รสนิยมของเศรษฐีสาวนั้นจัดจ้านจริงๆ พวกเธอชอบอะไรแบบนี้จริงๆ เหรอ?
ทำไมต้องให้ผู้ชายมาดูแลตัวเองด้วยล่ะ?
ตัวเองไม่มีมือเหรอ?
กินอาหารเองไม่ได้เหรอ?
เมื่อเนี่ยฉี่กำลังยื่นช้อนมาครั้งที่สอง ฉันจึงผลักมือเขาออก “เดี๋ยวฉันทานเองได้ค่ะ”
เขากลับจับนิ้วมือของฉันด้วยความไม่ตั้งใจ “มือคุณเย็นจังเลย”
นิ้วโป้งของเขาวางลงบนหลังมือของฉัน พร้อมกับถูไปมา ฉันรู้สึกขนลุกซู่จนขนแทบจะร่วงลงมาหมดอยู่แล้ว
ฉันพยายามสะบัดมือของมาจากฝ่ามือของเขา แล้วก็พูดด้วยเสียงออดอ้อน “อย่าทำแบบนี้สิ มีตั้งหลายคนดูอยู่นะ!”
ฉันแทบจะอ้วกกับเสียงออดอ้อนของตัวเอง เดิมทีคิดว่าเค้กนี้อร่อยดี แต่กลับไม่รู้สึกอยากกินเลยสักนิด
ฉันเผลอมองออกไปด้านนอก ฉันเห็นอะไรนะ?
ฉันเห็นพี่สะใภ้ของสีชิงชวน เพราะเป็นกระจกยาวถึงพื้น ด้านในจึงสามารถมองเห็นด้านนอก แต่ด้านนอกจะมองเข้ามาด้านในไม่ได้
พี่สะใภ้ของเขายืนจ้องเข้ามาจากด้านนอกอย่างไม่กะพริบ พวกเราสบตามองซึ่งกันและกัน
ได้เรื่องละทีนี้ ดูท่าฉันคงจะไม่ต้องรอกลับไปที่บ้านของสีชิงชวนให้พ่อบ้านเขาฟ้องแล้ว พี่สะใภ้ปากลำโพงของเขา เดี๋ยวก็คงเล่าให้พี่ชายของเขาฟังทันที และพี่ชายของเขาก็จะทำเป็นเล่าให้สีชิงชวนอย่างตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
แล้วตอนนั้นเอง เนี่ยฉี่บีบคางของฉันให้หันหน้ามา แล้วก็เอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดมุมปากให้ฉันเบาๆ
เขามีความจำเป็นต้องทำแบบนี้ไหม? มันจะดูเกินไปไหม?
ฉันยังต้องตอบเขาด้วยอารมณ์ขัน “ขอบคุณนะ”
เหมือนเนี่ยฉี่จะเข้าใจผิด เขาเริ่มจะใจกล้ามากขึ้น โดยการเอามือมาลูบไล้ใบหน้าของฉันไปมา
ฉันแต่งหน้าไม่เข้มมาก ไม่อย่างงั้นแป้งบนหน้าคงหลุดออกหมดจากการถูของเขาแล้ว
จากหางตาของฉัน ฉันเห็นว่าพี่สะใภ้ของสีชิงชวนกำลังจ้องมาที่พวกเราจากด้านนอก เหมือนห่างเพียงแค่ฝ่ามือเท่านั้น
เนี่ยฉี่ก็เห็นเธอเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยเข้าใจจึงถามขึ้นมา “ใครเหรอครับ?”
“ไม่รู้ ไม่รู้จัก” ฉันตอบด้วยความขัน
ช่างเถอะ อย่างไรซะก็ถูกเห็นแล้ว ปล่อยให้เธอไปพูดก่อน แล้วค่อยจัดการทีหลังแล้วกัน
ตอนนี้ฉันก็ยังโสด ฉันจะจีบใครก็ได้
เมื่ออยู่ในสายตาของผู้หญิงคนนั้น ฉันก็กินไม่ลงก็เลยวางแก้วน้ำในมือลง “ไม่กินแล้ว คุณจะไปเปลี่ยนชุดไม่ใช่เหรอ? ไปเปลี่ยนในบ้านฉันสิ”
ตอนที่เนี่ยฉี่กำลังจะจ่ายเงิน ฉันก็โทรหาเฉียวอี้ ฉันบอกว่าฉันจะพาเนี่ยฉี่ไปเปลี่ยนชุดที่บ้านของสีชิงชวน ให้เธอมาหาฉันที่บ้านตอนครึ่งชั่วโมงให้หลัง
ฉันรู้ว่าที่เนี่ยฉี่บอกว่าเปลี่ยนเสื้อผ้ามันเป็นแค่ข้ออ้าง คงจะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นอย่างแน่นอน
นาฬิกาเรือนนี้มันเพียงพอที่จะทำให้เขางัดทักษะทั้งหมดออกมา แต่ว่าฉันไม่ได้ต้องการเลย
ไม่รู้เฉียวอี้หาคนขับรถมาให้ฉันจากไหน และก็เอาเบนท์ลี่ย์ของคุณพ่อมาด้วย
ฉันและเนี่ยฉี่เพิ่งออกมาจากร้านอาหารฝรั่งเศส คนขับรถก็เปิดประตูรถ แล้วโค้งตัวทักทาย “ประธานเซียวขึ้นรถครับ”
ยังดีที่ฉันค่อนข้างคุ้นหน้าคนขับรถคนนี้ ไม่อย่างนั้นคงจะไม่กล้าขึ้นรถ
เบนท์ลี่ย์ของคุณพ่อเพิ่งจะเปลี่ยนเมื่อปีที่แล้ว ด้านในตกแต่งเป็นอย่างดี หลังจากที่คุณพ่อป่วยแล้วเฉียวอี้ขึ้นเป็นซีอีโอ พ่อก็ให้เฉียวอี้ใช้รถของเธอ หล่อนไม่ชอบที่รถคันนี้ค่อนข้างโบราณจึงไม่ยอมขับ เห็นรถสปอร์ตที่เธอขับไปทำงานทุกวัน แต่วันนี้ได้ใช้งานมันจริงๆ เสียที
ฉันและเนี่ยฉี่นั่งอยู่ด้านหลัง ณ ตอนนั้นพบว่าเขาพยายามใช้สายตามองมาทางฉัน จนไม่อาจจะหลบสายตา
มือของเขาก็เริ่มจะซุกซน ลูบบนหลังมือฉันไปมา
เพราะมือของฉันวางอยู่บนขา หลังจากนั้นมือของเขาก็ลูบลงมาบนขาโดยปริยาย
ฉันพยายามสะกดอารมณ์ที่อยากจะต่อยเขา เอามือของออกไปจากขา เขามองฉันด้วยแววตาสงสัย แล้วส่งยิ้ม “แบบนี้ไม่ดีมั้งคะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...