หลังจากที่รถแล่นผ่านประตูทางเข้า-ออกรีสอร์ตมาได้ไม่ถึงสิบเมตร วรันยาก็หันไปเอ่ยกับนารี “ขอบคุณพี่นามากๆ นะคะที่ช่วยไวน์เมื่อครู่”
“เฮ้อ...น้องไวน์รู้ใช่ไหมคะ ว่าทำไมคุณมีนถึงเข้ามาตีซี้ด้วย?”
“รู้ค่ะ ไวน์เห็นพี่คินไม่เล่นด้วยก็เลย...”
“ต้องให้คุณคินเล่นด้วยก่อนเหรอคะ แล้วค่อยมาคิดว่าจะทำยังไง?” นารีถามกลับทันใด
“เอ่อ...” วรันยาถึงกับไปไม่ถูก
“พนักงานในรีสอร์ตฝากพี่มาเตือนน้องไวน์ว่าลูกสาวของกำนันคงไม่ธรรมดา และพี่ก็เห็นแล้วว่าคุณมีนเธอไม่ธรรมดาจริงๆ ต่อไปนี้ถ้าเขามาหาน้องไวน์อีก พี่นาขออนุญาตทำแบบเมื่อกี้อีกนะคะ” นารีบอกด้วยสีหน้าตึงๆ
“ค่ะ” วรันยาพยักหน้ารับยิ้มๆ
“ส่วนข่าวของลัมภาพี่ว่าน้องไวน์ควรจะเปิดอกเคลียร์กับคุณคินตรงๆ” นารีเอ่ยเตือนเรื่องที่เธอเองก็เพิ่งจะทราบมาเมื่อห้านาทีก่อน
“ค่ะพี่นา ไวน์ก็คิดอยู่เหมือนกัน” วรันยาบอกพร้อมกับแอบถอนหายใจนิดๆ เพราะยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นคุยจากตรงไหน และไม่รู้ว่าจะรับมือกับคำตอบของสามียังไง หากข่าวซุบซิบเป็นเรื่องจริง
กรุงเทพฯ. เวลา 20:12 น.
หลังจากที่ประชุมและเซ็นสัญญาเสร็จ ภาคินก็เดินไปเข้าลิฟต์ตามคนอื่นๆ ซึ่งกำลังจะไปทานข้าวและสังสรรค์กันต่อที่ร้านอาหารเอื้องลานนาของพ่อเลี้ยงธนากร
“ดีนะครับที่ย่นเวลาประชุมจากสามวันเป็นวันเดียว” เสกสรรบอกยิ้มๆ เพราะอยากจะกลับไปหาเมียที่ไร่ใจจะขาด
“ใช่ครับ” จอมพลพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย เพราะที่ไร่ของตนกำลังเก็บเกี่ยวผลผลิต และพรุ่งนี้ก็ต้องไปดูร้านอาหารที่ริมแม่น้ำปิง ซึ่งคนรู้จักของมารดาเอามาเสนอขาย แต่ตนยังไม่ได้ไปตรวจดูว่าคุ้มที่จะซื้อเอาไว้หรือเปล่า
“คิน! ดูข่าวนี่สิ” ธนากรที่เปิดดูมือถือก็ถึงกับตกใจที่เห็นข่าวของภาคินกับสาวที่ชื่อลัมภาเต็มหน้าฟีตในเฟซบุ๊ก
“ข่าวอะไรครับ?” คนที่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรเลิกคิ้วถาม ก่อนจะก้มลงมองในมือถือที่ธนากรส่งมา “! นี่มันอะไรกันเนี่ย?”
“มีอะไรเหรอคิน?” จอมพลถามอย่างสงสัย
“มีข่าวซุบซิบว่าฉันเป็นพ่อของลูกในท้องของลัมภา” ภาคินบอกพร้อมกับภาวนาให้เมียรักยังไม่เห็นข่าวนี้
“แกรีบโทรไปหาน้องไวน์ก่อนเถอะ” จอมพลบอกอย่างเป็นห่วง
ภาคินล้วงมือถือมากดต่อสายหาภรรยามือไม้สั่น แต่เธอกลับปิดมือถือ เขาจึงเปลี่ยนไปโทร. หาแม่บ้านอย่างร้อนใจ
ตู๊ด...ตู๊ด...
[สวัสดีค่ะคุณคิน] นวลเอ่ยทักทายผู้เป็นนาย
[ป้านวลครับน้องไวน์อยู่บ้านไหม?]
[อยู่ค่ะ ขึ้นไปนอนได้สักพักแล้ว เห็นว่าไม่สบาย]
[โอเคครับ] ภาคินตอบก่อนจะกดวางสายแล้วหันไปบอกกับทุกคนที่กำลังมองมายังตน “เอ่อ...ผมคงไปทานข้าวด้วยไม่ได้แล้ว”
“ไม่เป็นไรคิน ไปคุยกับเมียให้เข้าใจก่อน ว่างๆ ค่อยแวะไปสังสรรค์กันที่ไร่ก็ได้” เสกสรรบอกอย่างเข้าใจ เพราะเคยผ่านจุดนี้มาก่อน
“ใช่ๆ เดินทางปลอดภัยนะ แล้วเจอกันที่เชียงใหม่” ธนากรสมทบตาม
“ขอบคุณครับคุณต้อม คุณกร” ภาคินบอกพร้อมกับส่งยิ้มเจื่อนๆ ไปให้
“เอ่อ...ผมขอตัวกลับพร้อมกับคินเลยนะครับ” จอมพลรีบบอก
“ไม่ต้องก็ได้จอม” ภาคินหันไปบอกเพื่อน ไม่อยากให้อีกฝ่ายเป็นกังวลกับเรื่องของตน
“แกมีเรื่องแบบนี้ ฉันอยู่ไม่ได้หรอกคิน” จอมพลบอกอย่างไม่สบายใจ
“หึๆ เอาเป็นว่าถ้าคุณจอมกับคุณคินถึงเชียงใหม่แล้วโทรบอกผมกับพี่กรหน่อยแล้วกัน” เสกสรรหัวเราะเบาๆ กับท่าทีของจอมพล ซึ่งถ้าหากเป็นตนก็คงจะทำแบบเดียวกัน
“ครับ” จอมพลพยักหน้ารับก่อนจะเดินแยกออกจากลิฟต์ไปกับเพื่อนรัก ที่ตั้งใจจะนั่งเครื่องบินกลับเชียงใหม่ในคืนนี้
สนามบินเชียงใหม่...เวลา 22:27 น.
“พรุ่งนี้โทรบอกฉันด้วยนะ” จอมพลบอกหลังจากที่ลงเครื่องเสร็จ ครั้นจะตามไปเคลียร์ด้วยก็ใช่เรื่อง เพราะตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว จึงคิดว่าหากเพื่อนเคลียร์กับเมียรักไม่ได้ พรุ่งนี้เช้าค่อยเข้าไปหาจะดีกว่า
“อืม! ว่าแต่แกจะนอนในเมืองเหรอ?” ภาคินหันไปถามก่อนจะเปิดประตูรถของตนที่จอดอยู่ใกล้ๆ กับรถของเพื่อนรัก ออก
“ไม่หรอก นอนที่ไร่น่ะแหละ แต่จะแวะไปดูร้านอาหารที่ข้างแม่น้ำปิง สักหน่อย เจ้าของเขาขอคำตอบพรุ่งนี้” จอมพลบอกยิ้มๆ
“ฉันว่าสวยนะ ปรับแต่งนิดๆ หน่อยๆ ก็เปิดร้านอาหารได้แล้ว” คนที่เคยขับผ่านบ่อยๆ ออกความเห็น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภาคิน (ซีรีส์ 3 หนุ่มซานเตียนโน่)