พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 183

ตอนที่ 183 กล่องข้าวของเสี้ยฉวน

คนกลุ่มใหญ่ต่างกันหยิบผ้านวมและถังทรายวิ่งกันขวักไขว่ตรงไปยังห้องใหม่ ราวกับผู้ลี้ภัยที่หลบหนีสงครามอย่างไรอย่างนั้น

นายหญิงแก่ที่ยืนอยู่ข้างกายของนายหญิงแก่เฉิน นางจ้องมองไปทางหลีโม่ด้วยแววตาที่แสนเกลียดชังอย่างเหลือนับคณา

นายหญิงแก่เฉินยิ้มเล็กน้อยพร้อมพูดออกไปว่า “คนชั่วช้าเป็นหายนะมานับพันปีไม่ใช่หรือ? ทำไมยังไม่ตายดับสิ้นไปเสียที”

ยายหญิงแก่หมุนตัวไปมองทางนายหญิงแก่เฉิน

นางดูแก่ชราไปมากทีเดียว ผิวหนังบนใบหน้าเหลือเพียงชั้นผิวที่หย่อนคล้อยลงมา ริ้วรอยและตีนกาต่างก็ตื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาที่เฉียบคมสดใสทั้งสองข้างก็เปลี่ยนเป็นหมองคล้ำไร้ซึ้งแววตา

“นายหญิงแก่เฉินอยากจะพูดอะไรหรือเพคะ?”

นายหญิงแก่เฉินยิ้มเล็กน้อย “ไม่มีอะไร ข้าแค่อยากบอกว่าเสี้ยหลีโม่นั้นช่างร้ายกาจมาก ใจดำอมหิต คนเช่นนี้ไม่ตายง่ายๆหรอก รอดตายมาได้หลายต่อหลายครั้ง แตกต่างจากคนดีอย่างสิ้นเชิง เจ้าลองเดาดูสิ ศพที่ถูกยกออกมาเป็นใคร? ”

นายหญิงแก่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าที่ยากจะพูดออกมาอย่างเห็นได้ชัด “ไม่ว่าจะเป็นใคร มันก็คือหนึ่งชีวิต อาหลีทัวฝอ”

นายหญิงแก่เฉินชำเลืองมองไปทางนางที่กำลังส่ายหน้าพร้อมกับกำลังพึมพำอยู่เบาๆ “ตลอดชั่วชีวิตของข้าสังหารคนมานับครั้งไม่ถ้วยในสนามรบ ไม่เคยเคารพเลื่อมใสศรัทธาใคร แต่กลับนึกไม่ถึงว่าบั้นปลายชีวิตจะได้มาเจอคนเฉกเช่นท่าน ความหน้าด้านทำให้ข้ามหัศจรรย์ใจยิ่งนัก ในโลกใบนี้ยังมีคนหน้าหนาเช่นท่านอยู่อีก ช่าง......น่าสนุกเสียจริง!”

“นายหญิงแก่เฉินโปรดระวังคำพูดด้วย!” นายหญิงแก่ตะโกนออกไปด้วยแววตาดุดันฉับพลัน “ถึงข้าจะไม่ใช่นายพลที่มีทักษะความสามารถทางด้านสงครามที่เยี่ยมยอดนักก็ตาม แต่กลับเป็นฮูหยินในอาณัติคนสนิทของฮ่องเต้ เป็นมารดาของเฉิงเสี้ยงเสี้ย คำพูดเจ้าไม่เกรงกลัวล่วงเกินจาบจ้วงเบื้องสูงเลยหรือ?”

“ท่านทำให้พระราชอิสริยศักดิ์ฮ่องเต้ต้องเสียเกียรติ เกี่ยวอะไรกับคนชราอย่างข้า? อย่าทำเป็นไม่ยอมรับ ท่านเป็นคนให้สาวใช้ไปเทเหล้าให้แก่เหลียงซื่อและหลีโม่ ข้ารู้ว่าเป็นฝีมือพวกเจ้า ข้าตรวจสอบเหล้ามาแล้ว นั้นคือยาหลวนกู่ แต่ไม่มีพิษอะไร เพียงแค่ทำให้คนสูญสิ้นซึ่งกำลัง เทศกาลในคืนนี้ เดิมทีไม่มีกองไฟมังกรแต่อย่างใด แต่ก็ยังดึงดันจะจัดเข้ามาก็เพื่อต้องการทำการแสดงละครเผาจวนเฉิงเสี้ยงในคืนนี้ เพียงแต่ข้าไม่เข้าใจเรื่องที่พวกเจ้าไปติดต่อสร้างสัมพันธ์กับเหลียงซื่อ แต่ก็ไม่เข้าใจเพียงแค่ไม่กี่อึดใจเท่านั้น หลังจากนั้นก็เข้าใจในทันที เมื่อเหลียงซื่อกับเสี้ยหลีโม่สิ้นชีวาลง ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นแค่เรื่องเหนือความคาดหมาย เพราะ ไม่มีใครอยากวางแผนประทุษร้ายคนสนิทในงานอภิเษกสมรสของตัวเองหรอก โดยเฉพาะการคบค้าสมาคมเป็นการส่วนตัวกับพวกเจ้า”

“นายหญิงแก่เฉิน เจ้านี่ได้คืบจะเอาศอกนะ จวนเฉิงเสี้ยงแห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะมาทำตัวพาลพาโลได้ นำคำพูดโกหกหลอกลวงกลับไปพูดในตำหนักของเจ้าเถอะ” นายหญิงแก่กล่าวออกมาด้วยความขุ่นเคือง พังทลายการอำพรางตัวสุดท้ายไปโดยปริยาย

นายหญิงแก่เฉินค่อนข้างใจเย็นมากกว่านาง “ราชวงศ์ต้าโจวไม่ใช่เวทีที่คนมักมากคาดคะเนไม่ได้อย่างพวกท่านจะมาเล่นเกมส์กันได้ง่ายๆ ปล่อยวางเรื่องแผนการร้ายของเจ้าเสียดีกว่า หลานสาวสุดที่รักของข้าอยู่ใต้กองไฟมังกร โชคดีที่ไม่เป็นอะไร หากคืนนี้นางเป็นอะไรขึ้นมา ข้าสาบานว่าจะเฉือนเจ้าเป็นชิ้นๆแล้วโยนให้อีกาดำที่วุ่นวายอยู่บนเนินฝังศพอย่างแน่นอน”

เมื่อพูดจบ ก็ส่งเสียงหึออกมา แล้วตะโกนเรียกเฉินหลิ่วหลิ่ว ก่อนจะสะบัดชายกระโปรงจากไป

นายหญิงแก่เฉินได้จากไปพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์โทสะ ทำให้นายหญิงแก่ตื่นตกใจอย่างมากทีเดียว นางไม่ได้อยากตั้งตนเป็นศัตรูกับตำกูลเฉิน และก็ไม่อยากทำร้ายคนของตระกูลเฉินด้วย ใครจะไปรู้ละว่าเฉินหลิ่วหลิ่วจะกลิ้งหลบไปอยู่ใต้กองไฟมังกร?

เพียงแต่ว่า บัดนี้นางต้องมีเรื่องที่เป็นกังวลใจมายิ่งขึ้น

เหลียงซื่อยังไม่ตาย เรื่องวางยาในคืนนี้นางต้องรู้อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าเหลียงซื่อเป็นคนบุ่มบ่ามแต่กลับไม่ใช่คนโง่ นางน่าจะพอเดาออกว่าคืนนี้นอกจากจะลงมือกับเสี้ยหลีโม่แล้ว ยังลงมืออย่างอำมหิตกับนางอีกด้วย

จิ้นโก๋กงให้ความสำคัญต่อนางมาก หากนางกลับไป แล้วพูดจาเหลวไหลออกมา เรื่องเกี่ยวดองกับเป็นครอบครัวเดียวกันนี้จะต้องถูกยกเลิกทันที

อีกอย่าง จิ้นโก๋กงปล่อยวางหลานสาวคนนี้อย่างซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยไปแล้วด้วย หากไม่มีจิ้นโก๋กงเป็นที่พึ่งพิง ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยยังจะมีประโยชน์อะไรอีก?

เมื่อนึกถึงจิตใจของตัวเองที่เสียไปโดยไร้ประโยชน์ นางโกรธจแทบจะไร้ซึ่งโลหิตที่จะกระอักออกมา

นางจ้องมองไปทางเสี้ยหลีโม่ นางกำลังพูดคุยอยู่กับซือถูเย้น ซือถูเย้นโกรธมาก และทำการตรวจสอบชีวิตนางอย่างละเอียด เรื่องคืนนี้นายหญิงแก่เฉิน เหลียงซื่อและเสี้ยหลีโม่เป็นพยานปากเอก จะปกปิดได้อย่างมิดชิดอย่างนั้นหรือ?

จวนเฉิงเสี้ยงไม่สามารถรอดพ้นจากการตรวจสอบค้นหาเช่นนี้ได้

หลังจากที่ไฟมอดดับลง ท่ามกลางควันไฟสีดำ ฝุ่นละออง ซากศพหนึ่งถูกยกออกมา

ซากศพที่ถูกเผาจนไหม้เกรียม ใบหน้ารูปร่างไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเป็นหญิงหรือชาย แต่หากมองลงมาจากที่สูงก็สามารถมองออกได้ว่าเป็นผู้ชาย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม