ภาคิน (ซีรีส์ 3 หนุ่มซานเตียนโน่) นิยาย บท 66

“พี่คินรู้ได้ยังไง?”

“พี่สิงห์เขาเมาแล้วหลุดปากพูดให้พี่ฟัง”

“ถึงว่า...ทั้งคู่ชอบมองตากันแปลกๆ แต่ทำไมเขาถึงไม่เปิดเผยหรือแต่งงานกันล่ะคะ” วรันยาถามอย่างไม่เข้าใจ

“ก็เพราะมีเรื่องเข้าใจผิดกันก่อนที่จะประกาศคบหาน่ะสิครับ”

“เรื่องอะไรคะ?”

“คือเรื่องมันมีอยู่ว่า...บลาๆๆ” ภาคินเล่าให้เมียรักอย่างละเอียดเกี่ยวกับสาวที่ชื่อสาลี่ ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้นารียุติความสัมพันธ์ต่างๆ กับสิงขรโดยไม่ยอมเปิดโอกาสให้แก้ตัว หรืออธิบายใดๆ

“สรุปแล้วเรื่องของสาลี่เป็นไงต่อคะ” วรันยาถามพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ เธอรู้สึกสงสารนารีที่ต้องทนเก็บซ่อนความรู้สึกต่างๆ เอาไว้ภายใต้สีหน้าที่ยิ้มแย้ม ไม่ยอมเปิดเผยให้ใครรู้ แม้กระทั่งเธอที่คิดว่าสนิทกว่าทุกๆ คน

“ก็หมั้นเอาไว้ก่อน ถ้าครบสองปีเมื่อไหร่ ค่อยแต่ง” ภาคินบอกกำหนดการที่สิงขรวางไว้

“สงสารพี่นาจัง”

“พี่ว่าน่าสงสารทั้งสองคนนั่นแหละครับ พี่สิงห์เองก็เก็บเรื่องนี้เอาไว้ไม่บอกใคร ถ้าไม่เมาวันนั้น พี่ก็คงไม่รู้”

“ไวน์อยากจะช่วยนะคะ แต่ไม่รู้ว่าพี่สิงห์กับสาลี่...”

“พี่สิงห์บอกว่าจำอะไรไม่ได้เลย พี่คิดว่าพี่สิงห์อาจจะโดนวางยา” ภาคินออกความเห็น

“เพราะ?” วรันยาขอเหตุผล

“พี่สิงห์ดื่มไปแค่สามแก้ว แล้วจำอะไรไม่ได้เลย พอตื่นมาอีกทีก็เห็นคุณนามายืนอยู่ที่ปลายเตียง โดยที่ตัวเองนอนกอดกับสาลี่อยู่บนเตียง” ภาคินชี้ข้อสงสัย

“พี่คินจะช่วยพี่สิงห์ยังไงคะ”

“พรุ่งนี้พี่จะให้พี่สิงห์กับพี่นาไปประจำอยู่ที่โรงแรม แล้วน้องไวน์กับพี่ก็ช่วยกันดูแลไร่กับรีสอร์ต”

“แค่นี้เหรอคะ?” วรันยาถามอย่างไม่เข้าใจ ว่าการที่ให้คนสองคนไปทำงานด้วยกัน มันจะทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นตรงไหน

“ใช่ครับ แค่นี้ก็พอแล้ว” ภาคินบอกพร้อมกับหัวเราะเบาๆ ในความซื่อบื้อ เอ๊ย! เดียงสาของภรรยา

“แล้วสาลี่ล่ะคะ” วรันยาถามถึงสาวอีกคนที่เธอเองก็ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน

“เรื่องนั้นพี่สิงห์เขามีวิธีจัดการ” ภาคินบอกอย่างมีเลศนัย

“ยังไงคะ?” วรันยาถามต่ออย่างอยากรู้

“ถ้าจะให้พี่บอก คืนนี้น้องไวน์ต้องยอมตามใจพี่”

“บ้า! เมื่อคืนก็ให้ไวน์ทำอะไรไม่รู้ไปตั้งเยอะตั้งแยะ” วรันยามองค้อนสามีจอมหื่นที่อาศัยจังหวะตอนที่เธอเมา บงการให้เธอทำนู่นนั่นนี่สารพัด

“พี่มีความสุขที่สุดเลย เพราะเมื่อคืนเหมือนเป็นคืนแรกที่เราได้ใช้ชีวิตแบบสามีภรรยากันจริงๆ” ภาคินบอกด้วยสีหน้ามีความสุข

“แล้วก่อนหน้านั้นล่ะคะ” เธอถามเสียงอ่อน

“อืม...พี่รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไอ้หื่นที่พยายามจะข่มขืนเมียตัวเอง” ภาคินบอกพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ

“คิกๆๆ ไวน์ก็คิดแบบนั้นค่ะ” วรันยาขำตามอีกฝ่ายอย่างอดไม่ได้

“ก็น้องไวน์ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับพี่เลยนี่ครับ การใช้ชีวิตร่วมกัน มันคือการแบ่งปันทั้งความทุกข์และความสุข ถ้าหากพี่มีความสุขอยู่ฝ่ายเดียว แล้วน้องไวน์ไม่มีความสุขเลย มันก็เหมือนกับพี่กำลังเห็นแก่ตัว”

“ถ้าพี่คินทำตัวน่ารัก ไวน์ก็จะทำตัวน่ารักกับพี่คินค่ะ”

“แหม...ฟังแล้วชื่นใจพี่ที่สุดเลย งั้นคืนนี้ขอแบบเมื่อคืนอีกนะ”

“บ้า” วรันยามองค้อนคนหื่น ก่อนจะหันไปกินขนมจีนต่อแก้เขิน ขณะที่ภาพบทรักอันเร่าร้อนของเธอและเขาแล่นผ่านเข้ามาในม่านตา เป็นฉากๆ ตอนๆ จนเธอแทบไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะกล้าบ้าบิ่นขึ้นไปขย่ม เอ๊ย! นั่งคร่อมบนตัวของอีกฝ่ายแล้วโยกไปมา ประหนึ่งจ๊อกกี้สาวที่ควบม้าแข่งในสนามยังไงอย่างงั้น แถมยังใช้ปากดูดเลียไอศกรีมแท่งใหญ่ของเขาราวกับว่ามันเอร็ดอร่อย ! เธอพยายามจะลบภาพของการกระทำเมื่อคืนทิ้ง แต่พอเห็นสีหน้าและรอยยิ้มของสามีจอมทะลึ่ง ทีไร ภาพเหล่านี้ก็วนเวียนมาหลอกหลอนเธอทั้งวัน

วันต่อมา...สิงขรไปดักรอลัมภา เพื่อจะเตือนอีกฝ่ายตามคำสั่งของภาคิน ทันทีที่เห็นหญิงสาวเดินออกมาจากรถ เขาก็รีบเดินตรงเข้าไปหา

“สวัสดีครับคุณลัมภา”

“ขอบคุณมาก ผมขอตัวก่อน” ธรรมนัสบอกก่อนจะลุกขึ้น

สิงขรมองตามคนที่เดินออกจากห้องไปก่อนจะรีบโทร. รายงานให้ผู้เป็นนายทราบ จากนั้นก็เดินออกไปกระซิบเลขาใหญ่ ขอบัญชีรายรับรายจ่ายของโรงแรม ซานเตียนโน่ทุกสาขาในภาคเหนือ ย้อนหลังไปในช่วงที่ธรรมนัสรับหน้าที่ประธานรักษาการแทนชั่วคราว เพราะตนจะนำไปตรวจต่อที่บ้านพักร่วมกับนารีในตอนเย็น

บ้านพักนอกเมือง...

ภาคินกับวรันยาช่วยกันวางแผนการตลาดใหม่ ทั้งที่พัก อาหาร ซึ่งจะทำขนมจีน 4 ภาค ปิ้งย่างเนื้อสไตล์เกาหลีที่กินคู่กับกิมจิ ใบงาและผักสดแบบออแกนิคที่ตนกำลังปลูก เพื่อใช้เป็นจุดขาย อีกทั้งยังมีกิจกรรมปั่นจักรยานเที่ยวชมไร่ผลไม้ของไปรยาเวศ น้ำตก รวมไปถึงเส้นทางธรรมชาติที่สามารถปั่นจักรยานลัดเลาะป่าเขาทางด้านหลัง ซึ่งเชื่อมโยงกับไร่สิรันยากรณ์ ไร่เอื้องลานนาและไร่ของจอมพล

ด้านกังศมากับสินชัยก็ออกเดินทางไปเที่ยวกับดาหลาและลูคัสยังประเทศต่างๆ ในแถบยุโรป โดยปล่อยให้หนุ่มสาวได้ใช้เวลาศึกษาและอยู่ร่วมกันอย่างเต็มที่

ส่วนหิรัญกับภัคคินัยก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับกิจการที่ต้องปรับเปลี่ยนแผนการตลาด หลังมีข่าววงในหลุดออกมาเป็นระยะๆ ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ กลับเข้ามาสู่ยุคที่เฟื่องฟูอีกครั้ง หลังจากที่ประชาชนเฝ้ารอแล้วรอเล่ามาหลายปี (สลัดเอ้ย! รอจนไฟแนนซ์มันจะตามมายึดรถ ก_ ละ!)

เวลา 19:01 น. บ้านพักในเมือง

นารีขับรถมาหาสิงขรที่บ้านพักในเมือง ที่อีกฝ่ายเคยพาเธอมาดูและซื้อเอาไว้เมื่อสองปีก่อน เพื่อช่วยตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายย้อนหลัง ซึ่งใจจริงเธอก็อยากจะปฏิเสธ แต่เพราะเห็นแก่วรันยากับภาคิน เธอจึงต้องกัดฟันฝืนมาทำงานร่วมกับคนที่ไม่แม้แต่อยากจะมองหน้า

“เชิญครับ” สิงขรเดินมารับที่หน้าประตูบ้าน

“ขอบคุณค่ะ” นารีบอกก่อนจะเดินเข้าไปด้านในด้วยสีหน้าเรียบๆ

“ผมทำกับข้าวรอคุณ” คนที่นานๆ ครั้งจะเข้าครัวรีบบอกอย่างเอาใจ เพราะอยากให้บรรยากาศของวันเก่าๆ ระหว่างเขากับเธอกลับคืนมา

“ขอบคุณค่ะ” นารีเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะอย่างว่าง่าย เพราะเธอรู้สึกหิวข้าวสุดๆ

“คุณเอาเบียร์สักแก้วไหม?” สิงขรเลิกคิ้วถาม

“ไม่ค่ะ” นารีรีบปฏิเสธ

“เอาหน่อยน่า ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ผมอยากให้คุณผ่อนคลายบ้าง” สิงขรบอกพร้อมกับรินเบียร์ใส่แก้วส่งให้

“แค่แก้วเดียวนะคะ” นารีรับมาจิบเบาๆ ก่อนจะลงมือทานอาหาร

“ครับ” สิงขรนั่งลงฝั่งตรงข้าม แล้วคุยเรื่องงานไปทานอาหารไปอย่างอารมณ์ดี แม้ว่าสาวเจ้าจะถามคำตอบคำก็ตาม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภาคิน (ซีรีส์ 3 หนุ่มซานเตียนโน่)