ความจริงฉันแทบจะกระอักเลือด แต่ยังต้องแสร้งทำเป็นเฉยเมยและบอกเขาว่า “ไม่เลวเลย เหมาะกับคุณมากเลย”
“ขอบคุณนะครับ ขอโทษด้วยจริงๆ นะครับ พึ่งจะรู้จักกันก็ต้องให้คุณมาซื้อของที่แพงขนาดนี้ให้ซะแล้ว”
“ไม่ได้ซื้อให้นะครับ แต่เพราะว่าทำของคุณพังก็เลยต้องชดใช้เฉยๆ ส่วนนาฬิกาของคุณในเมื่อมันพังไปแล้วก็ให้ฉันเก็บไว้เป็นของที่ระลึกแล้วกันนะคะ!”
“ถ้ายังงั้นผมต้องซื้อของที่เหมือนกันคืนให้คุณไหมครับ?”
ฉันกัดริมฝีปากและมองเขา หลังจากนั้นก็จับกระดุมแขนเสื้อของเขาและกระชากอย่างแรง และกระดุมที่บอบบางก็กระเด็นเข้ามาในอุ้งมือฉัน
ฉันส่ายกระดุมไปมาต่อหน้าเขา “ถือว่าให้กระดุมเม็ดนี้กับฉันแล้วกันค่ะ”
“มันไม่ได้มีค่าอะไรมากมายหรอกครับ”เขารู้สึกกระอักกระอ่วน
“ไม่ต้องหรอก ราคาสำหรับฉันน่ะ ถ้าฉันคิดว่ามันคุ้มมันก็คุ้มแหละค่ะ”
ฉันยิ้มและเอากระดุมเม็ดนั้นใส่กระเป๋า ความจริงถ้าฉันออกไปจากที่นี่เมื่อไหร่จะโยนทิ้งทันที
เพราะว่าฉันดึงกระดุมแขนเสื้อของเขาหลุด แขนเสื้อจึงเปิดออก ฉันก็เลยช่วยพับแขนเสื้อให้เขา เขาเอ่ยขอบคุณฉันพร้อมกับดวงตาที่เป็นประกาย
เพราะว่าฉันกำลังโน้มตัวอยู่ และก็สังเกตเห็นว่าสายตาของเขามองมาที่หน้าอกของฉัน
ถึงแม้ว่าวันนี้ฉันจะไม่ได้ใส่เสื้อคอลึกเท่าไหร่ แต่ว่าจากมุมนี้ก็เผลอโผล่ออกมาบ้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ฉันรีบปิดหน้าอก ตอนที่กลับมานั่งก็หน้าเกือบแดงเล็กน้อยแล้ว
เมื่อกี้ยังเสแสร้งเป็นเศรษฐีสาวอยู่เลย ถ้าเกิดว่าฉันหน้าแดงขึ้นมาก็เสียแรงเปล่าน่ะสิ
พอฉันนั่งลงอาหารก็มาเสิร์ฟพอดี ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว
“เพื่อเป็นการขอบคุณที่คุณมอบนาฬิการาคาแพงขนาดนี้ให้ผม มื้อนี้ผมเลี้ยงเองครับ”
ฉันไม่สนใจเขาและกินต่อไป และก็แอบยิ้มในใจ เหอะ นาฬิกาฉันซื้อให้เขานั้นจะซื้อร้านอาหารร้านนี้ยังได้เลย เขากล้าพูดออกมาเหรอว่าจะเลี้ยงอาหารมื้อนี้เอง?
ฉันเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เขา “ได้สิคะ”
ระหว่างทางที่มาที่นี่เฉียวอี้บอกกับฉันว่า กลางวันนี้ไม่ใช่แค่การเอานาฬิกามาให้หรือแค่กินข้าวง่ายๆ เท่านั้น ต้องแสดงออกให้ผู้ชายรู้ว่าฉันสนใจเขา และต้องให้เขารู้ถึงอำนาจที่แท้จริงของฉัน
ดังนั้นฉันต้องพาเขาไปยังที่พักของตัวเอง ตอนนั้นพ่อทิ้งบ้านไว้ให้ฉันหลายหลังอยู่เหมือนกัน แต่ว่ามันก็เป็นแค่คฤหาสน์ธรรมดาๆ เท่านั้นเอง ไม่ได้ถือว่าหรูหราอะไรมากมาย
ฉันกินไปด้วยแล้วก็ครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะให้แมงดานี้มาดูที่บ้านฉันได้ยังไง แต่ว่าฉันก็ไม่ได้มีบ้านที่วิเศษวิโสที่จะมาช่วยแสดงละครฉากนี้ได้นี่
ตอนที่ฉันกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก ก็ได้ยินเขาพูดกับฉันว่า “ตอนบ่ายนี้ผมต้องไปออดิชั่น แต่ว่าพอกระดุมหลุดหายใจเสื้อผ้าก็เลยไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่”
“คงไม่ได้ให้ฉันคืนกระดุมให้คุณหรอกนะคะ?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่อยู่แล้วครับ”
ฉันเตรียมจะบอกว่าไปเดินซื้อตามร้านก็พอแล้ว แต่ฉันดูจากสายตาของเขาแล้วเหมือนจะมีนัยอะไรบางอย่าง ก็เลยพูดต่อไปว่า “พอดีเลย ฉันมีที่พักอยู่แถวนี้พอดี คุณไปเปลี่ยนที่บ้านฉันไหมคะ!ฉันน่าจะพอมีเสื้อเชิ้ตผู้ชายอยู่บ้างนะ”
“เหรอครับ? งั้นก็พอดีเลย” ที่แท้เขาก็คิดแบบนี้นี่เอง พอฉันพูดเขาก็เข้าใจในทันที
มันเต็มไปด้วยการบอกเป็นนัย ฉันเอ่ยปากเชิญไปแล้ว แต่ว่าฉันมีบ้านอยู่ใกล้ๆ ที่ไหนกันล่ะ?
แน่นอนว่าคอนโดกับคฤหาสน์ธรรมดาๆ ต้องไม่ได้อยู่แล้ว ต้องมีบ้านหลังใหญ่ที่มีสวน หินประดับ และทะเลสาบเทียม และมีคนเข้าออกอยู่บ่อยๆ
ที่ดินทุกตารางวาในเมืองฮวานั้นแพงมาก ไม่ใช่ธรรมดาเลย
ถ้าเกิดว่าฉันทำให้แมงดาคนนี้เห็นว่าฉันมีบ้านแบบนั้นได้ ถ้ายังงั้นตำแหน่งเศรษฐีสาวในใจของเขา ฉันต้องนำเจินเสียนอย่างแน่นอน
ไม่คิดเลยว่าแม่บุญทุ่มจะใช้เงินกันแบบนี้ โชคดีที่เธอไม่ได้มีงานอดิเรกอะไรแบบนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...