สี่ชั่วโมงต่อมา...
“นา! คุณไหวไหม?” สิงขรสะกิดเรียกคนคออ่อนที่นอนฟุบหน้าหลับบนโซฟาตัวใหญ่ หลังตนลุกไปทำกับแกล้มมาเพิ่ม
“อื้อ...ทำไมหน้าคุณเหมือนไอ้บ้านั่นจัง” คนที่เมาสะลึมสะลือ ปรือตาขึ้นมองแล้วเอ่ยถาม
“ใครงั้นเหรอ?” สิงขรถามกลับอย่างขำๆ เพราะนารีจะเป็นแบบนี้ประจำเวลาที่เมาหนักๆ เธอจะจำใครไม่ได้
“ก็อีตาสิงขรขี้เก๊กไง” คนเมาบอกเสียงอู้อี้
“ใครกัน ผมไม่เห็นรู้จัก?” เขาแกล้งไหลตามน้ำ
“ไม่รู้จักน่ะดีแล้ว ไม่งั้นคุณอาจจะต้องเสียใจเหมือนกับฉัน” คนเมาระบายความในใจต่อ
“เขาไม่ดีเหรอ?”
“ใช่! ฮึก...เขาหลอกให้ฉันรัก แล้วก็ไปแอบกิ๊กกับผู้หญิงอีกคนซึ่งเด็กกว่าฉันหลายปี ฮือๆๆ” คนที่ซุกซ่อนความเสียใจมานาน ร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น
“มันอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ได้” สิงขรเข้าไปกอดปลอบอย่างรู้สึกแน่นไปทั้งหน้าอก ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องราวในครั้งนั้น เขาไม่เคยเห็นเธอร้องไห้หรือมีท่าทีอ่อนไหวใดๆ นอกจากการทำเย็นชาใส่เขา
“แล้วมันแบบไหนล่ะ ฮือๆๆ คอยดูนะฉันจะหาแฟนใหม่แล้วชิงแต่งงานตัดหน้าเขาให้ดู” เธอบอกอย่างรู้สึกแค้น
“คะ...คุณไม่มีทางได้ทำแบบนั้นหรอกนา” สิงขรได้ฟังความคิดของสาวเจ้าก็ถึงกับอึ้งและเริ่มจะโกรธขึ้นมานิดๆ
“ทำไมฉันจะทำไม่ได้!” คนที่กำลังร้องไห้ถามกลับอย่างเจ็บใจ
“เพราะผมจะไม่ยอมให้คุณทำมันเด็ดขาด” สิงขรบอกพร้อมกับอุ้มร่างบางขึ้น แล้วรีบพาไปยังห้องนอนของตัวเอง
เช้าวันต่อมา...
“อื้อ...ทำไมถึงปวดหัวแบบนี้นะ” นารีลืมตาขึ้นมองอย่างมึนงง รู้สึกปวดหัวสุดๆ
คลิก!
เสียงหมุนลูกบิดที่ประตูห้องทำให้คนที่กำลังระลึกชาติ หันไปมองอย่างตกใจ
“คุณตื่นแล้วเหรอนา” สิงขรยกถาดที่มีชามข้าวต้มร้อนๆ เดินเข้ามาถามอย่างห่วงใย
“ไม่อยากจะเชื่อ! คุณมอมเบียร์ฉันใช่ไหม” นารีถามด้วยสีหน้าตึงๆ ไม่อยากจะคิดว่าเมื่อคืนระหว่างเขากับเธอเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“ผมเปล่า คุณมอมตัวเองต่างหาก” สิงขรปฏิเสธก่อนจะนั่งมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่แดงก่ำอย่างชอบใจ
“ไม่จริง!” นารีส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อ เพราะปกติเธอจะดื่มแค่นิดๆ หน่อยๆ พอเป็นพิธีเท่านั้น
“จริง ผมเพิ่งรู้ว่าเวลาเมาแล้วคุณมีอีกตัวตนซ่อนอยู่” สิงขรอมยิ้ม ไม่อยากจะบอกว่าเมื่อคืนเขากับเธอถึงพริกถึงขิงกันขนาดไหน
“ฉันทำอะไร?” นารีรู้สึกชาตั้งแต่หัวจรดเท้า หลังลูบคลำเนื้อตัวใต้ผ้าห่มผืนใหญ่แล้วพบว่าตัวเองเปลือยเปล่า ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้น
“หึๆ ผมไม่บอกหรอก เดี๋ยวคุณรับไม่ได้” สิงขรหัวเราะออกมาเบาๆ กับ สีหน้าตื่นๆ ของสาวเจ้า
“บอกมาเถอะ ไม่มีอะไรที่ฉันรับไม่ได้หรอก ขนาดเห็นคุณนอนกอดกับสาวอื่นฉันยังผ่านมาได้เลย” นารีบอกก่อนจะเบือนหน้าหนี ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นได้ย้อนกลับมาฉายซ้ำในม่านตาอีกครั้ง
“นา! ที่ผ่านมาผมไม่รู้ว่าคุณเจ็บแค่ไหนกับเรื่องของเรา แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากให้คุณรู้ ผมเองก็เจ็บและโกรธตัวเองไม่แพ้คุณเหมือนกัน” สิงขรบอกเสียงอ่อน
“ฮึก...ฮึก...” นารีซบหน้าลงกับฝ่ามือแล้วปล่อยโฮออกมา ไม่อาจซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ได้อีกต่อไป
“ผมอยากให้คุณแกล้งลองเชื่อผมดูสักครั้ง ว่าเรื่องของผมกับสาลี่นั้นไม่ได้มีอะไรอย่างที่คุณเห็น” สิงขรบอกพร้อมกับดึงร่างบางเข้ามากอดปลอบ
“คุณจะให้ฉันเชื่อคุณยังไง แค่หลับตาลงภาพของคุณกับสาลี่ก็ตามมาหลอกหลอนฉันอยู่ตลอดเวลา”
“นา! เรื่องของผมกับสาลี่กำลังจะจบลงแล้ว” สิงขรรีบบอกเรื่องที่ตนให้คนตามสืบมา
“ยังไง?” คนที่กำลังร้องไห้เงยหน้าขึ้นถามทั้งน้ำตา แม้เวลาจะผ่านมาเป็นปี เธอก็ยังคงรักชายที่อยู่ตรงหน้าอยู่เช่นเดิม
สิงขรกำลังจะตอบ แต่เสียงเรียกเข้าของมือถือก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ
[ว่าไงชัย]
[เรื่องที่ให้ผมตามสืบได้เรื่องแล้วครับ]
[จริงเหรอ?]
[ครับ เดี๋ยวผมจะส่งหลักฐานให้ในแชต] ปลายสายตอบก่อนจะกดวาง
“ทำไมคุณพูดแบบนี้” เสริมถามอย่างไม่พอใจ
“คำตอบอยู่ที่สาลี่ครับนายช่าง ไม่ใช่ผม” สิงขรบอกเสียงเข้ม เพราะเฝ้ารอเวลาที่จะปลดปล่อยอิสรภาพให้ตัวเองมานาน
“สาลี่ไม่ได้ท้องสักหน่อย พี่สิงห์เอาอะไรมาพูด” สาลี่บอกขณะที่น้ำตาไหลเอ่อออกมาอย่างรู้สึกเจ็บปวด เพราะหลังจากที่หมั้นหมายกันเมื่อปีก่อน เขาก็ไม่เคยมาหาเธอเลยสักครั้ง
“พี่เอาใบรับรองแพทย์มาพูดครับ” สิงขรบอกก่อนจะล้วงสำเนาเอกสาร ที่หญิงสาวแอบไปพบแพทย์ออกมาโชว์ให้ทุกคนดู
“นะ...นี่แกท้องเหรอสาลี่” เสริมหันไปถามบุตรสาวอย่างไม่อยากจะเชื่อ ว่าสิ่งที่เห็นในเอกสารจะเป็นความจริง
“ฮือๆๆๆ” คนที่จนมุมด้วยหลักฐาน ปิดบังความลับต่อไปไม่ไหว จึงปล่อยโฮออกมาแทนคำตอบ
“บอกมาว่าใครคือพ่อของเด็ก!” เสริมดึงแขนของบุตรสาวมาถามอย่างรู้สึกโกรธ เพราะปีหนึ่งที่ผ่านมา สิงขรไม่เคยมาใยดีบุตรสาวของตนเลย ฉะนั้น! เด็กในท้องจึงไม่มีทางจะใช่สายเลือดของอีกฝ่ายอย่างแน่นอน
“ฮือๆๆๆ” สาลี่ก้มหน้าร้องไห้ ไม่อาจจะบอกเรื่องที่น่าอับอายนี้ออกไปได้
“บอกมา!” เสริมกัดฟันถามเสียงเย็น
“ผมเองครับ/ผมครับ” ทิศกับอ้ายที่ยืนหลบอยู่ด้านหลัง ขานรับขึ้นพร้อมกัน ทำเอาทุกคนถึงกับช็อก!
“อะไรนะ” เสริมหน้าชา ประหนึ่งคนถูกลากไปตบกลางสี่แยกไฟแดง
“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับนายช่าง จากนี้เราคงไม่มีอะไรเกี่ยวกันอีกแล้ว” สิงขรเอ่ยขึ้นหลังสิ้นสุดพันธะกับสาลี่ ที่เหลือก็ปล่อยให้อีกฝ่ายเคลียร์กันเองภายในว่าใครคือพ่อของลูกในท้องที่แท้จริง
“เดี๋ยวครับคุณสิงห์ ผม...” เสริมรีบเดินเข้าไปหาด้วยสีหน้าเจื่อนๆ
“เรื่องสินสอดผมยกให้ครับ ขอให้เราจบทุกอย่างเอาไว้แค่นี้” สิงขรบอกพร้อมกับยกมือไหว้ลา
“ขะ...ขอบคุณครับ” เสริมบอกอย่างซึ้งใจเพราะเงินค่าหมั้นหมายนั้นตนได้เอาไปปิดหนี้สินมาหมดแล้ว หากจะต้องคืนก็คงจะต้องขายที่ดินชดใช้ให้อีกฝ่าย
“พี่สิงห์ ฮือๆๆ” สาลี่สะบัดแขนออกจากสองหนุ่มที่พากันฉุดยื้อเธอไปมา แล้ววิ่งเข้าไปสวมกอดด้านหลังของชายคนที่เธอแอบหลงรัก จนต้องวางแผนมากมายเพื่อให้ได้มาครอบครอง แต่ตอนนี้...เธอกำลังจะเสียอีกฝ่ายไป
“ปล่อยครับ” สิงขรแกะมือของหญิงสาวออกจากเอวของตน
“ฮึก...ไหนแกรับปากฉันแล้วไงว่าจะไม่ยุ่งกับพี่สิงห์อีก ฮือๆๆ” สาลี่หันไปต่อว่าศัตรูหัวใจด้วยน้ำเสียงที่เกลียดชัง
“ที่ผ่านมาเธอทำอะไรไว้ก็น่าจะรู้ดีแก่ใจ ฉันไม่เช็คบิลย้อนหลังเรื่องเก่าคืนก็บุญเท่าแล้วสาลี่” นารีเอ่ยเตือน เพราะที่ผ่านมาเธอคิดว่าสิงขรแอบคบซ้อน แต่วันนี้เธอมั่นใจว่าอีกฝ่ายถูกหญิงสาวตรงหน้าจัดฉากเรื่องทั้งหมด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภาคิน (ซีรีส์ 3 หนุ่มซานเตียนโน่)