ?”
นางชี้นิ้วไปที่ตนเองพร้อมใบหน้าอันสับสน “เสด็จพ่อมองให้ชัดเจนนะเพคะ ลูกคือหยุนหว่านหนิง”
ชายชราคนนี้เป็นอะไรไปกัน หรือเขาจะทำงานหนักเกินไปทำให้ตามืดมัว?
“ข้าเอ่ยถามเจ้านั่นแหละ”
โม่จงหรานยืนกรานว่า “เจ้ามิได้เป็นคนของวังหลัง แน่นอนว่าเจ้ามีสิทธิ์จะตอบคำถามข้า และบัดนี้ก็มินับว่าเป็นเรื่องในทางราชการ พวกเราครอบครัวเดียวกันเพียงแค่ปิดประตูสนทนากันเท่านั้น”
ครอบครัวเดียวกัน......สนทนา......
หยุนหว่านหนิงรู้สึกว่าลำคอของนางดูแห้งกร้านเล็กน้อยจึงกระแอมออกมาเบาๆ
“เสด็จพ่อมองลูกสูงไปแล้วเพคะ เรื่องนี้ใหญ่นักหนา ลูกเป็นเพียงสตรีที่อยู่ในเรือนหลัง มิค่อยรู้เรื่องได้ภายนอกนัก จะไปทราบได้อย่างไรเพคะ”
นางยิ้มขึ้น
เต๋อเฟยมิได้กล่าวสิ่งใดออกมา แต่นางก็พยักหน้าเป็นการเห็นด้วย
โม่จงหรานหัวเราะขึ้น
รอยยิ้มนั้นเมื่อมองในสายตาของหยุนหว่านหนิงดูน่าขนลุกและเยือกเย็นเล็กน้อย
“เจ้าคงคิดว่าข้าแก่แล้วสายตาคงจะฝ้าฟางเลอะเลือนใช่หรือไม่?”
โม่จงหรานเลิกคิ้วขึ้น “คิดว่าข้ามิรู้จริงหรือ เบื้องหลังของเยว่เอ๋อร์มีเจ้าคอยวางแผนการไว้ให้ ทำไมเล่า? ธุระของเยว่เอ๋อร์เรียกว่าธุระ แต่ธุระของข้านั้นมิใช่หรือ?”
หยุนหว่านหนิง “......”
เรื่องที่นางวางแผนการให้แก่โม่เยว่ โม่จงหรานก็รู้ด้วยหรือ?
จะต้องเป็นเจ้าโม่หุยเฟิง สุนัขอิจฉาตาร้อนตัวนั้นเป็นคนฟ้องแน่!
นางหดคอแล้วกล่าวอย่างอ่อนแรงว่า “เสด็จพ่อเพคะ ลูกโง่เขลานัก มิอาจช่วยคลายความกังวลให้แก่ท่านได้”
“เสด็จพ่อ จะเชิญท่านอ๋องของเราเข้าวังดีหรือไม่?”
ดูเข้าสิ นางเป็นภรรยาที่สุดยอดยิ่ง!
นี่มันเวลาใดแล้ว นางยังคงพยายามหาโอกาสให้แก่สามีของตน......โม่เยว่หนอโม่เยว่ จากนี้ไปเจ้าจะต้องรำลึกถึงบนคุณของข้าไว้ให้มาก
“ข้าแค่อยากฟังจากปากเจ้า”
โม่จงหรานมิยอมปล่อยมือ
“เสด็จพ่อเพคะ ให้ลูกตรวจดูอาการของเสด็จพ่อต่อเถอะ ลูกสั่งยาให้สักหน่อยเป็นไร”
หยุนหว่านหนิงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“ข้าต้องการสนทนากับเจ้าของถึงเรื่องการรุกรานจากซีจวิ้น”
การเปลี่ยนหัวข้อสนทนาใหม่มิเป็นผลสำเร็จ
นางจึงนั่งลงข้างกายด้วยความจำนน “เสด็จพ่อเพคะ ร่างกายของเสด็จพ่อเป็นเพราะการทำงานหนักเกินไปจึงเป็นเช่นนี้ จากความคิดของลูกนั้น ลูกว่า......”
“ลูกมองว่าเสด็จพ่อมีโอรสมากมาย ทุกคนเก่งกาจจนสามารถดูแลตนเองได้ เสด็จพ่อยังมีเรื่องใดต้องกังวลอีกเล่า?”
ประโยคนี้ นางช่างใจกล้าหาญเหลือเกิน
หากว่าเป็นคนอื่นกล่าวออกมาเช่นนี้ โม่จงหรานคงคิดว่าพวกเขาตั้งใจจะเกลี้ยกล่อมให้ตนยกอำนาจให้อย่างแน่นอน
แต่คนคนนี้คือหยุนหว่านหนิง
นางมิได้มีเล่ห์เหลี่ยมมากมายนัก
โม่จงหรานเองก็มิรู้ว่าเหตุใดเขาจึงเชื่อมั่นนัก แต่เมื่อมองหน้าของหยุนหว่านหนิง เขาก็เชื่อคำพูดของนางจากก้นบึ้งหัวใจ
แม้แต่เต๋อเฟยเองในบัดนี้ก็หันไปมองหยุนหว่านหนิงด้วยความกังวล “ฮ่องเต้เพคะ แม่นางผู้นี้กล่าววาจาไปเรื่อย ขอทรงอย่าได้......”
“มิต้องกังวลใจไปหรอก”
โม่จงหรานยกมือขึ้นหยุดบทสนทนาของเต๋อเฟย แล้วหันไปถามหยุนหว่านหนิงอีกว่า “จากที่เจ้าดู ใครกันเล่าที่เหมาะสมจะเป็นผู้นำทัพไปต่อต้านซีจวิ้นในครั้งนี้?”
หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
เมื่อครู่นางกล่าวไปลอยๆ เพียงเพื่อกลบเกลื่อน ให้โม่จงหรานมิใส่ใจ
คิดมิถึงว่าเขาจะยังคงเอ่ยถามนางจนถึงที่สุด
นางมิมีทางเลือกอื่นนอกจากคิดอย่างรอบคอบแล้วกล่าวว่า “เสด็จพ่อเพคะ ลูกคิดว่าในบรรดาองค์ชายทั้งหลาย แม้ว่าจะมีอายุยี่สิบปีแล้ว แต่ก็ยังมิเคยมีใครเคยออกรบและมีประสบการณ์จริงมาก่อน”
“แต่ท่านเเม่ทัพโจวเป็นผู้ที่เคยผ่านสนามรบมาก่อน”
นางเอ่ยแนะนำโจวเวยบิดาของโจวหยิงหยิง
“เเม่ทัพโจวมีประสบการณ์อย่างมากในการรบ และมีความรู้ต่างๆ เป็นการดีหากจะให้เขาเป็นแม่ทัพในการต่อสู้กับซีจวิ้นในครั้งนี้”
โม่จงหรานพยักหน้าเป็นการเห็นด้วย
สายตาของเขาดูลึกล้ำขึ้นเรื่อยๆ “แล้วเจ้าคิดว่าข้าควรส่งองค์ชายคนใดไปที่ชายแดนจึงจะเหมาะสม?”
แววตาของเต๋อเฟยมองไปทางหยุนหว่านหนิงด้วยความเป็นกังวล
นางหวังว่าโม่เยว่จะได้ไปฝึกฝนประสบการณ์
ดูเหมือนจะประเมินแม่นางผู้นี้ต่ำไปเสียแล้ว
เดิมทีนางคิดว่าประโยคเมื่อครู่นี้จะทำให้ฮ่องเต้พิโรธ......แต่เมื่อเห็นท่าทีและรอยยิ้มอันจริงใจของโม่จงหราน จึงทำให้นางรู้สึกว่าต้องมองหยุนหว่านหนิงสูงขึ้นอีกหน่อย
เมื่อเป็นเช่นนี้เยว่เอ๋อร์ก็จะมิสูญเสียเรื่องดีๆ ไป
“เป็นการดียิ่งนักที่มีแผนการเช่นนี้ แต่ข้าหวังว่าความฉลาดของเจ้าจะนำมาใช้ในทางที่ถูกต้อง”
โม่จงหรานเหลือบมองไปยังนางด้วยความลึกซึ้งแล้วกล่าวอย่างมีความหมาย
นางฟังออกถึงความหมายซับซ้อนของเขา จึงรีบคุกเข่าลงกล่าวว่า “ลูกเป็นเพียงแค่สตรีที่คอยดูแลเรือนหลัง และเพียงต้องการดูแลปรนนิบัติรับใช้สามีกับบุตร กตัญญูกตเวทีต่อ บิดามารดาของสวรรค์มีเท่านั้นเพคะ”
“อืม จงว่ามาเถิด ลุกขึ้นก่อน”
โม่จงหรานกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เมื่อครู่ที่เจ้าว่านั้น ร่างกายข้าทำงานหนักเกินไปหรือ?”
“เพคะเสด็จพ่อ”
“จากนี้ไปเจ้าต้องช่วยบำรุงร่างกายข้าด้วย”
สีหน้าของโม่จงหรานดูสงบ “ตามที่เจ้าว่ามานั้น ข้ามีโอรสมากมาย บางเรื่องก็ควรที่จะวางมือลงแล้ว”
เต๋อเฟยมองดูเขาด้วยใบหน้าซับซ้อน
เมื่อพบว่านางมิได้เอาแต่ใจ มิได้ทำหน้าตกใจแตกตื่น กลับกำลังสั่งยาให้แก่โม่จงหราน
การทำงานหนักเกินไปจำเป็นต้องได้รับการดูแลร่างกายเป็นพิเศษ
ในแง่ของยานั้น ยังคงต้องใช้ยาร้อนเป็นยาชูกำลังในแพทย์แผนจีน
นอกจากนี้เรื่องการรับประทานอาหารเสริมก็จำเป็นนัก
หยุนหว่านหนิงมีความคิดหนึ่งอยู่ในใจ นางเล่าถึงความคิดของตนเองออกมา โม่จงหรานยกมือบ่ายเบี่ยง “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเจ้าจึงจะเป็นหมอ เรื่องเหล่านี้เจ้าสามารถตัดสินใจได้อย่าได้เอ่ยถามข้าเลย”
นี่นับว่าเป็นการไว้ใจหยุนหว่านหนิงอย่างสุดซึ้ง
เต๋อเฟยและโม่เฟยเฟยมองหน้ากันด้วยความตกใจ
ทัศนคติของนางที่มีต่อหยุนหว่านหนิงดูซับซ้อนขึ้นในทันที
ดูเหมือนเต๋อเฟยจะค่อนข้างอึดอัดใจ
นางมิอาจตัดสินใจได้ว่านับจากนี้ไปจะปฏิบัติกับสะใภ้ที่นางเกลียดชังได้อย่างไรกัน
ทันใดนั้นเอง หลี่หมัวมัวก็ตรงเข้ามากล่าวว่าอ๋องหมิงเดินทางมา
หยุนหว่านหนิงหันหลังกลับไปมองและพบโม่เยว่เดินตรงเข้ามาด้วยสีหน้าอันว่างเปล่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
นิยายสนุก แต่ช่วยมาลงต่อให้จบได้ไหมคะ...
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...