อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 76

เมื่อโม่เยว่ตรงเข้ามา บรรยากาศอันยุ่งเหยิงเมื่อครู่ก็สงบลง

หยุนหว่านหนิงให้ฉายาแกเขาอยู่ในใจว่าเป็นจอมทำกร่อย

แววตาของเต๋อเฟยมองไปทางโม่เยว่เพื่อให้เขาเอาใจโม่จงหราน แต่เขากลับมิเห็นสายตานั้นของนางได้แต่จ้องไปทางหยุนหว่านหนิงด้วยความสงสัย “บัดนี้ก็เย็นมากแล้วเหตุใดเจ้ายังมิกลับจวนอ๋องอีก?”

“เสด็จพ่อมิสบายนัก ข้ากำลังสั่งยาให้ท่านอยู่”

หยุนหว่านหนิงยิ้มแล้วตอบกลับ

ความหมายนั่นก็คือ เสด็จพ่อทรงของเจ้ามิสบายจงรีบแสดงความเป็นห่วงเร็วเข้า

นางเป็นภรรยาที่ดีที่สุดในโลกก็ว่าได้ นางพยายามทุกวิถีทางในการแสวงหาโอกาสให้สามีของตน

แต่เจ้าหมูโง่ตัวนี้กลับถามขึ้นมาว่า “เสด็จพ่อมิสบาย ย่อมมีหมอหลวงคอยดูแลรับใช้ เจ้าเข้าไปยุ่งเรื่องใดด้วย? ทักษะเพียงเล็กน้อยของเจ้านั้นสามารถรักษาเสด็จพ่อให้หายได้หรือ?”

หยุนหว่านหนิง “......”

โม่เยว่โดนประตูหนีบสมองจนแห้งไปหมดแล้วหรือ?

“เจ้าเจ็ด เจ้ามิได้บอกเองหรือว่าทักษะทางการแพทย์ของหว่านหนิงนั้นยอดเยี่ยมนัก”

โม่จงหรานชำเลืองมองเขาอย่างมิเห็นด้วย “วันนี้หยุนหว่านหนิงได้จับชีพจรของข้าดู ทักษะของนางนั้นยอดเยี่ยมและทำให้ข้าวางใจได้”

“เจ้าลูกคนนี้ เห็นนางเป็นสมบัติอยู่ในมือแล้วจะทะนุถนอมไว้ใช้คนเดียว?”

โม่เยว่จึงก้มหน้าลงแล้วตอบอย่างว่าง่ายว่า “พ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”

เมื่อพบว่าบัดนี้ก็เย็นมากแล้วทั้งสองคนจึงลุกขึ้นกล่าวลา ก่อนที่จะจากกันไป โม่จงหรานกำชับกับหยุนหว่านหนิงว่า “หว่านหนิง วันพรุ่งนี้อย่าลืมเดินทางเข้าวังมาจับชีพจรให้ข้าด้วย”

“เพคะเสด็จพ่อ”

นางตอบรับด้วยความเคารพก่อนที่ทั้งสองจะเดินทางออกจากพระราชวังไป

เมื่อมองเห็นทั้งสองจากไปแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เต๋อเฟยรู้สึก......ว่าพวกเขาเข้ากันดี

จนกระทั่งทั้งสองเดินออกจากประตูพระราชวัง หยุนหว่านหนิงก็ทนมิไหวอีกต่อไป นางโมโหดั่งกับนางแมว แล้วหยิกโม่เยว่เข้าจริงจัง “เจ้าโง่หรือไรกัน? ข้าสบตากับเจ้าตั้งเนิ่นนานเจ้ากลับมิเข้าใจ!”

“ข้าคิดว่าเปลือกตาเจ้ากระตุก”

โม่เยว่เอ้ยโดยมิเปลี่ยนสีหน้าของตน

เขาสะบัดมือของหยุนหว่านหนิงออกแล้วระงับความเจ็บเอาไว้

“เปลือกตาเจ้าสิกระตุก! คนทั้งครอบครัวของเจ้าเปลือกตากระตุกกันสิ้น!”

หยุนหว่านหนิงโมโหจัด “เจ้ารู้หรือไม่ว่าในวันนี้ที่ตำหนักของเสด็จแม่ ข้าถูกนางหาเรื่องทำให้ลำบากใจ เสด็จแม่วิ่งไล่ตีขาอยู่กว่าครึ่งชั่วโมงในตำหนักหย่งโซ่ว”

“จากที่ข้ามองดูเหมือนเจ้าจะชื่นชอบ”

โม่เยว่เหลือบมองนาง

“เจ้าอย่างไรนะ?”

“เจ้ายังกล่าวว่าเสด็จแม่วิ่งไล่เจ้าอยู่กว่าครึ่งชั่วโมงยาม ข้าเห็นเพียงเสด็จแม่โมโหเสียจนแทบระเบิดและเหนื่อยหอบยิ่งนัก”

“เจ้ารู้ได้อย่างไร?”

หยุนหว่านหนิงระงับความโกรธของตนแล้วมองไปทางเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เจ้าเห็นหมดงั้นหรือ?”

โม่เยว่มิตอบได้แต่ยิ้ม

แน่นอนว่าเขาเห็น

เขาได้ยินว่าหยุนหว่านหนิงและเต๋อเฟยกำลังมีเรื่องกัน......

และในตอนนั้นเขากำลังอยู่ในห้องทรงพระอักษร

เขาเร่งรีบเดินทางมาเพื่อเกลี้ยกล่อมแต่คิดมิถึงว่าทั้งมารดาและภรรยาของตนจะกำลังวิ่งไล่ล่ากันอยู่ในตำหนักหย่งโซ่ว ส่งเสียงเอะอะโวยวาย

มิมีใครเห็นว่าเขายืนดูฉากเด็ดนี้อยู่ตรงหน้าประตู

ตราบจนกระทั่งโม่จงหรานปรากฏตัวขึ้นเขาจึงได้กลับไปยังห้องทรงพระอักษรของตน เมื่อเดาว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว จึงได้เดินทางมารับหยุนหว่านหนิง ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินทางกลับจวนอ๋องด้วยกัน

“ในเมื่อเจ้ารู้เจ้าเห็นแล้วเหตุใดจึงแสร้งทำเป็นหูหนวกเป็นใบ้?”

หยุนหว่านหนิงตะคอกเบาๆ “หากว่าในวันนี้ข้าถูกเสด็จแม่ตีจนตาย เจ้าก็จะกลายเป็นพ่อหม้าย!”

พ่อหม้ายงั้นหรือ?

คำนี้โม่เยว่ดูมิสบายใจนัก

เขาขมวดคิ้วเข้าหากัน “เจ้าคิดว่าข้าจำเป็นต้องมีเจ้าเท่านั้นหรือ?”

ประโยคนี้เหตุใดจึงดูมิน่าฟัง

หยุนหว่านหนิงจ้องมองไปที่เขาและตบหน้าอย่างแรง “หากว่ามิรู้จะพูดอย่างไรก็หุบปากไปเสีย ข้าเป็นพระชายาของเจ้า!”

โม่เยว่เคยชินกับการถูกนางกระทำอย่างป่าเถื่อนเช่นนี้แล้ว จึงมิได้ถือสานาง

ในมิช้ารถม้าก็วิ่งตรงเข้าไปยังจวนอ๋องหมิง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์