เมื่อหันกลับไปดูจึงพบว่าโม่เยว่พุ่งตรงเข้ามาด้วยความโมโห
เขาเดินตรงก้าวมาแย่งหยวนเป่าไปโดยมิกล่าวสิ่งใด และอุ้มเจ้าหนูน้อยไว้ในอ้อมกอดอย่างทะนุถนอมราวกับสมบัติ “เหตุใดเจ้าจึงได้ใจจืดใจดำตีได้ลงคอ?”
เมื่อเห็นท่าทีของเขาราวกับจะกินคนเข้าไปทั้งตัว......
หยุนหว่านหนิงก็รู้สึกสนุกขึ้นมาทันใด
“ท่านอ๋อง ข้าสั่งสอนลูกชายของข้า เกี่ยวอะไรกับท่านกัน?”
นางเลิกคิ้วจ้องมอง จงใจยั่วโมโหเขา “นี่คือลูกชายข้า มิใช่ลูกชายเจ้า!”
จู่ๆ โม่เยว่พูดมิออก
แต่เมื่อเห็นหยวนเป่าดวงตากลมโตไร้เดียงสาคู่นั้น เขาก็กล่าวอย่างแข็งขันว่า “ลูกเจ้าแล้วอย่างไร ลูกยังเล็กเช่นนี้เจ้าตีเขาได้อย่างไร?”
“ก่อนหน้านี้ใครกันที่บอกข้าว่า ลูกจะดีได้นั้นล้วนออกมาจากไม้เรียว”
หยุนหว่านหนิงจับไปที่ใบหูของตนแล้วมองเขาด้วยความสนอกสนใจ “ท่านอ๋องกล่าวเองมิใช่หรือว่าตั้งแต่เล็กจนโตท่านถูกเสด็จพ่อคอยเฆี่ยนตี และเด็กๆ ควรจะถูกตีจึงจะโดดเด่นมิใช่หรือ”
โม่เยว่ “......อย่างไรก็ตาม คืนนี้หากข้าอยู่ที่นี่ เจ้าอย่าคิดจะได้แตะต้องเขาอีก!”
หยุนหว่านหนิงหัวเราะขึ้น
นางชี้นิ้วไปที่กำแพง “ท่านอ๋องมองดูเถิด”
“ที่กำแพงนี้ ถูกเจ้าหนูนี่ขุดจนเป็นรูเป็นอุโมงค์ หากยังขุดต่อไปกำแพงคงจะทลายพังพอดี”
“นี่คืออาณาเขตของข้า ต่อให้เขาขุดกำแพงจนมันพังล้มลง ข้าก็มิว่ากระไร”
“แล้วดูเนื้อตัวอันสกปรกของเขาเข้าสิ ราวกับขอทาน!”
“ประเดี๋ยวข้าสั่งให้คนไปอาบน้ำให้เขาก็พอ”
หยุนหว่านหนิง “......”
ชายผู้นี้หลงลูกเข้าไปทุกวัน มิดูเหตุผลเลย
หยุนหว่านหนิงทำได้เพียงจำใจยอมแล้วไปต้มน้ำให้แก่หยวนเป่าอาบด้วยตนเอง ทุกเรื่องของลูกคนนี้ ตลอดสามปีที่ผ่านมานางเป็นคนทำเองทั้งหมด มิให้คนอื่นเข้ามายุ่งเกี่ยว
แต่ในค่ำคืนนี้ ผู้ที่อาบน้ำให้หยวนเป่าเพิ่มเข้ามาคนหนึ่ง
โม่เยว่นั่นเอง
เขามิยอมจากไปก็ยังมิเท่าไร แต่ยืนกรานที่จะเข้าไปในห้องน้ำอาบน้ำให้กับหยวนเป่าด้วย
หยวนเป่ายินดียิ่งนัก
เขาเปลื้องผ้าล่อนจ้อนราวกับปลาตัวสีขาวแล้วกระโดดลงไปในอ่างน้ำด้วยตนเอง ทั้งยังกวักมือเรียกโม่เยว่ว่า “พี่ชาย มาอาบน้ำด้วยกันเถอะ”
ใบหน้าของโม่เยว่แดงเรื่อ
เจ้าเด็กนี่ เขาสอนกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าให้เรียกเขาว่าท่านพ่อ......แต่ก็มิยอมฟัง
แน่นอนว่าโม่เยว่สั่งสอนเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว
หากสอนเขาต่อหน้าหยุนหว่านหนิง ผู้หญิงคนนี้คงจะต้องห้ามอย่างแน่นอน
มิว่าหยวนเป่าจะเป็นลูกใครก็ตาม แต่เขาน่ารักเพียงนี้ โม่เยว่จึงเห็นเขาเป็นลูกชายของตน
เขาเรียกหยุนหว่านหนิงว่าแม่ เรียกตนว่าพี่ชาย เหตุได้ฟังแล้วดูขัดหูนัก
ดูเหมือนกับว่าเขาถูกหยุนหว่านหนิงเอาเปรียบอยู่
หยวนเป่าอาบน้ำอย่างสนุกสนาน
หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วเขาก็ยืนกรานที่จะลากโม่เยว่ไปนอนด้วย ทั้งสองคนตะแคงหูฟังหยุนหว่านหนิงเล่านิทาน ก่อนจะกล่อมหยวนเป่าหลับไป
หยุนหว่านหนิงยังคงเล่านิทานต่อไปว่า “หนูน้อยหมวกแดงถูกเจ้าหมาป่าใจร้ายกินเข้าไป”
เมื่อมองผ่านกลับไปพบว่าโม่เยว่ก็หลับแล้ว
เตียงช่างใหญ่โตแต่นางกลับถูกเบียดมานอนขอบเตียง นางดึงผ้าห่มคลุมแล้วปิดไฟ
......
เช้าวันรุ่งขึ้น กู้ป๋อจ้งได้เดินทางมายังจวนอ๋อง
หลังจากส่งเสี่ยวเป่าให้ไปเรียนหนังสือแล้ว หยุนหว่านหนิงก็เดินทางเข้าวังไปพร้อมกับโม่เยว่
“เจ้าจะเข้าวังไปทำอะไร?”
โม่เยว่ขมวดคิ้วมองนาง
บางทีอาจเป็นเพราะเมื่อคืนนี้ทั้งสองร่วมหมอนนอนเตียงเดียวกัน ในวันนี้จึงนับว่าสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบได้ อย่างน้อยก็มิได้ทะเลาะเบาะแว้งกันทันทีที่เจอหน้า
“ข้าจะเข้าไปจับชีพจรให้เสด็จพ่อสักหน่อย”
หยุนหว่านหนิงกล่าวขึ้นด้วยท่าทางจริงจังว่า “มีเพียงเจ้าเท่านั้นหรือที่เดินทางเข้าหวังได้ ข้าเข้าไปมิได้?”
“ถึงอย่างไรเจ้าก็เข้าวังอยู่แล้ว พวกเรานั่งรถม้าคันเดียวกันมิสะดวกกว่าหรือ”
คาดมิถึงวันนางจะเข้าหวังจริงๆ
โม่เยว่ชำเลืองมองนาง “......ตามแต่เจ้า”
หลังจากเข้าวังไปแล้ว โม่เยว่ก็ได้เดินทางตรงไปตำหนักฉินเจิ้งเพื่อร่วมประชุมราชวงศ์เช้า
เมื่อรู้ว่าหยุนหว่านหนิงก็เดินทางเข้าวังมาเช่นกัน โม่จงหรานจึงกำชับให้หัวหน้าขันทีซูปิ่งซ่านพานางไปที่ห้องทรงพระอักษร ทั้งยังอนุญาตให้นางเข้าออกห้องทรงพระอักษรได้ตามอิสระ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...