เฉียวอี้ยืนรอฉันที่หน้าประตู ฉันพยักๆ หน้าให้เธอ “ไปกันเถอะ!”
เราสองคนเดินเข้าไปในลิฟต์ ฉินกวนตะโกนเรียกชื่อตามหลังฉัน “เซียวเซิง!”
เขาตามมา เขาน่าจะมีอะไรอยากพูดกับฉัน
ฉันหยุดและหันหลังไป ฉินกวนเดินเข้ามา มองฉันและพูดด้วย “สะดวกฟังกันสักหน่อยมั้ย?”
ฉันพยักๆ หน้า “อื้ม”
จากนั้นฉันก็พูดกับเฉียวอี้ “เธอรอฉันอยู่ข้างในแป๊บนะ”
ฉันกับฉินกวนเดินไปจนสุดทางเดินและหยุดลงตรงหน้าหน้าต่าง
ฉันไม่รู้ว่าฉินกวนจะพูดอะไรกับฉัน หรือเขาผิดหวังกับคำพูดของฉัน
ฉันเงยหน้ามองตาของเขา แต่ก็มองไม่เห็นอารมณ์ความรู้สึกจากดวงตาของเขาเลย
ฉันถามเขา “มีอะไรอยากคุยกับฉันเหรอ?”
“เซียวเซิง เรื่องลูกของเธอ ฉันขอโทษจริงๆ ที่ฉันปกป้องเธอไม่ได้ ฉันไม่คิดว่าเจินเสียนจะทำแบบนั้น”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย” ฉันพูด “นายคิดจะบอกฉันตอนนี้ว่ารู้สึกขอโทษที่ปกป้องจากเจินเสียนไม่ได้?”
“ไม่” เขาส่ายๆ หน้า “ฉันไม่ใช่พระมหาไถ่ที่ปกป้องใครก็ได้ ฉันรู้ว่าเรื่องนี้เป็นแค่อุบัติเหตุ และฉันก็เชื่อว่าเรื่องนี้เป็นผลกรรม ตอนนั้นเจินเสียนทำร้ายเธอ ตอนนี้เรื่องแบบเดียวกันก็เกิดขึ้นกับเค้า ฉันว่าเธอก็น่าจะเห็นใจเค้าที่เจอเรื่อ่งเดียวกันมานะ! ตอนนี้เธอให้อภัยเจินเสียนแล้วรึยัง?”
“ยัง ไม่ใช่เพราะเธอเจอเรื่องเหมือนกับฉันแล้วฉันจะให้อภัยเธอนะ ไม่ว่าตอนนี้เธอจะทรมานยังไง ลูกที่จากไปของฉันก็ไม่กลับมาอีกแล้ว ฉันไม่ได้ทำกับเธอแบบเดียวกับที่เธอเคยทำกับฉัน สิ่งที่เธอได้รับตอนนี้คือสิ่งที่เธอสมควรได้รับ”
ฉันพูดจบ ฉินกวนก็พยักๆ หน้า ในตอนที่เขาอยู่ในภวังค์ เฉียวอี้ก็เดินเข้ามาหา
ฉันจับมือของเฉียวอี้และเดินไป เฉียวอี้หันมามองฉันอยู่ตลอด หลังจากเดินเข้าลิฟต์ไป เธอก็ถามฉัน “ทำไมมองฉันด้วยสายตาแบบนี้ล่ะ? ไม่รู้จักฉันเหรอ?”
“รู้สึกแปลกหน้าอยู่นิดหน่อย แต่ที่เธอพูดกับเจินเสียนเมื่อกี้นี้หล่อมากเลยนะ ก็ต้องตอบโต้แบบนี้นี่แหละถึงจะเป็นผู้หญิงยุคใหม่!”
ฉันยิ้มให้เฉียวอี้ “ฉันไม่ใช่คนที่ถูกคนเอามีดแทงไปหนึ่งทีแล้วจะคุกเข่าขอร้องให้เอามีดแทงอีกทีสักหน่อย ไม่ต้องทำร้ายให้ตัวเองเป็นแม่พระก็ได้ ยังไงเจินเสียนก็หาเรื่องใส่ตัวเอง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน”
“เธอคิดแบบนี้ได้ก็ดี ฉันกลัวเธอจะรู้สึกผิดจนทรมานไปหลายวันหลายคืน”
“ฉันรู้สึกทรมานใจแค่เด็ก แต่ไม่ใช่กับเจินเสียน ฉันก็หวังว่าความแค้นระหว่างฉันกับเจินเสียนจะจบลงแค่นี้”
ฉันรู้ว่าเธอเเกลียดฉัน ฉันไม่แน่ใจเลยว่าเธอกลับมาหายดีแล้วจะมาตามรังควานฉันรึเปล่า
แต่ถ้าไม่มีอะไรฉันก็จะไม่สร้างปัญหา ถ้ามีปัญหาฉันก็จะไม่กลัว
ฉันไม่คิดเลยว่าจะทำเป้าหมายของตัวเองให้สำเร็จในเวลาสั้นๆ ได้แบบนี้ แถมยังเป็นเวลาที่ฉันยอมแพ้ไปแล้วอีก
“เธอพูดถูก” เฉียวอี้ขับรถไปพูดกับฉันไป “เจินเสียนหาผู้ชายสักคนก็ยังมองไม่ทะลุปรุโปร่ง เธออยากแต่งงานมีลูกและใช้ชีวิตร่วมกับเนี่ยฉีอย่างมั่นคง จะเป็นไปได้ยังไง? เธอจะได้รรับรักแท้จากเนี่ยฉีไปจนตายได้ยังไง”
“รักแท้คืออะไร?” ฉันถามเฉียวอี้ “เธอรู้มั้ย?”
“ถ้าฉันอยากพูดฉันก็รู้ เธอจะต้องพูดแน่เลยว่าฉันไม่เคยมีความรักจะไปรู้ได้ยังไงว่ารักแท้คืออะไร ก่อนหน้านี้ฉันดูซีรีส์และมักรู้สึกว่าการอยู่เคียงข้างกันไปจนตาย การที่ตายแทนอีกฝ่ายได้ถึงจะเรียกว่ารักแท้ แต่ตอนนี้ฉันคิดว่ารักแท้คือการเติมเต็มอีกฝ่าย เต็มใจช่วยให้อีกฝ่ายบรรลุความปรารถนาสนับสนุนสิ่งที่เธอต้องการทำแม้ว่าเขาจะรับไม่ได้ อย่างเช่นสีชิงชวน”
“เหอะ ช่วงนี้เธออวยสีชิงชวนบ่อยไปหน่อยนะ! เปลี่ยนทัศนคติที่มีกับเขาได้มากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เขาก็น่ารำคาญมากอยู่ดี แต่ฉันรู้สึกว่าสิ่งที่เขามีให้เธอคือรักแท้”
สายที่โทรเข้ามาขัดคำพูดของเฉียวอี้ เธอรับสายนั้น ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง บรรยากาศของฤดูใบไม้ผลิกำลังชัดขึ้นเรื่อยๆ แม้จะเป็นเวลากลางคืนแล้ว แต่เปิดหน้าต่างก็ไม่มีลมเย็นเลยแม้แต่น้อย
หลังจากคุยมือถือเสร็จ เฉียวอี้ก็มาตบบ่าและพูดกับฉัน “ป๋ออวี่เริ่มดำเนินการแล้ว”
ฉันหันหน้าไปมองเธอ “ดำเนินการยังไง?”
“ป๋ออวี่ถอนทุนแล้ว เขาย้ายทุนทั้งหมดไปแล้ว”
“แล้วไงต่อ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...