เธอตอกกลับอย่างรู้สึกเดือดๆ ‘แค่ถามว่าใช่พ่อของเด็กไหม กลับมาขึ้นเสียงใส่เรา คืออะไร?’
“พี่ก็บอกไปหมดแล้ว” ภาคินพยายามข่มอารมณ์ให้เย็น
“พี่คินไม่ได้บอกเรื่องที่ลัมภาเข้าไปกอดแขน ถ้าวันนั้นพี่ทัพไม่พูดไวน์ก็คงไม่รู้” วรันยาพยายามกลั้นน้ำตาที่เริ่มจะปริ่มๆ ไม่ให้ไหลออกมา
“!” ภาคินส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ ว่าสาวเจ้าจะจับเรื่องนั้นโยงกับเรื่องนี้ตามข่าวซุบซิบ
“เราแยกกันอยู่สักพักเถอะค่ะ ไวน์ไม่ไหวแล้วจริงๆ” วรันยาบอกพร้อมกับถอนหายใจอย่างรู้สึกเหนื่อย เธอแค่ขอความชัดเจน แต่คนตรงหน้ากลับให้ไม่ได้
“นี่พูดอะไรออกมา รู้ตัวไหมไวน์” ภาคินปวดหนึบไปทั้งหัวใจ
“รู้ค่ะ ไวน์อยากเว้นระยะห่างจากพี่คิน” วรันยาบอกขณะที่น้ำตาเจ้ากรรม ไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้างเป็นทาง
“พี่ทำอะไรผิด?” ภาคินถามเสียงสั่นเครือ
“จริงๆ คนที่ผิดน่าจะเป็นไวน์ ถ้ายอมปล่อยรีสอร์ตพรรณนาราไป ตั้งแต่แรก ทุกอย่างก็คงจะเดินมาไม่ถึงจุดนี้” วรันยายกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้งอย่างรู้สึกเจ็บ และสมเพชตัวเองอย่างบอกไม่ถูก
“ที่ยอมแต่งงานกับพี่เพราะคิดแบบนี้เหรอไวน์?” ภาคินเอ่ยถามทั้งน้ำตา
“แล้วตอนที่ยื่นข้อเสนอให้พ่อไวน์ล่ะคะ พี่คินคิดแบบไหน?” วรันยาถามกลับพร้อมกับเบือนหน้าหนี ไม่อาจจะแกล้งหลงลืมว่าแท้ที่จริงแล้วเธอแต่งงานกับเขาเพื่อล้างหนี้ให้พ่อ
“...” ภาคินถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก เขาคิดอยู่เสมอว่าเธอรู้ว่าเขารักเธอมากขนาดไหน แต่วันนี้เพิ่งจะรู้ว่าตัวเองคิดผิด นอกจากเธอจะไม่รู้แล้ว ยังมาคิดระแวงในความรักที่เขามีให้
“ไวน์จะกลับไปอยู่ที่รีสอร์ต” วรันยากัดฟันบอกเมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบไป
“ไม่ต้องไปหรอก เดี๋ยวพี่จะไปนอนห้องอื่นเอง” ภาคินยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทิ้ง แล้วรีบเดินออกจากห้องลงไปยังชั้นล่าง
“ฮึก...ฮือๆๆๆ” วรันยาทรุดลงนั่งกับพื้นแล้วร้องไห้จนตัวสั่น ก่อนจะได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นในนาทีต่อมา เธอจึงลุกวิ่งออกไปดูที่ระเบียงห้องนอน ก็เห็นรถสปอร์ตของอีกฝ่ายขับแล่นออกไปด้วยความเร็ว
“ฮึก...คงไม่ได้ไปหาผู้หญิงคนนั้นหรอกนะ ฮือๆๆ” วรันยายืนมองเหม่ออย่างไม่รู้จะทำยังไงต่อไป ยิ่งภาคินไม่ยอมตอบคำถามของเธอ มันก็เหมือนกับเขายอมรับกลายๆ ในสิ่งที่ทุกคนกำลังกล่าวหา
เวลา 23:10 น. วรันยานอนไม่หลับ เลยออกมานั่งตรงระเบียงนอกห้อง จ้องมองทางเข้าไร่ผ่านความมืดมาอยู่เกือบสามชั่วโมง ก็ไม่เห็นว่าสามีจะกลับมาสักที ครั้นจะโทร. หา ก็เหมือนมีบางอย่างค้ำอยู่ที่ต้นคอ จึงได้แต่แอบภาวนาให้อีกฝ่ายกลับบ้านมาอย่างปลอดภัย ส่วนเรื่องข่าวของลัมภานั้น หากภาคินไม่ยอมให้ความกระจ่างหรือความชัดเจนใดๆ กับเธอ เธอก็คงต้องเป็นฝ่ายให้ความชัดเจนกับทุกคนว่าจะทำยังไงต่อไป
ขณะที่หญิงสาวกำลังนั่งคิดทบทวนสิ่งต่างๆ อยู่นั้น ก็เหลือบไปเห็นแสงไฟของรถสปอร์ตแล่นผ่านทางเข้าไร่มาด้วยความเร็ว เธอจึงรีบลุกเดินเข้าไปหลบตรงด้านหลังผ้าม่าน ด้วยหัวใจสั่นๆ
ปรื้นนนนน
รถสปอร์ตแล่นเข้ามาจอดที่หน้าเรือนใหญ่ ตามด้วยรถกระบะของสิงขร
“โอม! รีบมาช่วยพยุงหน่อย” สิงขรเปิดประตูรถสปอร์ตฝั่งคนขับออก แล้วหันไปตะโกนบอกลูกน้องคนสนิท
“ครับๆ” โอมรีบออกมาจากรถกระบะ
“คุณคินครับ ถึงบ้านแล้ว” สิงขรเดินอ้อมมาอีกฝั่งพร้อมกับเปิดประตูรถออก และสะกิดเรียกคนที่เมาจนฟิวส์ขาดให้รู้สึกตัว
“พาผมกลับมาบ้านทำไมครับพี่สิงห์” ภาคินลืมตาขึ้นมองแวบหนึ่ง แล้วขมวดคิ้วถามอย่างมึนงง
“แหม...ไม่ให้พากลับบ้านแล้วนายจะให้พาไปนอนที่ไหนเหรอครับนาย” โอมกลอกตาอย่างเซ็งๆ ตอนแรกตั้งใจว่าจะดื่มกับไอ้สมชายเพื่อนรักให้เมาปลิ้นสักหน่อย แต่พอไปถึงร้านคาราโอเกะก็เห็นผู้เป็นนายก็ยกแก้วกระดกเอาๆ พร้อมกับ ดราม่าเรื่องจะถูกเมียทิ้ง ทำเอาวงเหล้าถึงกับกร่อย แถมทุกคนก็ต้องมานั่งปลอบใจและคิดหาทางแก้ให้
“ที่ไหนก็ได้ที่เมียไม่ต้องทนเห็นหน้าฉัน” คนเมาบอกอย่างไม่หายนอยด์
“เฮ้อ...ก็ถ้าไม่ให้คุณไวน์เห็นหน้านายแล้วจะให้คุณไวน์ไปเห็นหน้าไอ้ด่างที่ไหนล่ะครับ?” โอมอดประชดไม่ได้
“ไอ้โอม! พรุ่งนี้กูจะไล่มึงออก” คนเมาบอกด้วยน้ำเสียงตึงๆ
“โอเค! ถ้าผมออกแล้วมาสมัครใหม่ นายต้องขึ้นเงินเดือนให้ผมอีกหมื่นหนึ่งนะ” โอมกวนกลับทันใด
“มึงจะบ้าเหรอ! กูไม่รับมึงกลับเข้าทำงานหรอก”
“เฮ้อ...ทำไมนายต้องมาเสียงดังใส่ผมครับ มีอะไรก็คุยกันดีๆ สิ”
“แล้วทำไมมึงต้องมากวนเท้ากูด้วยวะ”
“ค่ะ ไวน์ลงไปรอที่ข้างล่างนะคะ” วรันยาบอกพร้อมกับหันไปหยิบกระเป๋าใบเล็กที่ใส่เครื่องสำอางและมือถือ เดินผ่านสามีออกไปด้วยสีหน้าเรียบๆ
“ครับ” ภาคินมองตามเรือนร่างอันเย้ายวนของภรรยาสาวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบวิ่งตรงเข้าไปในห้องน้ำ เพราะกลัวว่าจะไปแถลงข่าวช้า
เวลา 11 : 07 น. โรงแรมซานเตียนโน่
ภาคินโอบเอวของภรรยาเดินตรงไปยังห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมที่ตอนนี้ ถูกจัดเอาไว้ต้อนรับนักข่าว ที่เดินทางมากันอย่างหนาแน่น
“สวัสดีครับพี่ๆ นักข่าวทุกท่าน” ภาคินเอ่ยทักทายพร้อมกับจูงมือของภรรยาเข้าไปนั่งที่โต๊ะแถลงข่าว
“สวัสดีค่ะ” วรันยานั่งลงข้างสามีแล้วยกมือไหว้นักข่าวอย่างนอบน้อม
“ขอบคุณมากๆ นะครับ ที่เดินทางกันมาถึงเชียงใหม่ เพื่อฟังผมกับภรรยาแถลงข่าว เกี่ยวกับประเด็นที่เป็นกระแสร้อนแรงอยู่ในขณะนี้ เชิญถามมาได้เลยครับ”
“คุณภาคินใช่พ่อของเด็กไหมครับ?” นักข่าวชายยกมือขึ้นแล้วยิงคำถามเด็ดอย่างไม่รอช้า
“ผู้หญิงคนเดียวที่มีสิทธิ์เป็นแม่ของลูกผม คือภรรยาของผมครับ จริงอยู่ที่ผมเคยคบหากับลัมภา แต่ก็ได้เลิกรากันไปได้ปีกว่าๆ แล้ว ฉะนั้นไม่มีทางที่ผมจะเป็นพ่อของเด็กอย่างเด็ดขาดครับ” ภาคินตอบพร้อมกับบีบมือของเมียรักสาวเบาๆ
“เอ่อ...แล้วคุณไวน์มีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างครับ” นักข่าวชายคนเดิมยิงคำถามต่อ
“อืม...คงให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ดีกว่าค่ะ” วรันยาฉีกยิ้มบางๆ ให้นักข่าว
“มีอะไรจะฝากบอกถึงอีกฝ่ายบ้างไหมคะ” นักข่าวสาวยกมือแล้วเอ่ยถาม
“ก็อยากให้เขาออกมาบอกว่าใครคือพ่อของเด็กในท้องค่ะ เพราะกระแสในโลกโซเชียลตอนนี้ ต่างพุ่งเป้ามาที่สามีของไวน์เต็มๆ คอมเมนต์มากมายทั้งในเฟซบุ๊กและไอจี ผุดขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ทุกคนต่างถามหาความรับผิดชอบจากพี่คินว่าจะทำยังไงต่อไป และไวน์ในฐานะภรรยาจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร?” วรันยาบอกพร้อมกับหันไปมองใบหน้าที่หล่อเหลาของสามีครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาเอ่ยต่อ
“ไวน์ยินดีให้สามีของไวน์ไปตรวจด้วย DNA ค่ะ ถ้าพี่คินเป็นพ่อของลูกคุณลัมภาจริง ไวน์พร้อมจะเซ็นใบหย่าให้ทันที แต่หากทั้งหมดทั้งมวลที่เป็นข่าวออกมานี้ ไม่เป็นความจริง คนที่เป็นต้นข่าวก็ควรจะออกมาพูดอะไรสักอย่างได้แล้ว เพราะเรื่องนี้มันส่งผลกระทบไปถึงธุรกิจของซานเตียนโน่และรีสอร์ตพรรณนารา อย่าลืมนะคะ! ว่าทางเรามีพนักงานหลายร้อยคนที่ต้องดูแล การที่มีคนเข้าไปคอมเมนต์เสียๆ หายๆ ที่เพจกับเว็บไซต์ เกี่ยวกับเรื่องของบุคคลภายนอก จนก่อให้เกิดความเสื่อมเสีย ทางเราอาจต้องเรียกร้องมูลค่าความเสียหายในชั้นศาลค่ะ” วรันยาบอกจุดยืนที่ชัดเจน พร้อมกับสังเกตอาการของสามี
“ใช่ครับ! ก็อย่างที่หลายท่านทราบกันว่าตอนนี้ที่ไร่และรีสอร์ต กำลังปรับเปลี่ยนแผนงาน ผมกับภรรยาอยากจะทุ่มเทเวลาให้กับงานอย่างเต็มที่ มากกว่าจะมาคิดหรือมาสนใจในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรา” ภาคินเอ่ยเสริมพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้ภรรยาสาว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภาคิน (ซีรีส์ 3 หนุ่มซานเตียนโน่)