ฉันรู้สึกได้ว่า เซียวซือดูไม่เป็นมิตรกับฉันนิดหน่อย
นี่ก็เป็นเรื่องปกติ ถึงอย่างไรก็เป็นเพราะฉันที่ทำให้เธอต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้
“เซียวซือ” ฉันจับมือเธอไว้ และพูดกับเธออย่างเยือกเย็น “ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกัน ? ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะเป็นคนทำ”
ดวงตาของเซียวซือเป็นประกายด้วยแสงที่ฉันไม่อาจเข้าใจได้ เธอเลียริมฝีปากซีด ๆ ของเธอ “เซียวเซิง ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าฉันควรพูดว่าเธอมันโง่หรือเธอจิตใจดีกันแน่"
ฉันมองไปที่เธอ แล้วใช้แรงจับไปที่มือของเธอ “หรือเธอถูกคุณน้าบังคับกันแน่”
“เซียวเซิง ตอนนี้เธอยังจะอยากรู้อะไรให้ชัดเจนอีกทำไม ?"
“แน่นอนว่าฉันต้องรู้เรื่องให้ชัด ๆ เพื่อที่ฉันจะได้ช่วยเธอได้ ”
“อย่าคิดว่าตัวเองเป็นคนกอบกู้โลก ตอนนี้เธอน่ะคือคนที่อันตรายที่สุดแล้ว” เซียวซีดึงมือของเธอออกจากฝ่ามือของฉันและกอดตัวเองให้แน่นขึ้น "เซียวเซิง คำแนะนำสุดท้ายของฉัน ที่ฉันจะบอกเธอคือ รีบหนีไปจากสีชิงชวนเถอะ "
“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ ?”
“เธอมองฉันสิแล้วเธอจะรู้ สีชิงชวนทำกับฉันโดยไร้ความปราณี และไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์เก่า ๆ ที่มี เธอควรคิดถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นกับเธอในอนาคตได้แล้ว”
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสีชิงชวนยังไง ?”
เซียวซือมองมาที่ฉันอย่างมีความหมาย แต่เธอกลับไม่พูดอะไรออกมา แม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดออกมาแต่ฉันก็เห็นความหมายอันลึกซึ้งในดวงตาของเธอ
เธอมองมาที่ฉันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยกยิ้มมุมปากออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เซียวเซิง จริง ๆ เธอเป็นคนฉลาด เธอลองใช้สมองอันแสนฉลาดของเธอคิดดูดี ๆ สิ”
“เธอรู้อะไร เธอก็บอกฉันมา"
“ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น และฉันก็จะไม่พูดอะไรด้วย เซียวเซิง เธอช่วยฉันไม่ได้หรอก”
“งั้นเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับเธอหรือเปล่า ?”
เซียวซีเอาแต่มองมาที่ฉันและหัวเราะ หัวเราะจนสมองฉันเบลอไปหมด สับสนวุ่นวายเหมือนกับซุปไข่ที่อยู่ในชาม ตักขึ้นมาก็ไม่ได้ ดื่มก็ไม่ได้
สุดท้ายเซียวซือก็ไม่ได้ตอบคำถามของฉัน และไม่ว่าฉันจะพูดอะไรกับเธอต่อ เธอก็ไม่คุยกับฉันเธอเอาแต่กอดเข่าของตัวเองม้วนตัวเป็นลูกบอลก้อนเล็ก ๆ
ดังนั้นการที่เลือกมาเจอเซียวซี ถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ผิดพลาดมาก ๆ
เพราะฉันไม่ใช่แค่ไม่ได้คำตอบ แต่ยังเพิ่มความสับสนให้กับตัวเอง และยังทำให้สงสัยในตัวสีชิงชวนอีกด้วย
แม้เซียวซือจะพูดแบบนั้น แต่ความสงสัยในใจของฉันก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ในตอนแรกมันเป็นเพียงแค่เมล็ดเล็ก ๆ ต่อมามันหยั่งรากและแตกหน่อขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
ประมาณ 20 นาทีต่อมา คนคนนั้นก็เปิดประตูออกและยืนที่ประตูเพื่อเตือนฉัน “คุณนายสี เวลาเหลือไม่มาก ไม่สามารถปล่อยให้นานไปกว่านี้ได้แล้ว แบบนี้ฉันจะลำบากค่ะ”
โดยปกติของฉันแล้วฉันไม่ชอบทำให้คนอื่นลำบาก ฉันเลยลุกขึ้นยืน บางทีอาจเป็นเพราะอากาศถ่ายเทไม่สะดวกหรืออาจเป็นเพราะฉันนั่งยอง ๆ เป็นเวลานาน เลยทำให้สมองฉันตื้อนิดหน่อย"
ฉันมองไปที่ไรผมสีขาวราวกับหิมะระหว่างผมสีดำทึบของเซียวซือ “ถ้าหากเธอถูกใส่ร้าย เธอก็แค่บอกฉัน ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอติดคุกโดยเปล่าประโยชน์”
เซียวซือยังคงก้มหน้าและไม่ส่งเสียงอะไรออกมา
ฉันเดินออกมาจากห้องด้วยความยากลำบาก ตอนแรกที่เดินเข้าไปก็ไม่รู้สึกว่ามีกลิ่นอะไรข้างใน แต่พอได้เดินออกมาก็รู้สึกว่าอากาศข้างนอกนั้นสดชื่นเอามาก ๆ
เดิมทีในนั้นมักมีกลิ่นอับอยู่เสมอ เซียวซือที่เป็นเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์และยิ่งใหญ่มาตลอด มาวันหนึ่งจู่ ๆ ก็ถูกนำมาขังไว้ในที่แห่งนี้ จริง ๆ ฉันก็รู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่นัก
บางทีฉันอาจจะมีความเห็นอกเห็นใจมากเกินไป จนท่วมท้นไปหมด
หลังจากที่ฉันเดินออกไปก็ตัดสินใจได้ว่า ฉันจะตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตัวของฉันเอง
ถ้าผลออกมาว่าเซียวซือเป็นคนทำจริง ๆ เธอก็ต้องถูกลงโทษอย่างที่ควรจะเป็น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...