ตอน ตอนที่ 203 เหลียงซื่อเป็นบ้า จาก พิษรักองค์ชายโฉมงาม – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 203 เหลียงซื่อเป็นบ้า คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ พิษรักองค์ชายโฉมงาม ที่เขียนโดย ใบไม้แดง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 203 เหลียงซื่อเป็นบ้า
ไท้เป่าพูดต่อว่า “ข้อสี่ ตอนเดินขบวนมังกรไฟ มีคนตามไปมากมาย ตอนที่เฉินหลิ่วหลิ่วเกือบโดนไฟไหม้ เจ้าบอกว่าตอนนั้นมีคนใช้อยู่ด้วยมากมาย ในเมื่อมีคนใช้อยู่ และรู้ว่าในเรือนด้านข้างก็มีคนอยู่ใน ทำไมไม่รีบเข้าไปบอกคนข้างในหนีเอาตัวรอด?”
เสี้ยเฉิงเสี้ยงพูดขึ้นว่า “ไท้เป่า ตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าข้างในเรือนด้านข้างมีคนอยู่ เมื่อไฟไหม้กะทันหัน ทำให้ทุกคนต่างก็วุ่นวาย ด้วยที่รีบช่วยเหลือคนที่ติดตามมา จึงทำให้ลืมไปว่าข้างในอาจมีคนก็เป็นได้”
ไท้เป่าพูดเสียงเข้มว่า “ได้ ถือว่าคนที่ติดตามมาไม่รู้เรื่อง แต่คนที่เสี่ยวเยวี่ยสั่งคนให้ไปคอยดูสถานการณ์นั้นเฝ้าดูอยู่ตลอด คนคนนี้ทำไมไม่รีบไปแจ้งให้ทราบ?”
นายหญิงแก่พูดว่า “สถานการณ์วุ่นวายไปหมด อาจจะไม่ง่ายเหมือนที่ไท้เป่าคิดก็ได้ ไท้เป่าจะตื่นตระหนกไปใย?”
ไท้เป่าหันไปมองนายหญิงแก่ “ใช่ อาจจะไม่ง่ายเหมือนที่ข้าคิด บางทีอาจจะซับซ้อนกว่านั้น ใช่ไหมนายหญิงแก่?”
นายหญิงแก่ไม่พูดอะไร ไม่รู้จะพูดอะไรอีก ในใจนางรู้ดีแก้วของเหลียงซื่อกับเสี้ยหลีโม่ไม่ได้ถูกเก็บไป เพราะนางไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หากหลีกเลี่ยงได้ก็จะหลีกเลี่ยงเป็นดีที่สุด วันนี้ที่ไท่เป่ามา ไม่ได้มาเพื่อเหลียงซื่อ แต่มาเพื่อสืบความเรื่องนี้ ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยโชคร้ายก็เป็นเรื่องของนาง ขอเพียงไม่ลากนางเข้าไปเกี่ยวข้องก็พอ
อีกอย่าง ไม่ว่าจะแก้วออกไปแล้วหรือไม่ ในเมื่อซีเหมินเสี่ยวยอมรับแล้ว ฉะนั้น เก็บแก้วออกไปก็กลายเป็น “ความจริง” เมื่อไม่มีใครคัดค้าน ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามนี้
ไท้เป่าถามซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยว่า “จะให้ข้าถามอีกไปอีกไหม? หรือจะให้ถามคุณหนูรองของตระกูลเสี้ยกับองค์รัชทายาทว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีทำร้ายร่างกายได้ยังไง”
ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยอ่อนใจจนแทบล้มกองบนพื้น เสี้ยโล่เยว่ได้ยินดังนี้ ก็ตกใจเช่นกัน และเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหลัง สีหน้านางก็ซีดเซียวขึ้นมาทันที
ไท้เป่ามองซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยแล้วถามเสียงเข้มว่า “คำให้การก่อนหลังของเจ้าไม่สอดคล้องกัน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น บวกกับที่เจ้าแอบขนย้ายเครื่องประดับ ทรัพย์สินมีค่าของสินสอด ล้วนสามารถยืนยันได้ว่าเจ้ารู้ล่วงหน้าแล้วว่า เรือนด้านข้างจะมีเหตุไฟไหม้ เสี่ยวเยวี่ย สิ่งเจ้าผิดที่สุดก็คือโดนคนอื่นหลอกใช้ เจ้าไม่น่าใช้คนของเจ้าไปจ้างรำมังกรไฟ ตอนนี้คนที่ไปติดต่อประสานงานกับคณะรำมังกรไฟเป็นคนของเจ้า และตั๋วเงินที่ใช้จ่ายค่าจ้างไป ก็เป็นตั๋วเงินในครอบครองของจวนโก๋วกง”
สีหน้าซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยซีดเซียว คิดถึงวันนั้นที่คุยกันว่าจะไปจ้างคณะรำมังกรไฟ ตอนแรกนางคิดที่อยากจะให้คนของจวนเฉิงเสี้ยงเป็นคนจัดการ แต่เพราะคนของจวนเฉิงเสี้ยงล้วนถูกใช้ให้ไปช่วยรับแขกในงานจนหมด
เงินก็ต้องเป็นนางจ่ายก่อน ในหีบสินสอดที่จวนโก๋วกงให้มา ข้างในมีตั๋วเงิน นางจึงหยิบเอาไปจ่าย
ก่อนหน้านี้ก็ได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากเกิดอะไรขึ้น เป็นอุบัติเหตุจากมังกรไฟในจวนเฉิงเสี้ยงเท่านั้น ต่อให้หยาเหมินมาตรวจสืบความ เมื่อไม่มีหลักฐานอะไร สุดท้ายก็จะสรุปความว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่ต่อมาได้เกิดเหตุไฟไหม้ที่ห้องส่งตัวเจ้าสาว ยังทิ้งร่องรอยหลักฐานการวางเพลิง เหตุการณ์สองอันมารวมกัน ทำให้หยาเหมินต้องให้ความสำคัญ
หากคาดคั้นถามทางด้านคณะมังกรไฟ น่ากลัวว่ายิ่งจะพูดประเด็นมากขึ้น อีกอย่าง ที่จริงน่าจะผ่านการไต่ถามทางด้านคณะมังกรไฟแล้ว เพราะ ไท้เป่ารู้แล้วว่า ตั๋วเงินที่พวกเขารับไปเป็นตั๋วเงินของจวนโก๋วกง
หลีโม่เห็นนายหญิงแก่กับเสี้ยเฉิงเสี้ยงรู้ความที่ไท้เป่ากำลังถาม แต่ทั้งสองทำเป็นไม่สนใจ หน้าด้านขนาดนี้ ช่างน่าหดหู่ยิ่งนัก
ไท้เป่าลุกขึ้นยืน มองดูทุกคน สุดท้ายหยุดตรงหน้าซีเหมินเสี่ยวเยวี่ย พูดขึ้นด้วยเสียงเข้มว่า “สิ่งที่เจ้าพูดในวันนี้ ข้าจำไว้แล้ว และจะแจ้งต่อซิงปู้ตามความจริง ไว้เป็นส่วนหนึ่งในการสรุปคดี ไม่ต้องสงสัย ข้ายังคงมีอำนาจในการสืบสวนคดีอยู่ ซิงปู้ได้เชิญให้ข้าช่วยเหลือสืบความคดีนี้ วันนี้ยังไม่ทำอะไรเจ้า แต่ว่าพรุ่งนี้ คนของหยาเหมินจะมาหาถึงที่เอง”
หลี่ซื่อตะโกนขึ้นเสียงดัง “แบบนี้ท่านหมายความว่ายัง? จะช่วยเข้าข้างคนอื่นมารังแกตระกูลซีเหมินของเราหรือ?”
ไท้เป่าไม่มองนาง หันไปมองจิ้นโก๋วกง แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเยือกเย็นว่า “เจ้าพูดมาคำเดียว”
คำที่ไม่มีต้นต่อแบบนี้ ทำให้จิ้นโก๋วกงตั้งตัวไม่ทัน
แต่ไม่ช้าเขาก็เข้าใจความหมายของไท้เป่าขึ้นมาทันที หากตอนนี้จวนโก๋วกงทำตัวเป็นกลาง ยังทันอยู่
อาหารมื้อนี้ ไม่มีใครทานลอง ยกเว้นเตาเหล่าต้า
เขาถูกพาไปนั่งร่วมโต๊ะกับคนใช้ที่ติดตามเหล่าผู้อาวุโสในตระกูล อาหารในวันนี้อลังการมาก กับข้าวแปดอย่างน้ำซุปอีกหนึ่งอย่าง นอกจากเมนูผักกาดแล้ว ที่เหลือเป็นอาหารคาวหมด
หากเจ้าไม่เคยอะไรที่เรียกว่ากวาดกินจนหมดซาก เจ้าสามารถพาเตาเหล่าต้าไปเลี้ยงข้าวสักมื้อ เปิดหูเปิดตา
ที่แน่ๆ เหยียนเอ๋อไม่เคยเห็น
นางโมโหมาก วันนี้ออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ หมั่นโถที่เตรียมไว้สี่ลูก โดนเขาเอาไปกินหมดตั้งแต่อยู่บนรถม้า ที่แรกคิดว่าเมื่อถึงจวนโก๋วกงแล้วหิวจะได้กินสักมื้อ นางเพิ่งได้ดื่มซุปอย่างมีความสุขแค่ถ้วยเดียว กับข้าวทั้งแปดอย่าง ก็เหลือแค่จานว่างเปล่า
แม้แต่ซอสเนื้อตุ๋นที่หลงเหลือนิดเดียว ก็โดนเขาใช้หมั่นโถกวาดจนหมดเกลี้ยง
นอกจากโมโห นางยังรู้สึกอับอายมาก เพราะคนรับใช้พวกนั้นต่างก็มองดูนางกับเตาเหล่าต้าที่มาด้วยกัน
หลังจากทานข้าวแล้ว ไท้เป่ากับคนอื่นก็ขอตัวกลับกัน
นายหญิงแก่กับเสี้ยเฉิงเสี้ยงก็อยากกลับ แต่ ในทันใดนั้นเหลียงซื่อก็เข้ามาดักซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยไว้
นางยิ้มอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม “อยากกลับ? บัญชีของเรายังไม่ได้สะสางกันเลยนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...