พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 223

ตอนที่ 223 ทำความคุ้นเคย

หลีโม่เอนกายลงนอน สองมือสอดเข้าหลังท้ายทอย ดวงตาสีดำขลับมองไปที่เขา “ซือถูเย้น อยู่ดีๆ ข้าก็นึกขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง”

“เรื่องอะไร?” ซือถูเย้นมองไปที่นาง ท่าทางที่เงียบขรึมของนางดูดีเป็นพิเศษ และไม่ได้สนใจที่นางเรียกชื่อของตน

“ทำไมอ๋องหลี่ซินถึงเลี้ยงสุนัข?”

ซือถูเย้นดึงนางให้ลุกขึ้นมา จับหน้านางเบาๆ “เจ้าอย่าเปลี่ยนเรื่อง พูดมา เมื่อกี้เจ้ายิ้มทำไม?”

หลีโม่ดึงมือของเขาออก อย่ามาทำทรงผมข้ายุ่งนะ วันนี้ข้าทำผมสวยหรือไม่?”

“อย่าเปลี่ยนเรื่อง” ซื่อถูเย้นกล่าวอย่างเดือดดาล

“ไม่ได้เปลี่ยนเรื่องเสียหน่อย” หลีโม่ยื่นมือไปหวีผมให้เข้าทรง แล้วพูดกระซิบว่า “ข้ารู้สึกว่าครั้งนี้ข้าเสียเวลาตั้งใจแต่งตัว แม้แต่มองท่านก็ยังไม่มอง รู้สึกแย่จริงๆ”

“จะพูดไม่พูด เจ้าจะไม่พูดใช่หรือไม่?” ซือถูเย้นดึงนางเข้ามาอย่างรุนแรง มือหนึ่งคว้าคอเสื้อของนางเอาไว้แน่น อีกมือหนึ่งก็เชยคางของนางขึ้น แล้วพูดด้วยความโกรธ

หลีโม่กะพริบตาปริบๆ จ้องมองเขาตาไม่ขยับไปไหน จากนั้นก็เปลี่ยนเสียงเป็นเศร้าใจ “ท่านอ๋อง”

บรรยากาศเริ่มแปลกๆ ซือถูเย้นมองตาของนาง แล้วเคลื่อนลงไปที่ริมฝีปากสีแดง ชั่วขณะนั้นสมองก็เริ่มตอบสนอง “อะไร?”

“อีกมือของท่าน เลื่อนลงไปอีกหน่อยได้หรือไม่” หลีโม่เลียริมฝีปากพูด

ซือถูเย้นก้มหน้าลง ถึงได้รู้ว่าตัวว่าข้อมือของตัวเองสัมผัสหน้าอกที่นุ่มนิ่มของนางอยู่ จึงผลักนางออกทันที กล่าวอย่างเฉยชาว่า “จับไปแบบนี้คิดไม่ถึงว่าข้าจะไม่รู้สึกอะไร เหมือนผู้ชายไม่มีผิด เสี้ยหลีโม่ ตัวเจ้ามีไม่เยอะใช่หรือไม่?”

หลีโม่กระซิบเบาๆ ว่า “ข้ากำลังโต”

ซือถูเย้นชำเลืองมองนาง “หน้าไม่อายจริงๆ”

“ซือถูเย้น”

“เรียกท่านอ๋อง”

“ท่านอ๋องซือถูเย้น”

“เรียกท่านอ๋อง ไม่อนุญาตให้เรียกชื่อตรงๆ ของท่านอ๋องผู้ที่ได้รับความเคารพ”

หลีโม่เชิดคางขึ้น จ้องไปที่เขา “ดึกดื่นค่อนคืนไม่มีใคร ข้ามีข้อเสนออย่างหนึ่ง”

“ข้อเสนออะไร?” ซือถูเย้นมองนางด้วยความตื่นตัว

หลีโม่ขยับเข้าไปใกล้เขา “ไม่สู้พวกเราไปดื่มเหล้ากัน”

“ดื่มเหล้า?” ซือถูเย้นสีหน้าดูผ่อนคลายลง “เจ้าดื่มเหล้าเป็นด้วยงั้นหรือ?”

หลีโม่มองไปที่เขา แล้วพยักหน้าแรงๆ “ความสามารถในการดื่มเหล้าของข้าดีมากๆ”

สามารถทำให้เขาลืมความโศกเศร้าเมื่อครู่นี้ได้ ดีจริงๆ หวังว่าเขาจะมีท่าทางที่ผ่อนคลายเช่นนี้ไปตลอด เช่นนั้นนางจะอยู่เมาเป็นเพื่อนเขาทั้งคืนได้อย่างไรดีล่ะ?

“ไปดื่มที่ไหนดีล่ะ?” ซือถูเย้นถาม

“ก็ไปข้างลำธารสายเล็กที่ชานเมือง” ที่นั่นสามารถทำให้พวกเขาเมาอย่างไรก็ได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวใคร

ซือถูเย้นดึงนางขึ้นมา “ลุกขึ้น ไปเปลี่ยนชุด”

หลีโม่รีบวิ่งเข้าไปเปลี่ยนชุดที่ด้านหลังฉากบังลมอย่างรวดเร็ว สวมรองเท้าลายปักคู่หนึ่ง ในมือถือโคมไฟและที่ขีดไฟไปด้วย จากนั้นก็แอบออกไปจากประตูพร้อมกับเขา

เขาขี่ม้ามา ไม่มีม้าตัวอื่นอีก ทั้งสองจึงต้องขี่ม้าไปด้วยกัน หลังจากซื้อเหล้าที่โรงเตี๊ยมในเมืองแล้ว ก็ขี่ม้าตรงออกนอกเมืองไปอย่างรวดเร็ว

ตอนที่ออกจากเมืองมา ซือถูเย้นให้นางซุกหน้าเข้าไปซ่อนอยู่ในอก แสดงป้ายตำแหน่งให้กับทหารที่เฝ้าประตูเมือง เมื่อทหารเฝ้าประตูเมืองเห็นป้ายตำแหน่งเป็นอ๋องซื่อเจิ้ง ก็รีบเปิดประตูเมืองให้ผ่านไป

พอมาถึงลำธารเล็กแล้ว หลีโม่ก็จุดโคมไฟวางเอาไว้ข้างๆ จากนั้นก็ถือเหยือกเหล้ากันคนละเหยือก นั่งอยู่บนก้อนหินก้อนใหญ่

หลีโม่ดูดีใจมากอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าวันนี้จะไม่ใช่วันที่น่าดีใจอะไร แต่จิตใจของนางรู้สึกผ่อนคลายมากจริงๆ เพราะว่าหลังจากที่นางข้ามเวลามาในยุคโบราณนี่เป็นครั้งแรกที่ได้สนุกสนานอย่างเป็นทางการเช่นนี้

ซือถูเย้นเองก็เหมือนจะลืมความเสียใจของการตายซือจู๋กูกูไปแล้ว ชนเหยือกเหล้ากับนางหนึ่งครั้ง แล้วกระดกขึ้นดื่มหนึ่งอึก

หลีโม่เองก็ดื่มหนึ่งอึกเช่นกัน เมื่อเหล้าลงไปตามลำคอจะรู้สึกถึงความเผ็ด เหมือนความรู้สึกที่โดนไฟเผาก็ไม่ปาน หลังจากเผาเสร็จแล้ว ใบหน้าก็เริ่มร้อนขึ้น เส้นประสาทที่ตึงเครียดก็จะผ่อนคลายลง

หลีโม่เอนหัวไปหนุนไหล่ของเขา แล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ท้องฟ้าหลังพายุฝน ดวงดาวก็พากันซ่อนตัว สีของพระจันทร์ก็ไม่สว่าง นางหายใจเข้าออกลึกๆ รู้สึกสบายเป็นพิเศษ ราวกับว่าอากาศนั้นมันหวานชื่น

“นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายอย่างนี้ ดื่มเหล้าในคืนที่พระจันทร์หม่นลมเย็นสบาย” หลีโม่ยกเหยือกเหล้าขึ้น หัวเราะคิกคักขึ้นมา

“เจ้าโง่หรืออย่างไร?” ซือถูเย้นเคาะหัวของนางหนึ่งที “ก็แค่ออกมาดื่มเหล้า ถึงกับดีใจขนาดนี้เชียวหรือ?”

“ดีใจสิ” หลีโม่หมุนหัวขึ้นมามองเขา ดวงตาเปล่งประกายระยิบระยับ

หลีกหนีชีวิตที่วุ่นวายมาพักผ่อน ความรู้สึกแบบนี้มันสุดยอดจริงๆ

ซือถูเย้นเดิมทีก็เมามากอยู่แล้ว เขาดื่มอยู่ในตำหนักของเขาไปเยอะแล้วก่อนจะออกมาหาหลีโม่

เมื่อมองสายตาของคนที่เริ่มเมา ก็มักจะน่ามองเป็นพิเศษเสมอ เขาเองก็ชอบมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของหลีโม่ มืออีกข้างหนึ่งของเขาก็คว้าไหล่ของนางให้เข้ามาในอ้อมกอดของตน “เสี้ยหลีโม่ ถึงเจ้าเติบโตมาได้ไม่สวยเท่าไหร่ แต่เวลาเจ้ายิ้มเจ้าสวยมาก”

อืม ก่อนจะใช้เท้าเหยียบคนอื่นอย่างโหดเหี้ยม ก็ต้องให้หยอดรสหวานให้คนอื่นก่อนเป็นนิสัยของเขาอยู่แล้ว

แต่บอกว่านางไม่สวย นางรู้สึกไม่ยอมจริงๆ

นางจ้องหน้าของเขา ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ “ข้าไม่สวยตรงไหน”

เห็นชัดๆ ว่าสวยมาก บางทีส่องกระจกก็รู้สึกว่าใบหน้าเหมือนกับฟ้าประทานมาให้จริงๆ

มือของเขาลูบอยู่บนใบหน้าของนาง “หน้าผากไม่เอิบอิ่ม ขนคิ้วไม่ดำพอ ดวงตาโตแต่ไร้ชีวิตชีวา ขาดความรู้และความสง่า จมูกก็เล็กนิดเดียวไม่โด่งพอ ปากก็ไม่มีทางกินอะไรใหญ่ๆ ได้ ส่วนหน้าอกก็เกือบจะแบนราบ...”

“หุบปากเลย” หลีโม่กัดฟันพูด “ถูกท่านว่าเช่นนี้ ทั้งตัวข้าก็คงไม่มีอะไรดีแม้แต่น้อย” อีกอย่างที่เขาบอกว่าหน้าผากเอิบอิ่มอะไรนั่นมันไม่มีประโยชน์ ทั้งหมดนี้มันบรรยายลักษณะผู้ชายนี่นา

“แต่เจ้าไม่ต้องน้อยเนื้อต่ำใจไป ข้าชอบก็พอแล้ว” ซือถูเย้นวางมาดจริงจังพูดออกมา

“ขอบพระทัยเพคะ” หลีโม่ถลึงตามอง มุมปากของนางมันกลับขยับไปเอง เขาชอบงั้นหรือ? นางคิดว่านี่คือชอบงั้นหรือ?

ซือถูเย้นชำเลืองมองมุมปากที่ยกยิ้มของนาง ใจก็เริ่มสั่นไหว การกระทำมันเร็วกว่าสมองหนึ่งก้าว แล้วก็ทำมันออกมา

ชั่วพริบตาริมฝีปากของทั้งสองคนก็เข้ามาใกล้ชิดกัน สมองของเขาก็ชัดเจนขึ้นมา อยากจะขยับออก แต่ริมฝีปากที่อ่อนโยนและอบอุ่นของนางมันดึงดูดเขา กลับรู้สึกตัดใจวางไม่ลง

สมองของหลีโม่พลันว่างเปล่าขึ้นมาอย่างฉับพลัน จากนั้นก็รู้สึกว่าเขาเริ่มมีท่าทีที่ขัดขืนเล็กน้อย นางรีบยื่นสองมือเข้าไปเกี่ยวคอของเขาเอาไว้ อยากจะหนีงั้นหรือ? สายเกินไปแล้ว

หลีโม่รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีทักษะอะไร แค่ทำตามสัญชาตญาณเท่านั้น แต่ว่านางก็ยิ่งไม่มีทักษะ ทั้งหมดนี้ก็ไปตามจังหวะของเขา และแน่นอนนางแกล้งทำ

ตอนที่นางอยู่ในยุคปัจจุบันก็ไม่ได้ต่างอะไร ทั้งยังไม่ได้เป็นหนอนหนังสือ เหตุใดถึงไม่คุยกันเรื่องความรักในตอนเป็นวัยรุ่นเลย? คู่รักในมหาวิทยาลัยขั้นพื้นฐานก็มีกอดมีจูบกัน ขั้นกลางก็เปิดห้องทำเรื่องที่อับอายกันเล็กน้อย ขั้นสูงได้ยินมาว่ามีคู่ต่อสู้อยู่หลายคน แต่...ช่างเถอะ ในกรณีความรักของนางตอนมหาวิทยาลัยก็หยุดอยู่แค่ขั้นพื้นฐานเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ไปพูดถึงขั้นสูง

เมื่อพอใจแล้ว ทั้งสองคนถึงได้แยกออกจากกัน ลมหายใจของทั้งสองฝ่ายถี่กระชั้นเล็กน้อย

หน้าผากของทั้งคนยังคงใกล้ชิดกัน ความรู้สึกที่ใกล้ชิดเช่นนี้รู้สึกดีมากเป็นพิเศษและรู้สึกสบายมากด้วย

“เมื่อกี้ที่เจ้าดึงผมข้าเอาไว้แน่น ข้าเจ็บมากเลยนะ” ซือถูเย้นพูดด้วยความโกรธ

“ข้าไม่ได้ดึงผมท่านเสียหน่อย”

“เจ้าดึง เจ้าดูมือเจ้าสิ”

หลีโม่มองดูมือของตน มีผมอยู่หลายเส้นจริงๆ ด้วย ดูเหมือนว่าเมื่อกี้นางจะกลัวว่าเขาจะหนีไป ก็เลยใช้แรงเต็มที่

“เอ่อ ครั้งนี้อาจจะเพราะตื่นเต้นนิดหน่อย” หลีโม่กล่าวด้วยสีหน้าเหยเก

“งั้นต้องหลายๆ ครั้งถึงจะดีใช่หรือไม่?” ซือถูเย้นมองนางแล้วถาม สายตาของเขาดูคลุมเครือ

หลีโม่เงยหน้ามองเขา เลียริมฝีปากครั้งหนึ่ง เอ่อ ทำบ่อยๆ ก็จะชำนาญ อาจจะดีขึ้นมาบ้าง”

“งั้น...มาทำความคุ้นเคยกันอีกดีหรือไม่?”

หลีโม่คว้าศีรษะของเขาเข้ามา “จะมัวพูดอยู่ทำไมล่ะ?” แล้วตรงเข้าไปประทับรอยจูบทันที

ซือถูเย้นรู้สึกว่าคอของตนถูกเล็บของนางจิกเข้าไป รู้สึกแสบๆ ร้อนๆ เป็นสตรีที่มุทะลุดุดันมากจริงๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม