“ท่านแม่ ท่านไม่ต้องกลัว หยวนเป่าโตแล้ว ข้าจะปกป้องท่านเอง!”
หยวนเป่าเช็ดน้ำตาให้นางอย่างแผ่วเบา มือเล็กอวบอ้วนตบไหล่ของนางเบา ๆ ทำสีหน้าที่แน่วแน่
หยุนหว่านหนิงร้องไห้เศร้ายิ่งกว่าเดิม “ฮือออออออ...”
ทั้งชีวิตนี้นางโชคดีแค่ไหนแล้ว ที่มีลูกชายอย่างหยวนเป่า ฮึกฮือ นับได้ว่าเป็นเทพยดาที่ตกลงมายังแดนมนุษย์ ฮือออ...
หยุนหว่านหนิงส่งหยวนเป่าไปตระกูลกู้ด้วยตัวเอง
ระหว่างทาง นางและหยวนเป่าได้ทำข้อตกลงร่วมกัน
แม้ว่าหยวนเป่าจะรู้ว่าพ่อของเขาเป็นใคร และรู้ถึงการมีตัวตนของพวกเต๋อเฟย แต่ก่อนเรื่องนี้จะแดงขึ้น เขาจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับท่านแม่
สองแม่ลูกร่วมกันเป็นหนึ่ง ปิดปากเงียบ!
รู้ว่าเมื่อลูกชายเทียบกับเด็กที่อายุเท่ากันแล้ว มีความเป็นผู้ใหญ่จิตใจมั่งคงหนักแน่นเป็นพิเศษ หยุนหว่านหนิงจึงรู้สึกวางใจ
ขณะเดียวกันก็รู้สึกสงสารลูกชายมาก
ตั้งแต่หยวนเป่าเด็ก ก็เติบโตมาโดยไม่มีพ่ออยู่เคียงข้าง
ไม่มีพ่อ...พอสามปีต่อมา โม่เยว่ถึงได้ปรากฏตัวขึ้น ชดเชยความรักของพ่อที่ขาดหายไป
แต่ช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมา พวกเขาติดค้างหยวนเป่ามากเกินไป
ช่วงนี้ หยุนหว่านหนิงและโม่เยว่ก็ไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับเขา
ดังนั้นอยู่ที่ตระกูลกู้แล้วกู้ป๋อจ้งกับกู้หมิงทำของเล่นมากมายให้เขา หยวนเป่ามีความสุขจนไม่อยากกลับจวนอ๋อง
พอมาถึงตระกูลกู้กำชับกับกู้ป๋อจ้งและ กู้หมิงโดยเฉพาะ พ่อลูกคู่นี้ ก็เดาพื้นเพของหยวนเป่าออกตั้งแรกแล้ว แต่หยุนหว่านหนิงไม่พูด พวกเขาก็ไม่ถาม
กลับกัน สายเลือดตระกูลกู้ก็ไหลเวียนอยู่ในร่างหยวนเป่าเช่นกัน
ไม่สนว่าตระกุลโม่จะรับรู้หรือไม่ แต่ตระกูลกู้พวกเขาล้วนรับรู้!
เพราะงั้นสองพ่อลูกหยุนหว่านหนิงกับกู้ป๋อจ้งก็เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
นางกลับไปอย่างวางใจ
ทันที่เพิ่งกลับจวนอ๋อง ก็เห็นรถม้าของโม่เยว่จอดอยู่ตรงประตู บ่าวเด็กชายผู้เฝ้าประตูยืนกลัวตัวสั่นงันงกอยู่หน้ารถม้า กำลังรายงานด้วยเสียงแผ่วเบา
เมื่อเห็นหยุนหว่านหนิงกลับมาแล้ว เขารีบตะโกนว่า “พระชายาขอรับ ท่านอ๋องกลับมารับท่านเข้าวังขอรับ!”
พระชายาผู้นี้ราวกับจะเป็นเทวดาเดินดินองค์หนึ่งแล้ว
ไม่เป็นที่โปรดปรานมาสี่ปี อยู่จวนอ๋องราวกับเป็นคนไร้ตัวตน
ใครจะไปคิดว่าหลังจากสี่ปี จู่ๆ ก็ “กลับมาโปรดปราน” แล้วกัน
ท่านอ๋องตื่นแต่เช้าและตรงเข้าไปในวังโดยไม่รอนาง เดิมที่นางพูดว่า “รอท่านอ๋องกลับมารับ” เป็นเพียงการพูดส่งเดชไป
ใครจะคิดว่าไม่ถึงหนึ่งชั่วยามดี ท่านอ๋องจะกลับมารับนางจริง ๆ !
บ่าวเด็กชายมองหยุนหว่านหนิงอย่างตกตะลึง แล้วมีท่าทีเคารพต่อนางมากยิ่งขึ้น
หยุนหว่านหนิงกอดอกยืนอยู่หน้ารถม้า “ใครบางคนตื่นแต่เช้าแล้วหายไปไว้กว่าผู้อื่นไม่ใช่หรือ ตอนนี้ยังกลับมารับอะไรกันเล่า”
คำนวณเวลาแล้ว ตอนนั้นควรจะเป็นช่วงเช้าตรู่
โม่เยว่กลับมารับนางโดยตั้งใจ เข้าวังไปจับชีพจรให้โม่จงหราน
แต่ขอโทษนะ!
นางไม่ไปแล้ว!
หยุนหว่านหนิงเอนหลังพิงเสา ด้วยท่าทางเอ้อระเหยลอยชาย “จับชีพจรให้เสด็จพ่อ?เจ้ามีความสามารถขนาดนั้นทำไมเจ้าไม่ไปจับชีพจรให้เสด็จพ่อเองเล่า”
“หยุนหว่านหนิง ข้าให้โอกาสเจ้าอีกคราวเดียว”
หรูยี่เปิดม่านรถม้าด้วยความกลัวจนตัวสั่น ใบหน้าเฉยเมยปรากฏตรงหน้านาง “ขึ้นมา”
“ข้าไม่ขึ้น!”
หยุนหว่านหนิงตะคอกอย่างเย็นชา พูดหยอกอยากแง่งอน “วันนี้ข้าร่างกายไม่สบาย จึงเข้าวังไม่ได้”
“ร่างกายไม่สบายงั้นหรือ”
จู่ ๆ โม่เยว่ก็ยกมุมปาก เผยให้เห็นรอยยิ้มที่น่าสะพรึงกลัว “เจ้าแกล้งทำเป็นป่วยต่อหน้าข้า?ข้าจะทำให้เจ้าได้ลิ้มรสถึง ความรู้สึกที่เจ็บป่วยจริง ๆ !”
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้แค่ขู่นาง รู้ว่าหากชายปากหมาผู้นี้จนตรอกแล้ว ล้วนทำได้ทุกวิถีทาง
หยุนหว่านหนิงอดไม่ได้ที่จะยืนตัวตรง “เจ้าขู่ข้า?”
“ข่มขู่หรือไม่ เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจ”
โม่เยว่หุบรอยยิ้มบนใบหน้า เหลือบมองนางอย่างเย็นชา ยื่นมือไปตบที่ข้าง ๆ “ขึ้นมา”
หยุนหว่านหนิงผวาทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...