กลิ่นอายของฉินกวน ให้ความรู้สึกเหมือนกับคุณพ่อ
ไม่ใช่จะบอกว่าเขาเหมือนคุณพ่อ แต่ฉันรู้สึกเหมือนเขาเป็นพ่อ
อันที่จริง ฉันไม่สามารถบอกได้จากแหวนว่าเขาคือพ่อของฉัน แต่ฉันมั่นใจว่าเขาเคยมีความสัมพันธ์กับแม่ของฉันมาก่อน แม้ว่าลึก ๆ ในใจของฉันจะหวังอยากให้เป็นเขาก็ตาม
ฉันเองก็กลัวว่าความคิดของฉันจะถูกจำกัดมากเกินไป
ฉันเคยถามตัวเอง ทำไมถึงหวังว่าฉินกวนจะเป็นพ่อของตัวเอง ?
เพราะเขาเป็นศิลปินงั้นเหรอ ?
หรือเพราะเขามีหน้ามีตา ?
หรือเพราะเขายังมีใบหน้าที่ยังดูดีแม้อยู่ในวัย 50?
ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะฉันนั้นขาดความรัก ตั้งแต่ฉันรู้ว่าฉันไม่ลูกสาวของคุณพ่อ เมื่อเห็นผู้ชายที่ถูกใจ ฉันก็จะคิดว่าเขาเป็นพ่อของฉัน
ฉันเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของฉินกวนแล้วกอดเขาแน่นโดยไม่คิดจะปล่อยมือ หน้าของฉันแนบไปที่อกของเขา ฉันได้ยินแม้กระทั่งการเต้นของหัวใจของเขา
ฉันรู้สึกได้ว่าฉินกวนกำลังลูบผมของฉันเบา ๆ มือของเขานุ่มมาก จนทำให้ฉันรู้สึกเศร้าจนอยากร้องไห้
ฉันเงยหน้าขึ้นจากอ้อมแขนของเขา นิ้วหัวแม่มือของเขาลูบแก้มของฉันเบา ๆ ดวงตาของเขาเศร้าหมอง “เซียวเซิง ผมไม่เคยเห็นคุณมีความสุขเลย ในดวงตาของคุณมักมีน้ำอยู่เสมอราวกับว่าคุณสามารถหลั่งน้ำตาได้ทุกเมื่อ”
"ฉัน..." บางทีเพราะแบบนี้ แม่เลี้ยงถึงไม่ค่อยชอบฉันนัก และพูดว่าฉันมักดูเป็นทุกข์เสมอ
ฉันเห็นความสงสารในดวงตาของฉินกวน ทันใดนั้นเขาก็จับเข้าที่แก้มและจูบลงไปเบา ๆ ที่หน้าผากของฉัน
จูบนี้มันแตกต่างออกไปจากจูบแบบอื่น ๆ ฉันรู้สึกได้ว่าเขาเต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู เป็นความรักของผู้ใหญ่ที่มีต่อเด็ก
เหมือนกับหลานสาวของคุณน้าของเฉียวอี้ ที่เป็นเด็กน่ารักเอามาก ๆ ทุกครั้งที่ฉันได้เจอ ฉันก็จะกอดและหอมเธอแรง ๆ
ฉันคิดว่าจูบนี้ของฉินกวนไม่ต่างอะไรจากการจูบเด็กน้อย
ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงมาจากทางประตู และนั่นก็คือเสียงของเฉียวอี้
“พวกคุณทำอะไรกันอยู่ ?”
เฉียวอี้ ใช่แล้วฉินกวนเป็นแฟนหนุ่มของเฉียวอี้ ไม่ว่าจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ อย่างน้อยเฉียวอี้ก็มั่นใจในหัวใจของตัวเธอเอง
ฉันหันหน้าไปมองที่ประตูทางเข้า เฉียวอี้กำลังยืนอยู่ที่ปากบันได ยืนตรงมองมาที่พวกเรา
ฉันเห็นความเจ็บปวดในดวงตาของเฉียวอี้ เธอจะต้องเข้าใจผิดไปแล้วแน่ ๆ
จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่ได้บอกกับเฉียวอี้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของแม่ของฉันและฉินกวน ดังนั้นเธอเองก็เลยไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของฉันกับฉินกวน
“เฉียวอี้” จริง ๆ ในใจของฉันนั้นไม่มีอะไรเลย แต่สายตาของเฉียวอี้กลับทำให้ฉันรู้สึกเสียใจ “ฉินกวนมาหาเธอเพื่อประชุมน่ะฉันก็เลยมาคุยกับเขานิดหน่อย”
เฉียวอี้เดินมาอยู่ตรงหน้าของฉัน ท่าทางของเธอดูแปลก ๆ จากนั้นเธอก็ชี้นิ้วมาที่หน้าผากของฉัน “เมื่อกี้ฉันเห็นหมดแล้ว เมื่อกี้มันหมายความว่ายังไงกัน ?”
เธอมองมาที่ฉัน แต่น่าจะต้องการที่จะถามฉินกวนเสียมากกว่า
“จู่ ๆ ก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่เห็นต้องคิดอะไรมากเลย” นี่คือคำตอบจากฉินกวน
ที่จริงหากคิดอย่างรอบคอบแล้ว สิ่งที่เขาพูดก็ไม่ได้ผิดอะไร ความรู้สึกที่ควบคุมไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นความรักแบบหนุ่มสาว แต่อาจเป็นความรักแบบครอบครัว หรือมิตรภาพมันก็ได้เหมือนกัน
แต่ว่าในตอนนี้เฉียวอี้ก็คงไม่มีทางคิดแบบนั้นแน่ เพราะสายตาของเธอแตกต่างจากปกติที่เธอมองมาที่ฉัน
ฉันรู้สึกเจ็บปวดมาก ๆ คนอื่น ๆ จะเข้าใจผิดฉันก็ไม่เป็นไร แต่ต้องไม่ใช่กับเฉียวอี้
“เฉียวอี้ มันไม่ใช่แบบที่เธอคิด” ฉันรีบดึงแขนเสื้อของเธอด้วยความตื่นตระหนก ยังดีที่เฉียวอี้ไม่ได้สะบัดมือของฉันออกไป พวกเราเองมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ถ้าหากมันจะพังทลายลงเพราะจูบเดียวของฉินกวน ถ้าเป็นแบบนั้นฉันคงตายแน่ ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...