เพราะเหตุนี้เฉียวอี้และเฉียวเจี้ยนฉีก็ได้เริ่มประชุมกัน ทุกคนที่อยู่ในตำแหน่งสำคัญดูยุ่งกว่าตอนที่ฉันได้เป็นประธานเสียอีก
แม้ว่าเฉียวอี้จะดูว่อกแว่กเมื่อฉันมาอยู่ที่นี่ เธอมักจะกังวลว่าฉันอยู่คนเดียวแล้วจะรู้สึกเบื่อ เธอเงยหน้าขึ้นมองเป็นครั้งคราวและพูดกับฉันว่า “ฉันมีนินเท็นโดอยู่ในลิ้นชัก เธอเอาออกมาเล่นได้นะ”
ฉันไม่ใช่เด็กเล็ก ๆ แล้ว อีกอย่างฉันเองก็ไม่ชอบเล่นเกม คนที่ชอบเล่นคือเฉียวอี้ เธอมีอุปกรณ์เล่นเกมเยอะมาก
ฉันไม่เล่นนินเท็นโด ฉันเลยใช้โทรศัพท์เล่นเกมผึ้งน้อย แต่ไม่กล้าที่จะเปิดเสียงเพราะกลัวจะไปรบกวนพวกเขา
ฉันรู้สึกเบื่อกับการเล่นเกม พวกเขาประชุมกันเป็นเวลานาน ตัวฉันเองก็เริ่มรู้สึกง่วงนอน และเล่นเกมโดยที่หัวของฉันยังตั้งตรง อีกนิดเดียวตัวฉันเองก็เกือบจะเคลิ้มหลับไปแล้ว
เมื่อสีชิงชวนโทรมา ฉันก็ใกล้จะหลับ เมื่อโทรศัพท์ในมือสั่นขึ้นมา ฉันก็ตกใจจนเกือบจะโยนโทรศัพท์ในมือทิ้ง
ตอนแรกฉันยังไม่ได้รับสาย เพราะกลัวที่จะไปรบกวนการประชุมของพวกเขา แล้วค่อยๆ ย่องออกจากห้องทำงานของเฉียวอี้พร้อมกับถือโทรศัพท์มือถือในมือแล้วซ่อนตัวที่บันไดด้านหลังเพื่อรับโทรศัพท์
สีชิงชวนอาจรู้สึกโมโหที่ฉันใช้เวลานานมากในการรับโทรศัพท์ น้ำเสียงของเขาไม่ดุมาก แต่ก็สามารถรับรู้ได้ว่าเขากำลังพยายามระงับความโกรธ “เซียวเซิง โทรศัพท์คุณตายไปแล้วเหรอ?”
“โทรศัพท์ไม่มีชีวิต จะตายได้ยังไง ?"
“แล้วทำไมคุณเพิ่งมารับโทรศัพท์เอาตอนนี้ ?”
“ฉันอยู่ในห้องทำงานของเฉียวอี้ ทุกคนกำลังประชุมกันอยู่ แน่นอนว่าฉันก็ต้องออกมาจากห้องก่อนถึงจะรับโทรศัพท์ได้สิ"
“แล้วทำไมคุณถึงไปที่ห้องทำงานของเฉียวอี้”
“ฉันไปห้องทำงานของเฉียวอี้แล้วมันแปลกตรงไหน ?”
“ทำไมคุณถึงชอบไปที่ห้องทำงานของคนอื่น ทั้งที่คุณก็ไปที่ห้องของตัวเองได้”
“นี่ไม่ใช่ประเด็นนะ โอเคไหม” ทำไมฉันต้องมาเถียงกับเขาตั้งนานเพราะเรื่องที่ฉันไปห้องทำงานของคนอื่นด้วย ?
“คุณมีธุระอะไรกับฉัน ?”
“คุณได้ไปเจอเซียวซือแล้ว ?”
“ใช่”
“แล้วทำไมหลังจากนั้นคุณไม่โทรหาผมล่ะ ?”
“คุณอยากได้ยินอะไรล่ะ ?”
“เซียวเซิง” เขาเรียกชื่อฉันอย่างอดกลั้น “หรือผมต้องพูดแบบนี้ล่ะ คุณไปหาเซียวซือแล้ว ตอนนี้จิตใจคุณดีขึ้นบ้างแล้วใช่ไหมล่ะ ?”
“ตามจริงมันยิ่งอึดอัดเข้าไปใหญ่ กับการที่ฉันได้เห็นสภาพแวดล้อมที่เธออยู่ในตอนนี้ “แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วฉันกับเซียวซือจะไม่ใช่พี่น้องกัน แต่ก่อนฉันก็คิดแค่ว่าเรามีพ่อคนเดียวกันแต่เพียงแค่คนละแม่ แต่ตอนนี้กลับไม่ใช่ทั้งพ่อและแม่ แต่ไม่ว่ายังไงการที่ได้เห็นเธอเป็นแบบนี้ฉันก็ยังรู้สึกอึดอัดอยู่ดี
สีชิงชวนเงียบไปสักพักก่อนจะพูดขึ้นมา “ถ้าคุณเห็นอกเห็นใจเธอ คุณสามารถติดคุกแทนเธอได้นะ"
เขากำลังพูดอะไร ?
“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วทำไมฉันต้องเข้าคุก ?”
"ความเห็นอกเห็นใจของคุณไม่เคยอยู่ในจุดต่ำสุดเลยนะ แล้วจะไปติดคุกแทนคนอื่นได้ยังไงล่ะ?" สีชิงชวนส่งเสียงหึแล้วหัวเราะออกมา "กลับไปทานข้าวเที่ยง ที่บ้านจะทำซุปให้คุณกิน”
“ตอนเที่ยงฉันอาจจะต้องกินข้าวกับเฉียวอี้”
“ถ้าคุณต้องกินกับเธอจริง ๆ ก็พาเธอมาด้วย เพราะคุณย่าไม่เพียงแต่ขอให้ป้าอู๋ทำกระเพาะปลาและซุปไก่ให้กับคุณ แต่ยังมีรังนกหม้อใหญ่ด้วย ถ้าคุณไม่กินละก็ คุณย่าก็จะส่งมาที่บริษัทของผม”
กลายเป็นว่าสีชิงชวนกลัวว่าคุณย่าจะไปรบกวนเขา ฉันคิดสักพักก่อนจะตอบตกลง
ฉันคุยโทรศัพท์กับสีชิงชวนเสร็จก็เก็บโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋า ทันใดนั้นก็มีคนเดินออกมาลิฟต์ ปรากฏว่าคนนั้นคือ ฉินกวน
เจอกับเขาที่บริษัทของเฉียวอี้ ทำให้ฉันรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย บางทีเขาเองก็คงประหลาดใจที่เจอฉันที่นี่เหมือนกัน
“เซียวเซิง” เขาหยุด “มาหาเฉียวอี้เหรอ ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...