ตอนที่ 106 ลงคะแนน
ฮองเฮามองไปทางหลี่ซื่อด้วยความสงสัย ก่อนถามขึ้นว่า :“เจ้าบอกมาสิ ว่ามองข้ามเรื่องอะไรไป?”
หลี่ซื่อยิ้มออกมาเล็กน้อย “ก็คือ ถึงแม้ว่าฮ่องเต้จะทรงประชวรหนักก็ตาม แต่กลับยังอยู่ในตำหนักซีเวย”
ฮองเฮาพูดขึ้นด้วยความไม่สบายใจว่า : “อย่ามาพูดจาเหลวไหลหน่อยเลย? เพราะฮ่องเต้ยังทรงประชวรอยู่ในตำหนักซีเวย จึงได้ทำการคัดเลือกผู้ดูแลประเทศ”
คำพูดของฮองเฮานั่นหมายถึงว่า หากฮ่องเต้ไม่ประทับอยู่แล้ว จะไปมีความยุ่งยากเช่นนี้? องค์รัชทายาทย่อมได้รับสิทธิ์์ได้โดยตรงอย่างแน่นอน
หลี่ซื่อแสดงสีหน้าตื่นตกใจออกมา “ฮ่องเต้ยังทรงประชวรอยู่ในตำหนักซีเวย ความประสงค์สุดท้ายของเขาคือการให้อ๋องซื่อเจิ้งเป็นผู้ดูแลประเทศ ถ้าอย่างนั้น หลังจากที่อ๋องซื่อเจิ้งรับพระประสงค์ของพระองค์มาก็เพื่อใช้อำนาจของกษัตริย์ อำนาจซื่อเจิ้ง ทำให้อำนาจของกษัตริย์เป็นศูนย์กลาง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ องค์รัชทายาทจึงยังคงเป็นองค์รัชทายาทเหมือนเดิม ขุนนางก็ยังเป็นขุนนางเหมือนเดิม ทุกอย่างไม่เปลี่ยนแปลง หากอ๋องซื่อเจิ้งเป็นอันตราย สมมุติฐานว่าอ๋องซื่อเจิ้งสิ้นพระชนม์ ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีกำหนดการคัดเลือกผู้ดูแลประเทศเช่นนี้ ตามกฎระเบียบของบรรพบุรุษ จำเป็นจะต้องให้คนที่อยู่ในตำแหน่งสูงสุดของตำหนักหลังเป็นผู้กำหนด ซึ่งตำแหน่งสูงสุดในตำหนักหลัง ณ บัดนี้ มิใช่ฮองไทเฮาแต่อย่างใด แต่เป็นไท่ฮองไท่เฮาที่อยู่เขาหาน ดังนั้น หม่อมฉันอยากขอแนะนำว่า ให้หลี่ปู้ซื่อหลางและอ๋องหลี่ชินไปเขาหานเพื่อขอข้อเสนอที่กำหนดการเลือกผู้ดูแลประเทศ จะได้ทำให้ทุกคนสงบสุขโดยที่ไม่ต้องมาทะเลาะเบาะแว้งจนได้รับบาดเจ็บกับเพื่อนร่วมในราชการ”
เมื่อเฉิงเสี้ยงเสี้ยได้ยินประโยคนี้ จึงเกิดความรู้สึกเจ็บปวดตรงทรวงอก ก่อนจะเดินออกไปข้างหน้า ก็ได้ทำการพูดกับนางอย่างชัดเจนแล้วว่าให้พูดเพื่อองค์รัชทายาท ยับยั้งอ๋องอานชิน นำพาความคิดของเหล่าขุนนาง นึกไม่ถึงว่านางจะยกไท่ฮองไท่เฮาขึ้นมา การอภิปรายนี้ จะยังดำเนินต่อไปเช่นไร?
ฮองไทเฮาไม่ค่อยชอบหลี่ซื่อเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ กลับต้องชื่นชมนาง
ไม่ผิด ตามกฎระเบียบของบรรพบุรุษ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จำเป็นต้องให้ตำแหน่งสูงสุดของวังหลังเป็นผู้กำหนด เดิมทีวันนี้หากถกเถียงกันไม่ได้ ก็จะต้องให้นางทำการตัดสินใจ แต่วันนี้หลี่ซื่อได้ยกไท่ฮองไท่เฮาขึ้นมา แล้วฮองไทเฮาผู้นี้จึงต้องอยู่ห่างๆ ใครก็ไม่สามารถบีบบังคับนางได้
ฮองเฮาจึงได้พูดขึ้นด้วยนำเสียงเย็นชาว่า :“ไท่ฮองไท่เฮาอยู่ในภูเขาหาน ใครจะไปรู้ว่าจริงหรือหรือไม่? ถึงอย่างไร ผู้คนจำนวนมากก็ล้วนแล้วแต่เห็นว่าไท่ฮองไท่เฮานั้นสวรรคตไปแล้ว งานพระบรมศพของไท่ฮองไท่เฮาก็ได้ถูกจัดขึ้นเป็นที่เรียบร้อย”
หลี่ซื่อหัวเราะออกมาเบาๆแล้วพูดว่า: “ฮองเฮาเหนียงเหนียง ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่ไท่ฮองไท่เฮากลับไปที่วังหลังจากถูกสังหาร ผู้คนมากมายต่างก็เห็น หม่อมฉันเชื่อว่า ไท่ฮองไท่เฮาแสร้งตายอย่างแน่นอนเพคะ”
ไท่ฮองไท่เฮาองค์นี้ได้สิ้นพระชนม์ไปแล้ว เดิมทีคนมากมายต่างก็ไม่เชื่อ เพราะในตอนที่ทำการฝังพระศพนั้น โล่งศพกลับว่างเปล่า ในตอนนั้นเหล่าขุนนางต่างก็แสดงความเคารพกับรูปภาพของพระองค์ มีเพียงฉลองพระองค์ของไท่ฮองไท่เฮาเท่านั้น
จากนั้นเหลียงไถ้ฝู้ก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า :“เดิมทีคิดว่าฮูหยินบอกว่าจะทรงแสดงความเห็นออกมา แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะยกเรื่องที่เป็นการสมมุติขึ้นมา ดูเหมือนว่า ฮูหยินจะไม่ใช่คนที่เฉลียวฉลาดอย่างที่ฮ่องเต้ชื่นชมไว้ กลับกลายเป็นโง่เขลาจนยากจะพรรณนาออกมาได้”
หลี่ซื่อโน้มตัวเล็กน้อย “หม่อมฉันเป็นหญิงหม้ายที่แต่งงานแล้ว ทุกอย่างที่พูดออกไปล้วนแล้วแต่เป็นความเห็นของหญิงหม้ายเท่านั้น เฉิงเสี้ยงให้เกียรติหม่อมฉันได้พูด หม่อมฉันรู้ว่าไม่มีคุณสมบัตินี้ แต่หญิงสาวที่ออกเรือนแล้ว หม่อมฉันก็ทำได้เพียงแค่เชื่อฟังเท่านั้นเพคะ”
พูดอีกอย่างหนึ่งว่า นางออกมาพูด เพียงเพราะเคารพความคิดเห็นของเฉิงเสี้ยงเสี้ยเท่านั้น สำหรับเฉิงเสี้ยงเสี้ยจะให้นางพูดอะไรนั้น ทุกคนก็ไม่มีทางรู้ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเฉิงเสี้ยงเสี้ย ก็รู้ทันทีว่าทุกอย่างที่นางต้องพูดไม่ใช้ความต้องการของเขา
ฮองไทเฮาค่อยเอ๋ยปากพูดว่า “เชื่อเถอะว่าคนที่นั่งอยู่ ณ ที่แห่งนี้จะต้องเกิดความสงสัยไม่เข้าใจจนต้องไปหาไท่ฮองไท่เฮาอย่างแน่นอน เมื่อไม่เห็นพระศพของไท่ฮองไท่เฮาต่างก็มีคนเริ่มทยอยกันหวาดระแวงมากขึ้น ต่อมาอาเซ๋อกูกูที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็เปลี่ยนเป็นงูพิษที่พาหญิงชราอย่างไท่ฮองไท่เฮาล้อมออกไป ช่างน่าขันเสียจริง ในความเป็นจริงแล้วก็เป็นดั่งที่ฮูหยินพูด ไท่ฮองไท่เฮาได้หลบหนีออกจากภูเขาหาน เพียงเพื่อวันชำระล้าง บัดนี้รัฐบาลของกษัตริย์ตกสู่สถานการณ์คับขันแล้ว อายเจียเลยคิดว่าคงจะต้องถึงเวลาขอความเห็นจากอาวุโสช่วยชี้แนะแล้ว”
ประโยคนี้ของฮองไทเฮาไม่ได้สร้างความแตกตื่นแต่อย่างใด เพราะ จริง ๆแล้วมีคนเป็นจำนวนมากที่เข้าใจอย่างชัดเจนอยู่ภายในใจ ว่าไท่ฮองไท่เฮานั้นยังอยู่ เพียงแต่ปิดบังไว้เท่านั้น
ฮองเฮายิ้มออกมาอย่างช้าๆ แล้วพูดว่า: “เสด็จแม่เพคะ ในเมื่อไท่ฮองไท่เฮาจะสวรรคตไปแล้ว จึงไม่หวังที่จะยุ่งเกี่ยวกับกิจการราชการอีก ด้วยเหตุนี้หากยังทรงไปรบกวนอาวุโสอย่างพระองค์ เท่ากับอกตัญญูนะเพคะ หากอยากให้ไท่ฮองไท่เฮาจะต้องไม่ไปรบกวนอาวุโสนะเพคะ การคัดเลือกผู้บริหารประเทศ จะบอกว่าง่ายมันก็ไม่ง่าย จะบอกว่ายากก็ไม่ยาก ผู้ที่นั่งอยู่ ณ ที่แห่งนี้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ไม่สู้เท่าปล่อยให้พวกเขาชี้แนะผู้ที่เหมาะสม แล้วค่อยลงทำการเลือกตั้ง ผู้ที่มีคะแนนสูงจะได้เป็นผู้บริหารประเทศ แสดงความยุติธรรม ”
เมื่อฮองเฮาพูดประโยคนี้ออกมา เหลียงไถ้ฝู้ก็รีบคุกเข่าทันใด “ข้าน้อยเห็นด้วยพะยะคะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...