หลังจากคิดอยู่นาน ลั่วหลานก็ยิ้มขึ้นมาทันใด เหลิ่งอวี้ขมวดคิ้วด้วยความสับสนและถาม
“หลานเอ๋อร์ ทำไม มีอะไรผิดปกติหรือ?”
“ไม่มี”
ลั่วหลานโบกมือและส่ายหน้า แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเอ่ย
“ข้าอยากรู้ว่าท่านเป็นคนตั้งชื่อพวกเขาหรือไม่”
“ใช่”
เหลิ่งอวี้จ้องมองนางอย่างไร้เดียงสา "มีอะไรผิดปกติหรือ?”
“เปล่า...ข้าแค่คิดว่ามันคล้าย... คล้ายชื่อขันทีน้อยนิดหน่อย...”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชายหนุ่มทั้งสี่คนก็มองไปที่เหลิ่งอวี้ด้วยความเขินอายเล็กน้อย เหลิ่งอวี้ตกตะลึงในตอนแรก จากนั้นก็พยักหน้าอย่างจริงจัง
“หลานเอ๋อร์พูดถูก ข้ารู้สึกเสมอมาว่าชื่อของพวกเขาค่อนข้างแปลก ที่แท้ชื่อของพวกเขาก็เหมือนคนในวัง”
เสี่ยวหลิงจื่อเป็นคนแรกที่ยิ้มและหัวเราะ “ท่านอ๋อง ข้าจำได้ว่าครั้งหนึ่งมีคนบอกว่าชื่อของเราฟังดูเหมือนขันทีน้อย แล้วท่านก็โบยคนผู้นั้นยี่สิบที..."
เมื่อถึงจุดนี้ เขาแอบมองไปที่ลั่วหลาน
เสี่ยวซงจื่อที่ยืนอยู่ข้างๆ ส่งเสียง "โอ้" เหมือนกับว่าพวกเขาเพิ่งตระหนักถึงบางสิ่ง และพูดต่อ
“คำพูดของคนอื่นจะเหมือนกับที่หวังเฟยพูดได้อย่างไร คนที่พูดเมื่อครั้งก่อนเป็นพ่อครัวในค่ายทหารของเรา เขาสมควรโดนตี แต่คำพูดเหล่านี้ที่ออกมาจากปากของหวังเฟยฟังดูดีและเป็นความจริง”
เสี่ยวอวิ๋นจื่อถลึงตาใส่เขา
“สอพลอ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา เสี่ยวหลิงจื่อก็รีบเอาหลังมือปิดปากทันทีและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ “เขาเป็นแบบนี้มาตลอด เจ้าก็รู้ดี ทำไมไม่เรียกเขาว่าลูกม้าตัวน้อยล่ะ ต่อไปนี้จะประจบสอพลออีกแล้ว!”
“เจ้า...”
เสี่ยวซวงจื่อเหยียดหยามเขาอย่างโกรธเคือง
คนเหล่านี้กำลังพูดคุยกัน มีเพียงเสี่ยวหนิงจื่อเท่านั้นที่เฝ้าดูอย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร เขาจริงจังเสมอ และชอบดูคนเหล่านี้ทะเลาะกัน
เมื่อเห็นคนเหล่านี้หัวเราะและพูดเล่นกัน ลั่วหลานก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากทันที เมื่อนึกถึงว่าคนหนุ่มสาวเหล่านี้ทำงานหนักในหอหนิงกู่มาสามปีและต้องทนทุกข์ทรมานจากการปฏิบัติที่ไร้มนุษยธรรม แต่พวกเขาก็ยังชอบพูดคุย ลั่วหลานเองก็ดีใจ
เหลิ่งอวี้ขมวดคิ้ว กระแอมในลำคอ และกล่าวอย่างเข้มงวดกับคนอื่นๆ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักท่านอ๋องตัวร้าย
บทที่เคยปลดล็อกด้วยเหรียญไปแล้ว ทำไมกลับมาอ่านซ้ำไม่ได้...
เติมเหรียญแล้วแต่ปลดล็อกไม่ได้...