ภาคิน (ซีรีส์ 3 หนุ่มซานเตียนโน่) นิยาย บท 60

“เมื่อเช้าฉันออกไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียงห้อง พอกลับเข้ามา ก็เห็นณีใส่แต่ชุดชั้นในอยู่บนเตียงที่น้องไวน์นอนคลุมโปงอยู่” ภาคินรีบออกตัว ใจจริงอยากจะเคลียร์เรื่องนี้กับเมียแค่สองคน แต่เพื่อนรักก็ดันอยากจะมีส่วนร่วม ซึ่ง...ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย แถมจะเพิ่มรอยร้าวรอยใหม่ขึ้นมาอีกรอย

“บ้าจริง!” ขุนพันเผลอสบถออกมาอย่างลืมตัว

“ตอนนั้นน้องไวน์ไม่รู้สึกตัวเลยเหรอครับ” แม่ทัพถามอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าเสาวณีจะกล้าทำเรื่องแบบนี้

“รู้ค่ะ แล้วก็ได้ยินคุณณีพูดว่า...คินขา...ขอณีนอนด้วยคนนะคะ” วรันยาดัดเสียงให้เหมือนกับน้ำเสียงของอีกฝ่าย แล้วหันไปมองใบหน้าของสามีอย่างไม่หายแคลงใจ

“อ๊าย! ขนลุกเลยค่ะ” นารีบอกพร้อมกับลูบแขนไปมาอย่างสะอิดสะเอียน

“ฮ่าๆๆ / ฮ่าๆๆ” หนุ่มๆ พากันหัวเราะกับท่าทีของสองสาว

“ไม่ต้องห่วงครับ! ต่อไปนี้พวกพี่จะไม่ปล่อยให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้ ไอ้คินมันได้อีก” ขุนพันให้คำมั่นอย่างรู้สึกผิดนิดๆ ที่ตนเองเคยแนะนำให้เพื่อนเลี้ยงผู้หญิงเอาไว้แก้เหงา แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต แถมยังส่งผลกระทบมาถึงชีวิตคู่ในปัจจุบันอีกด้วย

“ฉันไล่ณีออกไปแล้ว” ภาคินบอกด้วยสีหน้าตึงเครียด

“เอ่อ...เรื่องบัญชีรายรับรายจ่ายที่คุณคินให้ผมตามเช็ก ผมลองไล่ตรวจสอบย้อนหลังไป พบว่ามีจำนวนเงินหายไปอยู่...” สิงขรเอ่ยเรื่องที่ตนไปสืบค้นมาค้างไว้อย่างชั่งใจว่าสมควรจะบอกในตอนนี้ไหม

“เท่าไหร่ครับ?” ภาคินหันไปถามคนสนิท

“คร่าวๆ ตัวเลขอยู่ที่...เอ่อ...” สิงขรอึกอักไม่กล้าสบตาผู้เป็นนาย

“บอกมาเถอะครับพี่สิงห์” ภาคินเอ่ยเสียงอ่อนอย่างทำใจ

“สามล้านกว่าๆ ครับ เป็นรายได้ที่ไม่ตรงกับยอดสรุปของสาขาที่เชียงรายครับ ส่วนสาขาที่เชียงใหม่ผมยังไม่ได้ตรวจสอบ” สิงขรบอกอย่างรู้สึกหนักใจ! เชื่อว่าหากธรรมนัสยักยอกเงินที่สาขาเชียงรายจริง สาขาที่เชียงใหม่และสาขาอื่นในภาคเหนือ ก็ต้องมีด้วยเช่นกัน

“! ถ้าแค่สาขาที่เชียงราย ก็กินไปตั้งสามล้านกว่า ฉันแนะนำให้ตรวจสอบบัญชีย้อนหลังตอนที่คุณธรรมยังเป็นผู้จัดการ เผื่อจะเจอการยักยอกเงินที่เยอะกว่านี้” แม่ทัพรีบแนะ

“ฉันก็คิดอยู่เหมือนกัน” ภาคินพยักหน้ารับอย่างรู้สึกเหนื่อย ไม่น่าเชื่อว่าลูกน้องคนดีของบิดาจะคดโกงได้ขนาดนี้

“งั้นให้ไวน์กับพี่นาช่วยตรวจบัญชีให้ไหมคะ เผื่อเจอรอยรั่วตรงไหนอีก” วรันยาบอกสามีอย่างรู้สึกเห็นใจ

“ขอบใจจ้ะ งั้นพี่จะให้พี่สิงห์ตามสืบเรื่องทรัพย์สินของลุงธรรมต่อ ส่วนเรื่องบัญชี ฝากพี่นาช่วยน้องไวน์ตรวจด้วยนะครับ” ภาคินอมยิ้มเมื่อเห็นเมียรักเสนอตัวเข้าช่วย

“ได้ค่ะคุณคิน” นารียิ้มรับอย่างเต็มใจ

“ฉันว่าคุณธรรมน่าจะพาณีมาพบนายเร็วๆ นี้” แม่ทัพคาดการณ์ล่วงหน้า

“เพราะอะไร?” ขุนพันเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย

“ก็ไม่อยากจะเสียแหล่งทำเงินน่ะสิ อีกอย่างถ้าคุณธรรมมาขอร้องให้ณีกลับเข้าทำงานต่อ คิดว่ายังไงไอ้คินก็ต้องเกรงใจเขา” แม่ทัพให้เหตุผล

“อืม!” ภาคินพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย เพราะตนก็แอบคิดอยู่เช่นกัน

“งั้นก็รับกลับเข้าทำงาน แล้วเฝ้าสังเกตดีๆ ดูท่าจะมีคนในรู้เห็นอีกหลายคน” ขุนพันบอก

“ตามนั้น เดี๋ยวฉันจะพาน้องไวน์หลบหน้าไปสักอาทิตย์หนึ่ง เพื่อให้พี่สิงห์กับพี่นามีเวลาตรวจสอบบัญชีกันอย่างเต็มที่ก่อน แล้วค่อยเจอกับลุงธรรม” ภาคินข้ออ้างเรื่องตรวจสอบบัญชี เตรียมพาเมียรักหลบไปปรับความเข้าใจ

วรันยากำลังจะเอ่ยปากท้วง เพราะเธออยากจะช่วยนารีตรวจสอบบัญชีมากกว่าจะหนีไปใช้เวลาอยู่กับสามีจอมหื่นแบบสองต่อสอง แต่ก็มีสายเรียกเข้าที่มือถือดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน

ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ

[ว่าไงมีน?] วรันยาเอ่ยทักทายอย่างมึนงง คิดว่าตัวเองลืมอะไรเอาไว้ที่รถของเพื่อนสาวหรือเปล่า?

[ไวน์! อยู่ไหนเอ่ย] มีนาถามเสียงสดใส

[เราอยู่ที่ไร่ไปรยาเวศจ้ะ]

[เหรอ! คือเราว่าจะไปกินมื้อเที่ยงที่รีสอร์ตของเธอ ช่วยออกมาหาหน่อยได้ไหม?]

[ตะ...ตอนนี้เหรอ?] วรันยาถามย้ำ

[อืม! มาได้หรือเปล่า]

[คือเรากำลังจะกินส้มตำกับเนื้อย่าง เธอสนใจหรือเปล่า] วรันยาบอกอย่างไม่รู้จะทำยังไง ถ้าจะไปกินมื้อเที่ยงกับเพื่อนสาว สามีก็คงจะไม่พอใจ จึงต้องชวนอีกฝ่ายมาที่นี่แทน

[สนใจสิ] ปลายสายรีบตอบเสียงใส

[งั้นก็ขับรถตรงเข้ามาในไร่ได้เลยจ้ะ]

[โอเค เดี๋ยวเจอกัน] ปลายสายบอกจบก็กดวาง

“อืม! หอมเม็ดผักชีใช่หรือเปล่าครับพี่สิงห์” ขุนพันแสร้งทำเป็นไหลตามน้ำ

“ใช่ครับ! แต่ไม่รู้ว่าจะอร่อยสู้เนื้อหมักของคุณขุนได้หรือเปล่า” สิงขรหยอกกลับยิ้มๆ

“ต้องลองครับ” ขุนพันบอกยิ้มๆ

“พี่สิงห์ไปนั่งกินเถอะครับ เดี๋ยวผมจะย่างเนื้อต่อให้เอง” โอมขันอาสา

“ขอบใจมากโอม” สิงขรส่งคีมย่างเนื้อให้ลูกน้องรับช่วงต่อ จากนั้นก็เดินไปช่วยนารียกส้มตำไปวางที่โต๊ะ

นารีส่งจานส้มตำปูปลาร้ากับเบียร์เย็นๆ ที่แม่ทัพขนมา ส่งให้โอมอย่างเอาใจ จากนั้นก็เดินไปนั่งข้างๆ สิงขรอย่างไม่มีทางเลือก เพราะเหลืออยู่แค่ที่นั่งเดียว

สองชั่วโมงต่อมา...ภาคินนั่งฟังเพื่อนรักทั้งสองพูดคุยเรื่องธุรกิจขนส่งที่ทำร่วมกัน ขณะที่วรันยาก็มัวแต่คุยกับมีนาเรื่องที่คาร่ากำลังระดมทุนสร้างสถานพยาบาลและสถานศึกษาที่ต่างแดน

แม่ทัพลุกเดินออกมาเข้าห้องน้ำกับขุนพัน ก็รีบหันไปเอ่ยกระซิบเรื่องที่ตนแอบสังเกตมาได้สักพัก “กูว่าเพื่อนของน้องไวน์นี่แปลกๆ ว่ะ”

“ใช่! อย่างกับตั้งใจมาอ่อยไอ้คินแน่ะ” ขุนพันบอกพร้อมกับส่ายหน้าอย่างรู้สึกเพลียๆ

“เออ! เห็นแล้วโคตรรำคาญเลย” แม่ทัพกลอกตาอย่างรู้สึกสะอิดสะเอียน

“แกล้งแม่งดีไหมวะ” ขุนพันเสนอไอเดีย

“เอาสิ! กูอยู่ฝั่งน้องไวน์โว้ย” แม่ทัพรีบสมทบตามอย่างไม่รอช้า

“กูก็ด้วย” ขุนพันยิ้มรับ เพราะไม่อยากให้ ลัมภา เสาวณี หรือแม้กระทั่งสาวที่ชื่อมีนา เข้ามาเขย่าความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนรักกับภรรยา

มีนามองพ่อเลี้ยงสุดหล่อที่ตักอาหารวางลงในจานให้กับเพื่อนสาวอยู่ไม่ขาดจึงอดเอ่ยแซวไม่ได้ “คุณคินคะ แบ่งมาทางนี้บ้างก็ได้ค่ะ ไวน์น่ะกินไม่ทันแล้ว”

“เอ่อ...นี่ครับเนื้อย่าง” ภาคินกำลังจะตักเนื้อย่างให้เมียรัก แต่พอได้ยินเสียงทักขึ้น จึงเปลี่ยนมาวางลงในจานของอีกฝ่ายแทน

“ขอบคุณค่ะ” มีนาฉีกยิ้มหวานส่งให้อย่างซาบซึ้งใจ

“นี่จ้ะมีน” วรันยาอมยิ้ม แล้วตักเนื้อย่างวางลงในจานให้เพื่อนรักเพิ่ม กลัวว่าอีกฝ่ายจะอาย ไม่กล้าตักเอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภาคิน (ซีรีส์ 3 หนุ่มซานเตียนโน่)