“พรุ่งนี้จะทำอะไรก็ใช้สติให้เยอะๆ นะ อย่าให้ฉันต้องมาเตือนซ้ำอีกครั้ง”
“ฮึก...ค่ะเสี่ย” ลัมภาเอ่ยรับพร้อมกับมองตามแผ่นหลังของเสี่ยใหญ่ ที่เดินออกจากบ้านไป
“สรุปแกท้องกับใครฮะนังภา” วิลัยถามขึ้น หลังได้ยินเสียงรถของเสี่ยกำชัยขับแล่นออกไปไกล
“แม่อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้ได้ไหม ขอล่ะ!” ลัมภาบอกก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทิ้งลวกๆ
“นี่ฉันเป็นแม่แกนะ แล้วฉันก็เพิ่งจะถูกเสี่ยหักหน้าไปหยกๆ เพราะคิดว่าแกท้องกับเขา”
“...” ลัมภาไม่ตอบ แต่รีบเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของตัวเองทันที
ปัง! ปัง!
วิลัยเดินตามทุบประตูห้องอย่างโมโห ที่ลูกสาวตัวดีไม่ยอมบอกว่าใครคือพ่อของเด็กในท้อง “เปิดประตูมาคุยกันให้รู้เรื่องนะนังภา”
“ฮือๆๆๆ” ลัมภากอดหมอนร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างรู้สึกสับสน ทุกอย่างมันเป็นเพราะเธอไม่รู้จักปล่อยวาง เอาแต่โหยหาคนที่ไม่มีวันจะรักเธอ จึงทำให้เรื่องราวบานปลายมาถึงจุดที่อับอายจนไม่กล้าจะสู้หน้าใครได้
เช้าวันต่อมา...พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ต่างขึ้นรูปไอจีของลัมภา ที่ออกมาโพสต์ข้อความ เกี่ยวกับประเด็นดราม่าของตนเองในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
{ประการแรก...ต้องกราบขอโทษ คุณภาคินและภรรยาที่ถูกดึงเข้ามาใน ดราม่าครั้งนี้ ซึ่งภากับคุณภาคิน เราได้เลิกรากันไปนานแล้ว และไม่เคยติดต่อกัน อีกเลย ส่วนรูปที่หลุดออกมากับเสี่ยกำชัยนั้น ดิฉันได้นัดดินเนอร์กับเพื่อนที่โรงแรม แล้วได้เจอกับเสี่ยที่ด้านหน้าโรงแรม ก็เลยทักทาย และเดินเข้าไปด้านข้างในโรงแรมด้วยกัน ส่วนขากลับก็บังเอิญกลับออกมาพร้อมกัน เรื่องก็มีแค่นี้ค่ะ ต้องกราบขอโทษเสี่ยกำชัยและภรรยา ที่ทำให้ท่านทั้งสองต้องมาตกเป็นข่าวในทางที่เสียหาย
ส่วนเรื่องพ่อของเด็กในท้อง เมื่อห้าเดือนก่อน...ดิฉันได้มีช่วงเวลาดีๆ กับผู้ชายคนหนึ่ง เป็นชาวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวประเทศไทยและเพิ่งจะเดินทางกลับประเทศไปเมื่อสองเดือนก่อน เราก็ยังแชตคุยกันอยู่ตลอด
กระทั่งอยู่ๆ เขาก็ขาดการติดต่อไป ประจวบกับที่รู้ว่าตัวเองกำลังตั้งท้อง ภาก็เลยระบายความอัดอันตันใจด้วยการโพสต์รูปที่ตรวจครรภ์ลงในเฟซบุ๊กกับไอจี ไม่คิดว่าจะกลายเป็นเรื่องราวที่ลุกลามไปใหญ่โต ภาต้องกราบขอโทษทุกๆ ท่าน ที่ถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องในข่าวดราม่า และขอจบทุกอย่างเอาไว้เพียงเท่านี้...ลัมภา}
ไร่ไปรยาเวศ...
“น้องไวน์” ภาคินที่ตื่นนานแล้ว เดินเข้าไปสะกิดเรียกภรรยาที่ยังคงนอนอยู่บนเตียงเบาๆ
“อื้อ...กี่โมงแล้วคะ” คนที่รู้สึกเหมือนไม่มีเรี่ยวมีแรงลืมตาขึ้นมองพร้อมกับเอ่ยถาม
“จะเก้าโมงครึ่งแล้วครับ” ภาคินบอกยิ้มๆ
“บ้าจริง! ไวน์นัดกับคุณนันเอาไว้เจ็ดโมงเช้า” วรันยาหน้าตื่นขึ้นมาทันทีทันใดที่รู้ว่าตัวเองตื่นสาย
“พี่พาคุณนันกับทีมงานไปเก็บภาพในไร่มาแล้วครับ น้องไวน์เวียนหัวหรือเปล่า ไปหาหมอกันไหม?” ภาคินถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่ค่ะ แค่เพลียนิดๆ แล้วก็หิวข้าวสุดๆ เลย”
“พี่เตรียมมื้อเช้าเอาไว้รอแล้วครับ”
“ว้าว! เดี๋ยวไวน์ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จแล้วจะตามลงไปค่ะ” วรันยาบอกพร้อมกับลุกเดินตรงไปที่ห้องน้ำ
“ครับ” ภาคินมองตามเรือนร่างที่สุดแสนจะเซ็กซี่และเย้ายวนของภรรยา แล้ว ก็อยากจะตามเข้าไปซำบาราฮึ่มรับขวัญตอนเช้าในห้องน้ำ แต่ติดตรงที่สาวเจ้าดูอ่อนเพลียและหน้าซีด เขาจึงต้องตัดใจแล้วเดินลงไปนั่งรอที่โต๊ะทานข้าวด้านล่างแทน
ยี่สิบนาทีต่อมา...วรันยายืนมองข้าวต้มกุ๊ย ผัดผักบุ้ง ปลาอินทรีย์ทอด ยำไข่เค็ม ไข่เจียวหมูสับ หมูสามชั้นคั่วพริกเกลือ แล้วก็เต้าหู้เหลืองที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ผัดใส่เต้าเจี้ยวเผ็ดเสฉวน วางเรียงอยู่บนโต๊ะอย่างรู้สึกทึ่งๆ
“พี่คินทำเองเหรอคะ”
“ครับ น้องไวน์เห็นข่าวหรือยัง” ภาคินอมยิ้มเมื่อเห็นเมียรักเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ จึงรีบตักข้าวต้มใส่ถ้วยใบเล็กส่งให้
“ข่าวอะไรคะ”
“ข่าวของลัมภา” ภาคินกลั้นใจเอ่ยชื่อของอดีตคู่ขา
“ยังค่ะ พี่คินอ่านแล้วเหรอคะ” วรันยาแสร้งถาม
“ใช่ครับ! พี่อ่านแล้วเมื่อเช้า” ภาคินตอบก่อนจะตักหมูสามชั้นคั่วพริกเกลือใส่ลงในถ้วยข้าวต้มของภรรยาอย่างเอาใจ
“มีอะไรที่ร้ายแรง หรือว่าพี่คินอยากจะสารภาพอะไรกับไวน์หรือเปล่าคะ” วรันยาหันไปถาม
“บ้า! ทำไมพี่ต้องสารภาพ ตั้งแต่ที่เราแต่งงานกันมา พี่ซื่อสัตย์กับน้องไวน์ตลอด” คนที่รักเมียหลงเมียยิ่งกว่าสิ่งใด เอ่ยยืนยันเสียงหนักแน่น
“งั้นไวน์ก็ไม่จำเป็นต้องอ่านแล้วค่ะ” วรันยาบอกก่อนจะลงมือตักข้าวต้มทานอย่างรู้สึกหิว
“ไม่อยากรู้สักนิดเลยเหรอ?” ภาคินถามย้ำ
“ไม่ค่ะ เพราะเนื้อหาต่อจากนี้คงไม่มีเกี่ยวอะไรกับเราแล้ว ใช่ไหมคะ” คนที่แอบอ่านข่าวมาก่อน ตีหน้าซื่อทำเป็นไม่สนใจ
“ใช่ครับ” ภาคินยิ้มก่อนจะลงมือทานอาหารอย่างโล่งใจ
“อืม..คุณมาร์กับคุณพ่อจะกลับมาเมื่อไหร่คะ” วรันยาเปลี่ยนเรื่องคุย
“น่าจะอีกนานครับ ได้ข่าวว่าไปล่องเรือสำราญของ The Lion Sea”
[ครับ]
[แหม...เสียดายจัง มีนาตั้งใจว่าจะชวนไวน์ไปเที่ยวชมไร่ของคุณภาคิน สักหน่อย] ปลายสายบอกด้วยน้ำออดอ้อนนิดๆ ทำเอาวรันยาถึงกับหน้าชาไปทันใด ไม่คิดว่าเพื่อนสาวจะกล้าอ่อยสามีของตนลับหลัง
[ถ้าคุณมีนาอยากจะเที่ยวชมไร่ก็มาได้เลยครับ] ภาคินตอบพร้อมกับเหลือบมองภรรยาสาว ซึ่งกำลังจ้องมาที่ตนด้วยสายตาดุๆ
[จะ...จริงเหรอคะ] มีนาบอกอย่างดีใจ
[ครับ เดี๋ยวผมจะให้พนักงานของรีสอร์ตพาทัวร์] ภาคินบอกพลางกลั้นขำจนตัวสั่น ลุ้นว่าภรรยาสาวจะลุกมาข่วนหน้าของตนหรือไม่
[แหม...มีนนึกว่าคุณภาคินจะพาทัวร์ไร่เองซะอีก] มีนาบอกอย่างผิดหวัง
[คงไม่ได้หรอกครับ ผมต้องดูแลภรรยา] ภาคินบอกพร้อมกับส่งยิ้มหวานประจบเมียรัก
[มีนแค่แหย่เล่นน่ะค่ะ] มีนาเอ่ยแก้
[ครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอวางสายก่อนนะครับ] ภาคินพูดจบก็กดตัดสายทิ้งโดยไม่รอฟังอีกฝ่ายบอกลา
“ขอมือถือคืนด้วยค่ะ” วรันยาบอกด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“นี่ครับ” ภาคินรีบส่งให้แต่โดยดี
“ทำไมพี่คินถึงอยากรับสายคะ” วรันยาเลิกคิ้วถามอย่างรอฟังคำตอบ
“พี่จะบอกอะไรให้ มีนาน่ะตั้งใจจะอ่อยพี่หลายครั้งแล้ว ถ้าน้องไวน์จะสังเกตท่าทีของเพื่อนสักนิด ก็คงจะดูออก” ภาคินบอกสีหน้าจริงจัง
“บ้า! มีนาก็แค่ไม่มีเพื่อนคุยเท่านั้นค่ะ” วรันยาแก้ต่างให้เพื่อน ทั้งที่ใจก็แอบคิดมาหลายครั้งว่าอีกฝ่ายพยายามจะให้ท่าสามี
“! ไม่น่าเชื่อว่าเมียของพี่จะซื่อบื้อขนาดนี้” ภาคินหัวเราะเบาๆ กับคำตอบของภรรยา
“พี่คิน” วรันยาถลึงตาใส่อีกฝ่ายอย่างขุ่นเคือง
“ถ้าเมื่อกี้พี่ตกปากรับคำพาทัวร์ไร่ น้องไวน์คิดว่ามีนาจะไปกับพี่ไหม?” ภาคินเปลี่ยนมายิงคำถาม
“ไวน์ไม่รู้ค่ะ” วรันยาตอบไม่เต็มเสียง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภาคิน (ซีรีส์ 3 หนุ่มซานเตียนโน่)