พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 342

สรุปบท ตอนที่ 342 คุณเหมือนกับเมฆฝน: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)

อ่านสรุป ตอนที่ 342 คุณเหมือนกับเมฆฝน จาก พ่ายรักเมียในนาม(จบ) โดย Chompoo Prateung

บทที่ ตอนที่ 342 คุณเหมือนกับเมฆฝน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายประวัติศาสตร์ พ่ายรักเมียในนาม(จบ) ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Chompoo Prateung อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

กลิ่นอายของฉินกวน ให้ความรู้สึกเหมือนกับคุณพ่อ

ไม่ใช่จะบอกว่าเขาเหมือนคุณพ่อ แต่ฉันรู้สึกเหมือนเขาเป็นพ่อ

อันที่จริง ฉันไม่สามารถบอกได้จากแหวนว่าเขาคือพ่อของฉัน แต่ฉันมั่นใจว่าเขาเคยมีความสัมพันธ์กับแม่ของฉันมาก่อน แม้ว่าลึก ๆ ในใจของฉันจะหวังอยากให้เป็นเขาก็ตาม

ฉันเองก็กลัวว่าความคิดของฉันจะถูกจำกัดมากเกินไป

ฉันเคยถามตัวเอง ทำไมถึงหวังว่าฉินกวนจะเป็นพ่อของตัวเอง ?

เพราะเขาเป็นศิลปินงั้นเหรอ ?

หรือเพราะเขามีหน้ามีตา ?

หรือเพราะเขายังมีใบหน้าที่ยังดูดีแม้อยู่ในวัย 50?

ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะฉันนั้นขาดความรัก ตั้งแต่ฉันรู้ว่าฉันไม่ลูกสาวของคุณพ่อ เมื่อเห็นผู้ชายที่ถูกใจ ฉันก็จะคิดว่าเขาเป็นพ่อของฉัน

ฉันเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของฉินกวนแล้วกอดเขาแน่นโดยไม่คิดจะปล่อยมือ หน้าของฉันแนบไปที่อกของเขา ฉันได้ยินแม้กระทั่งการเต้นของหัวใจของเขา

ฉันรู้สึกได้ว่าฉินกวนกำลังลูบผมของฉันเบา ๆ มือของเขานุ่มมาก จนทำให้ฉันรู้สึกเศร้าจนอยากร้องไห้

ฉันเงยหน้าขึ้นจากอ้อมแขนของเขา นิ้วหัวแม่มือของเขาลูบแก้มของฉันเบา ๆ ดวงตาของเขาเศร้าหมอง “เซียวเซิง ผมไม่เคยเห็นคุณมีความสุขเลย ในดวงตาของคุณมักมีน้ำอยู่เสมอราวกับว่าคุณสามารถหลั่งน้ำตาได้ทุกเมื่อ”

"ฉัน..." บางทีเพราะแบบนี้ แม่เลี้ยงถึงไม่ค่อยชอบฉันนัก และพูดว่าฉันมักดูเป็นทุกข์เสมอ

ฉันเห็นความสงสารในดวงตาของฉินกวน ทันใดนั้นเขาก็จับเข้าที่แก้มและจูบลงไปเบา ๆ ที่หน้าผากของฉัน

จูบนี้มันแตกต่างออกไปจากจูบแบบอื่น ๆ ฉันรู้สึกได้ว่าเขาเต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู เป็นความรักของผู้ใหญ่ที่มีต่อเด็ก

เหมือนกับหลานสาวของคุณน้าของเฉียวอี้ ที่เป็นเด็กน่ารักเอามาก ๆ ทุกครั้งที่ฉันได้เจอ ฉันก็จะกอดและหอมเธอแรง ๆ

ฉันคิดว่าจูบนี้ของฉินกวนไม่ต่างอะไรจากการจูบเด็กน้อย

ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงมาจากทางประตู และนั่นก็คือเสียงของเฉียวอี้

“พวกคุณทำอะไรกันอยู่ ?”

เฉียวอี้ ใช่แล้วฉินกวนเป็นแฟนหนุ่มของเฉียวอี้ ไม่ว่าจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ อย่างน้อยเฉียวอี้ก็มั่นใจในหัวใจของตัวเธอเอง

ฉันหันหน้าไปมองที่ประตูทางเข้า เฉียวอี้กำลังยืนอยู่ที่ปากบันได ยืนตรงมองมาที่พวกเรา

ฉันเห็นความเจ็บปวดในดวงตาของเฉียวอี้ เธอจะต้องเข้าใจผิดไปแล้วแน่ ๆ

จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่ได้บอกกับเฉียวอี้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของแม่ของฉันและฉินกวน ดังนั้นเธอเองก็เลยไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของฉันกับฉินกวน

“เฉียวอี้” จริง ๆ ในใจของฉันนั้นไม่มีอะไรเลย แต่สายตาของเฉียวอี้กลับทำให้ฉันรู้สึกเสียใจ “ฉินกวนมาหาเธอเพื่อประชุมน่ะฉันก็เลยมาคุยกับเขานิดหน่อย”

เฉียวอี้เดินมาอยู่ตรงหน้าของฉัน ท่าทางของเธอดูแปลก ๆ จากนั้นเธอก็ชี้นิ้วมาที่หน้าผากของฉัน “เมื่อกี้ฉันเห็นหมดแล้ว เมื่อกี้มันหมายความว่ายังไงกัน ?”

เธอมองมาที่ฉัน แต่น่าจะต้องการที่จะถามฉินกวนเสียมากกว่า

“จู่ ๆ ก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่เห็นต้องคิดอะไรมากเลย” นี่คือคำตอบจากฉินกวน

ที่จริงหากคิดอย่างรอบคอบแล้ว สิ่งที่เขาพูดก็ไม่ได้ผิดอะไร ความรู้สึกที่ควบคุมไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นความรักแบบหนุ่มสาว แต่อาจเป็นความรักแบบครอบครัว หรือมิตรภาพมันก็ได้เหมือนกัน

แต่ว่าในตอนนี้เฉียวอี้ก็คงไม่มีทางคิดแบบนั้นแน่ เพราะสายตาของเธอแตกต่างจากปกติที่เธอมองมาที่ฉัน

ฉันรู้สึกเจ็บปวดมาก ๆ คนอื่น ๆ จะเข้าใจผิดฉันก็ไม่เป็นไร แต่ต้องไม่ใช่กับเฉียวอี้

“เฉียวอี้ มันไม่ใช่แบบที่เธอคิด” ฉันรีบดึงแขนเสื้อของเธอด้วยความตื่นตระหนก ยังดีที่เฉียวอี้ไม่ได้สะบัดมือของฉันออกไป พวกเราเองมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ถ้าหากมันจะพังทลายลงเพราะจูบเดียวของฉินกวน ถ้าเป็นแบบนั้นฉันคงตายแน่ ๆ

ฉันยืนขึ้นด้วยความตกใจ และขอบคุณเขาหลาย ๆ ครั้ง

“คุณเป็นอะไรไป ? ดูสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย ตอนที่ผมเจอคุณเมื่อสักครู่คุณไม่ได้เป็นแบบนี้นี่ครับ” เฉียวเจี้ยนฉีเดินวนรอบตัวฉัน “เซียวเซิง คุณรู้ไหมว่าคุณเหมือนกับอะไร ?”

“ฉันไม่รู้”

“คุณเหมือนกับก้อนเมฆสีดำที่ซ้อนกันเป็นชั้น ๆ เลย”

“อะไรคือก้อนเมฆสีดำที่ซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ?” ฉันไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่นัก

“โดยปกติเมฆที่มีไอน้ำมากเกินไป ก็จะทำให้เกิดฝนตก คุณก็เหมือนกับเมฆที่จะทำให้เกิดฝนตกนั่นแหละครับ ทุกครั้งที่ผมเห็นคุณ ก็คิดว่าอีกไม่นานฝนก็คงจะตกแล้ว”

“คำอธิบายของคุณยอดเยี่ยมจริง ๆ” ฉันแสร้งทำเป็นชมเขา

ถึงแม้สิ่งที่เขาพูดจะดูแตกต่างจากสิ่งที่ฉินกวนเคยอธิบายไว้ แต่ก็เป็นการพูดในรูปแบคล้าย ๆ กัน คือทุกคนต่างก็พูดว่าฉันนั้นดูไม่มีความสุข

เพราะแบบนั้นแม่เลี้ยงเลยมักจะด่าว่าฉันเป็นตัวซวย คงจะเป็นเพราะเหตุผลนี้

“ในเมื่อคุณไม่มีความสุข งั้นผมจะพาคุณไปกินของอร่อย ๆ ให้คุณมีความสุข” เขาคว้าข้อมือของฉัน “ไปเถอะ พวกเราไปกินปูขนกัน”

“วันนี้ฉันต้องกลับไปกินข้าวที่ตระกูลสี คุณย่าท่านทำซุปไว้ให้ฉัน”

“ตระกูลสีคงไม่ได้แคร์เรื่องการสิ้นเปลืองซุปหรอก”

“แต่ฉันไม่สามารถหักหาญน้ำใจของคุณย่าได้”

“โอ้ เซียวเซิงคนใจดี งั้นเอาแบบนี้ ผมคิดว่าซุปหมอนั้นคุณคงกินไม่ลงหรอก งั้นให้ผมช่วยคุณกินดีกว่า"

ฉันเงยหน้ามองไปที่เฉียวเจี้ยนฉีคนหน้าหนา “ตระกูลสีก็คือตระกูลของสีชิงชวน คุณยังจะอยากไปกินข้าวกับฉันด้วยอีกเหรอ ? คุณอย่าลืมสิว่าไม่กี่วันก่อนคุณเพิ่งทะเลาะกับเขามา”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)