ยี่สิบนาทีต่อมา...ภาคินนั่งมองภรรยากินมะยงชิดราวกับว่ามันมีรสหวาน ซึ่งโดยหลักการแล้วมันก็น่าจะเป็นแบบนั้น แต่เมื่อครู่เขาลองกัดชิมไปคำหนึ่ง ก็ต้องรีบไปคายทิ้งลงในถังขยะแทบไม่ทัน เพราะว่ามันเปรี้ยวจนขนลุกไปทั้งตัว
“อร่อยเหรอ” ภาคินเอ่ยถามก่อนจะลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ
“ค่ะ” วรันยาตอบยิ้มๆ
“ต้นที่หวานๆ ก็มีตั้งเยอะทำไมไม่เก็บมากินครับ” เขาถามอย่างไม่เข้าใจ
“ก็ไวน์อยากกินที่มันเปรี้ยวๆ นี่คะ”
“รู้ไหมว่าพี่น่ะเกือบจะสั่งคนงานตัดทิ้งไปแล้ว”
“อย่านะคะ มันมีอยู่แค่ต้นเดียว”
“งั้นมาหอมแก้มพี่ก่อนสิ แล้วพี่สัญญาว่าจะไม่ให้ใครแตะต้องต้นนั้น”
“เฮ้อ...ก็ได้ค่ะ” วรันยาถอนหายใจก่อนจะรีบลุกเดินเข้าไปหาสามีอย่างไม่มีทางเลี่ยง เพราะไม่อยากให้ต้นมะยงชิดสุดรักสุดหวงโดนตัด
จุ๊บ จุ๊บ เธอกดริมฝีปากลงที่แก้มของเขา เบาๆ สองครั้ง ก่อนจะเดินไปหยิบถาดผลไม้มาส่งให้ “ฝากเอาไปเก็บด้วยนะคะ”
“ครับ” ภาคินรับถาดมาถืออย่างมึนงง
วรันยาส่งยิ้มให้ แล้วเดินกลับไปล้มตัวนอนบนเตียงอย่างรู้สึกง่วง ภาคินกลอกตาก่อนจะรีบเดินลงไปชั้นล่างเพื่อเอาถาดผลไม้ไปเก็บ จากนั้นก็กลับมาขึ้นมานอนกอดเมียรัก แล้วหลับตามอีกฝ่ายไปในที่สุด
รีสอร์ตพรรณนารา เวลา...19:20 น.
“เตรียมโต๊ะพร้อมแล้วใช่ไหมคะ” วรันยาเอ่ยถามพนักงานสาวด้วยสีหน้า ยิ้มแย้ม
“พร้อมแล้วค่ะคุณไวน์” ชบาที่รับหน้าที่ดูแลโต๊ะของแขกวีไอพี หันไปตอบ
“สวัสดีครับน้องไวน์ / สวัสดีครับ” แม่ทัพกับขุนพันเอ่ยทักทายภรรยาของเพื่อนรักขึ้นพร้อมกัน
“สวัสดีค่ะพี่ขุน พี่ทัพ” วรันยาหันไปยกมือไหว้สองหนุ่มอย่างตกใจนิดๆ
“พี่มาชิมเนื้อย่างเกาหลีครับ” แม่ทัพบอกยิ้มๆ
“นี่จัดโต๊ะเอาไว้รอพี่กับไอ้พันหรือเปล่าครับเนี่ย?” ขุนพันเอ่ยแซวเมื่อเห็นป้ายจองวางอยู่บนโต๊ะ
“เอ่อ...” วรันยายังไม่ได้ทันตอบ ก็ถูกสามีที่เดินมาข้างหลังเอ่ยแทรกขึ้น
“โต๊ะนี้จัดเอาไว้สำหรับคุณนัน พิธีกรรายการเรื่องจริงที่อยากเล่าครับ คุณเพื่อน” ภาคินบอกพร้อมกับโอบเอวบางเข้าหาตัว
“อ้าว! คนดังมาก็ไม่บอก กูจะได้แต่งตัวหล่อๆ มาหา” ขุนพันต่อว่า เพราะดันใส่เสื้อเชิ้ตลายดอกแขนสั้นกับกางเกงยีนส์สีซีด กะว่าจะมานั่งดื่มชิลล์ๆ กับแม่ทัพ ไม่คิดว่าจะมาเจอนักข่าวสาวตัวแม่ของวงการที่นี่
“รู้อะไรไหมไอ้ขุน บางครั้งเสื้อผ้าแพงๆ ก็ไม่ได้ช่วยให้หนังหน้าปลวกๆ ของมึงดูดีขึ้นมาได้หรอก” แม่ทัพส่ายหน้าอย่างขำๆ กับคนที่มักจะแต่งตัวเนี้ยบตลอด แต่วันนี้กลับแหวกแนว แต่งตัวเซอร์ๆ มา
“เชี่ย! ปลวกบ้านมึงดิ กูออกจะหล่อขั้นเทพขนาดนี้” ขุนพันมองค้อนเพื่อนรักอย่างขุ่นเคือง
“เทพองค์ไหนวะ” ภาคินเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย
“ถามได้ ก็เทพเทือก เอ๊ย! เทพตกสวรรค์น่ะสิไอ้คิน” แม่ทัพบอกพร้อมหัวเราะอย่างขบขัน
“ไอ้บ้า!” ขุนพันกลอกตากับคำเปรียบเปรยของเพื่อน
“ฮ่าๆๆ / คิกๆๆ” แม่ทัพ ภาคิน และวรันยาพากันหัวเราะที่หนุ่มมาดเนี้ยบ ออกอาการจิตตกอย่างเห็นได้ชัด
“สวัสดีค่ะ” นันทกรณ์ที่เดินมากับทีมงานชายสองคนเอ่ยทักทายเจ้าของสถานที่ด้วยน้ำเสียงสดใส
“สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ” ภาคินกับวรันยาส่งยิ้มให้นักข่าวสาวที่เดินมาเงียบๆ
“เอ่อ...นี่ใช่คุณขุนพันกับคุณแม่ทัพหรือเปล่าคะ?”
“ใช่ครับ ผมแม่ทัพ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ” แม่ทัพยิ้มรับ และส่งมือไปจับกับนักข่าวสาว
“ผมจอมพลครับ” ขุนพันแกล้งสวมรอยเป็นเพื่อนรัก เพราะอีกฝ่ายชอบแต่งตัวเซอร์ๆ เหมือนที่ตนใส่อยู่ในตอนนี้
“เอ่อ...” นันทกรณ์ถึงกับพูดไม่ออก ‘นี่เราทักผิดคนเหรอเนี่ย?’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภาคิน (ซีรีส์ 3 หนุ่มซานเตียนโน่)