ตอนที่ 184 หนีออกมาได้อย่างไร
ดวงตาของหลีโม่ได้เปล่งประกายระยิบระยับดั่งดวงดาว นางมองไปทางเขา หลังจากนั้นก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “ขอบพระทัยเพคะ!”
ขอบคุณเจ้าที่มาหาข้า ขอบคุณเจ้าที่ไม่ละเลยความปลอดภัยของข้า ขอบคุณเจ้าที่ปฏิบัติต่อข้าในฐานะเพื่อนมาตลอด
ซือถูเย้นแสดงสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก หากไม่ใช่เพราะใบหน้าที่ดำทมิฬละก็ เกรงว่าในช่วงเวลานี้คงได้แดงระเรื่อขึ้นมาอย่างแน่นอน
“บอกมาว่าเจ้าหนีออกมาได้อย่างไร?” ซือถูเย้นถามขึ้นด้วยสีหน้าปกติ เสด็จย่าก็อยากรู้เรื่องห้องที่ปิดสนิทหลังนี้มากเหมือนกัน ภายใต้สถานการณ์ที่ประตูหน้าต่างปิดตายนี้ นางหนีรอดออกมาได้อย่างไร
ในตอนที่หลีโม่กำลังจะพูดออกไป ก็เห็นว่าซูชิง เซียวโธ่และซือถูจิ้งยื่นหน้าออกมาจากหลังต้นไม้ พร้อมกับยืนรอให้นางพูดอย่างเงียบๆ
หลีโม่ยิ้มเล็กน้อย “เอาละ ไฟที่ลุกไหม้ห้องใหม่ก็ยังไม่มอดดับลง ในตำหนักก็ระเกะระกะไม่เป็นระเบียบด้วย ไม่รู้ว่าทุกคนจะสนใจไปนั่งจิบชา......ดื่มเหล้าในลานเสี้ยจื้อของข้าหรือไม่?”
นางชำเลืองมองไปทางซือถูเย้น เขาในวันนี้ ต้องให้เหล้าเป็นรางวัลสักหน่อย
เมื่อซือถูเย้นได้ยินนางพูดว่าจะไปนั่งดื่ม ณ ลานเสี้ยจื้อจึงตัดสินใจพูดออกไปว่าไม่ไป แต่เมื่อได้ยินคำสุดท้าย จึงได้หันกลับในทันใด “ไม่ไป.......ได้อย่างไรละ? น้ำใจเปี่ยมล้นยากปฏิเสธ ต้องไปนั่งสักหน่อย”
“ใช่ๆ ต้องไป ต้องไป น้ำใจเปี่ยมล้นยากปฏิเสธ!” เซียวโธ่เดินออกมา จากนั้นก็พูดคล้อยตามซือถูเย้น
หลีโม่กวาดสายตามองไปทางเซียวโธ่เล็กน้อย “คนถูกพิษดื่มเหล้าไม่ได้เพคะ เมื่อเลือดเดือนพล่าน พิษในกายเจ้าจะออกฤทธิ์”
“ไม่เป็นอุปสรรค กินเพื่อเข้าใจพิษ” ในขณะที่เซี่ยวโธ่พูด เขาก็ชำเลืองมองไปทางนาง นางผู้นี้ หูตาไม่ธรรมดาเลย มองออกว่าเขาถูกพิษ ก็ดี หากถูกงูกัดยังไงก็ต้องถูกพิษ ก็ยิ่งต้องใช้ วันนี้เขาเป็นเหมือนแมวแก่ที่พลาดพลั้งโดนไฟเผา คนที่คลุกคลีอยู่กับพิษมาเป็นระยะยาวนาน ถูกงูขาวตัวเล็กกัดแค่ครั้งเดียว โชคดีที่ในระหว่างที่รักษาเขาได้พายาแก้พิษติดตัวมาด้วย
กลุ่มคนต่างก็พูดคุยหัวเราะไปยังทิศทางของลานเสี้ยจื้อ เหยียบผ่านตำหนักที่ระเกะระกะไม่เป็นระเบียบ ผ่านระเบียงที่วนรอบ จนมาถึงตำหนักเล็กที่เงียบสงบ
เมื่อเปรียบเทียบที่นี่กับด้านนอก เหมือนราวกับโลกสองใบ แม้กระทั่งเสียงเอะอะโวยวายด้านนอกก็แทบจะไม่ได้ยิน
ผมของเหลียงซื่อถูกไฟแผดเผาไปมากทีเดียว บาดแผลที่อยู่บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยบาดแผลจากการถูกไฟเผา แต่โชคดีที่ไม่ได้ร้ายแรงมาก นางเอนกายนอนอยู่บนเตียงเล็กอย่างไร้เรี่ยวแรง เมื่อเห็นว่าหลีโม่พาทุกคนเข้ามา นางจึงได้พยุงตัวขึ้นมา เย็นเอ๋อร์รีบเข้ามาประคองตัวนาง “ฮูหยินรอง ท่านต้องนอนก่อนนะเพคะ อย่าเพิ่งลุกขึ้น”
ซือถูเย้นชำเลืองมองไปทางเหลียงซื่อ เหลียงซื่อทำความเคารพด้วยความละอายใจ “หม่อมฉันถวายบังคมท่านอ๋อง น้อมถวายองค์ชายเพคะ”
เมื่อหลีโม่เห็นซือถูเย้นให้ความสนใจกับเหลียงซื่อ จึงได้พูดเสริมว่า “เอาละ เรื่องที่เกิดขึ้นเที่ยงวันนี้วางไว้ก่อนเถอะ ไม่ว่าจะอย่างไรคนที่หนีรอดมาจากความตาย ก็สมควรไว้หน้ากันก่อน”
เหลียงซื่อนึกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ขึ้นมาได้ ส่งผลให้แขนขาอ่อนยวบลง นางเกือบจะตายอยู่ในนั้นแล้ว
ซือถูเย้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “นางคือคนที่เจ้าพาออกมาด้วยใช่ไหม? เจ้ายังถูกคนทำร้ายไม่พออีกหรือ? ทำไมเจ้าถึงได้โง่เช่นนี้ หากเจ้าตายก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...