พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 224

ตอนที่ 224 หลบซ่อนตัว

หลังจากกลับไป หลีโม่ก็ยังคงนอนไม่หลับ นอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง นิ้วมือแตะอยู่บนริมฝีปาก นางรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย คงจะเป็นเพราะดื่มเหล้ามากไป

ทรวงอกถูกความรู้สึกบางอย่างค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนเต็มเปี่ยม เป็นความสุขที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้

นางกำลังมีความรักงั้นหรือ? เฮ้อ น่าเบื่อจริงๆ เอาล่ะ นางแกล้งทำว่ารู้สึกดีจริงๆ

นางกอดผ้าห่มเอาไว้ ก็รู้สึกร้อน จึงเตะมันออก ปากก็พูดว่า “นอนหรือยัง?”

“ยัง” เสียงของซือถูเย้นดังมาจากอีกฝั่งของเตียงกุ้ยเฟย น้ำเสียงดูไม่ค่อยสบายใจเล็กน้อย

หลีโม่หันหน้าไป มองผ่านแสงสะท้อนที่มีอยู่เล็กน้อย จึงมองหน้าเขาได้ไม่ชัดเจนนัก เห็นเพียงเลือนรางเท่านั้น “ทำไมท่านยังไม่นอน?”

“ก็ข้าหนวกหูที่เจ้าพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง ข้าจะหลับได้อย่างไร?” ซือถูเย้นถลึงตาใส่นาง ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงนอนบนเตียงไม่ได้ ก่อนจะดื่มเหล้าเขาก็อยู่บนเตียงได้

หลีโม่ลุกขึ้นมา “ในเมื่อไม่มีใครนอนหลับ ไม่สู้พวกเรามาคุยกันจะดีกว่า”

ซือถูเย้นอยากจะถามนางแทบแย่ “เจ้านอนอยู่บนเตียงได้ ทำไมข้าถึงต้องนอนอยู่ตรงนี้?”

หลีโม่พูดว่า “ข้าไม่ได้ให้ท่านไปนอนตรงนั้นสักหน่อย ท่านไปนอนเองต่างหาก”

“เจ้าบอกว่าเจ้าอยากจะนอนบนเตียง เจ้าเลือกแล้ว ข้ายังจะสามารถโยนเจ้าลงมาอีกหรือ?”

หลีโม่กลอกตาไปมา “เตียงนี้ก็ใหญ่ขนาดนี้ ข้านอนไม่หมดหรอก ท่านเข้ามานอนก็ได้นะ”

ซือถูเย้นพลิกตัวขึ้นมา อุ้มผ้าห่มพร้อมถือรองเท้าและเดินเท้าเปล่าเข้ามา พูดว่า “พูดคำนี้แต่แรกก็จบไปแล้วกระมัง?”

“ตอนที่อยู่ชานเมือง พวกเราไม่ใช่นอนด้วยกันหรอกหรือ?” หลีโม่รับผ้าห่มในมือของเขามา แล้วย้ายตัวเองไปอีกฝั่ง และนอนลงไป

“ข้าคิดว่าหลังจากคืนนี้มันจะไม่เหมือนกันแล้ว” สตรีไม่ใช่ต้องสำรวมกว่านี้หรอกหรือ? ทำไมเขาถึงไม่เคยเจอสิ่งนั้นในตัวของนางเลยล่ะ?

หลีโม่พูดกระซิบว่า “หลังจากคืนนี้ไม่ใช่ควรจะสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิมหรือ?”

“ใครจะไปรู้กับเจ้า? คืนนี้เจ้าทำตัวเหมือนขโมยตอนที่อยู่ข้างลำธารเล็กๆ นั่น ข้านึกว่าเจ้าจะใจเย็นกว่านี้ จะได้ไม่ต้องทำอะไรผิดพลาด” ซือถูเย้นเอนศีรษะลงนอน ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาแสดงความไม่พอใจออกมา

“ทำอะไรผิดพลาด? ข้าไม่เคยเป็นกังวลกับท่านเลย ท่านกลับมาระวังข้างั้นหรือ?” หลีโม่รู้สึกโกรธจนไฟสุมเต็มอก อีกทั้งนางก็ไม่ใช่คนที่ไม่เคยสัมผัสเพศตรงข้ามมาก่อน เขาต่างหาก ควรจะเป็นเขาที่ทำตัวเป็นกังวลถึงจะถูก

“จะเสียงดังทำไมกัน? ทำลายบรรยากาศเสียหมด” ซือถูเย้นกดศีรษะของนางเอาไว้บนหน้าอกของตัวเอง บังคับคอของนางเอาไว้ “นอนแบบนี้แหละ ห้ามคิดขยับไปไหน”

หัวของหลีโม่ถูกแขนของเขากดเอาไว้ไม่สามารถขยับได้ พูดด้วยความโกรธว่า “ก็ไม่รู้ว่าใครทำลายบรรยากาศกันแน่”

“ชู่...นอน นอนเงียบๆ” ซือถูเย้นหลับตา มือก็เปลี่ยนมากอดนาง หลีโม่นอนตัวขด ศีรษะก็หนุนไปที่แขนของเขา แม้จะถูกทำลายบรรยากาศไปส่วนหนึ่ง แต่ก็ยังรู้สึกว่ามันสวยงามมากอยู่ดี

ทั้งสองคนดื่มเหล้า ตอนนี้ก็กำลังนอนกอดกัน แต่ก็ไม่มีความรู้สึกขัดข้องใจอะไร ไม่นานก็นอนหลับไป

ตอนที่กลับมาก็ตกลงกันไว้แล้วว่า เขาจะออกไปก่อนฟ้าจะสาง เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกใครพบเจอ

แม้ว่าตอนนี้พระราชโองการจะลงมาแล้ว ทั้งสองคนสามารถไปมาหาสู่กันได้ แต่ก็ไม่สามารถนอนด้วยกันอย่างถูกหลักความถูกต้องได้

ก่อนที่หลีโม่จะหลับตาลงก็คิดว่า นอนสักพักก็ต้องตื่นขึ้นมา ถ้าไม่ตื่นล่ะก็ พรุ่งนี้เช้าจะแย่แน่นอน

แต่การหลับในครั้งนี้ ก็เลยเวลามาจนถึงฟ้าสว่างแล้ว

หลีโม่ถูกเสียงเท้าที่ด้านนอกประตูทำให้ตกใจตื่น นางจึงกระโดดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ปลุกซือถูเย้น “มีคนมา ท่านรีบลุกขึ้นเร็วเข้า”

ช่วงนี้ซือถูเย้นไม่เคยได้นอนหลับสนิท หรือจะบอกว่า ในคืนๆ หนึ่งเขาได้นอนประมาณสองชั่วยาม กว่าจะนอนให้หลับสบายๆ เช่นนี้ เขาจะยอมตื่นขึ้นมาได้อย่างไร? ม้วนผ้าห่มดึงนางกลับมา “อย่าเสียงดัง” แล้วนอนต่อ

เสียงของซือถูจิ้งดังออกมาจากนอกประตู “หลีโม่ยังไม่ตื่นหรือ? นี่จะเที่ยงแล้วนะ ไม่สบายหรือเปล่า?”

เที่ยงแล้วหรือ?

หลีโม่ตกใจมาก นี่เที่ยงแล้วงั้นหรือ? ซือถูจิ้งอยู่นอกประตู แย่แล้ว เดิมทีคิดว่าเป็นเย็นเอ๋อร์ยังสามารถยื้อเวลาเอาไว้ได้สักพัก

นางก้มหน้าลงไปกัดหูของเขา “ตื่นเร็วเข้า ซือถูจิ้งมาจับว่าพวกเราผิดผีกันหรือไม่แล้ว”

ซือถูเย้นเบิกตากว้างพร้อมกับอุทานออกมาว่า “ท่านป้า?”

หลังจากนั้นก็หลับตาลงไปอีกครั้ง “มาแล้วก็มา เชิญนางให้นั่งอยู่ด้านนอกก่อน”

“ไม่ได้ ให้นางเห็นมันจะไม่ดี” ที่สำคัญคือภาพลักษณ์ของตนที่อยู่ต่อหน้าซือถูจิ้งนั้นดีมาก นางจะไม่ยอมให้ใครมาพังมันได้

“ห้องนี้ก็ออกจะใหญ่ขนาดนั้น จะให้ข้าไปหลบตรงไหนล่ะ?” ซือถูเย้นรู้สึกโมโหอยู่เล็กน้อย แค่ถูกปลุกขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุก็แย่พอแล้ว ตอนนี้ยังจะต้องไปซ่อนตัวเหมือนขโมยอีก

“ด้านหลังฉากบังลม รีบไปเร็ว” หลีโม่ช่วยเขาถือรองเท้า จับคอเสื้อของเขาแล้วลากเข้าไปด้านหลังฉากบังลม

อีกด้านหนึ่ง ซือถูจิ้งที่กำลังเคาะประตูอยู่ “หลีโม่ เจ้าตื่นหรือยัง? วันนี้ไม่ต้องไปที่ตำหนักอ๋องเหลียงหรือ?”

หลีโม่ถึงนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้ไปที่ตำหนักอ๋องเหลียงมาสองวันแล้ว เฮ้อ ช่างหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ตนชอบจริงๆ ซือถูเย้นก็คือของสิ่งนั้นที่นางชอบ

นางจัดระเบียบทรงผมเล็กน้อย แล้วเดินไปเปิดประตู ซือถูจิ้งและเฉินหลิ่วหลิ่วก็เข้ามา เย็นเอ๋อร์เดินตามมาด้านหลัง ทั้งสามคนใช้สายตาสงสัยมองมาที่นาง

“ไม่มีอะไร เมื่อคืนดื่มเหล้านิดหน่อย ก็เลยนอนยาวเลยเพคะ” หลีโม่ยิ้มอย่างเขินอาย ย้ายไปด้านหลังอย่างหวาดกลัว ขวางทางที่จะไปด้านหลังฉากบังลมเอาไว้

ซือถูจิ้งมองพิจารณานาง “สีหน้าของเจ้าดูไม่ดีจริงๆ นะ คงไม่ได้ป่วยใช่หรือไม่?”

“ไม่ ไม่ได้ป่วย ก็เพราะ...ก็เพราะว่าดื่มมากเกินไปน่ะ สีหน้าก็เลยซีดไปหน่อยแค่นั้นเองเพคะ”

“ไม่ใช่หน้าซีดกระมัง นี่หน้าแดงมากเลยนะ ตัวร้อนหรือไม่?” ซือถูเย้นยื่นมือไปจับหน้าผากของนางอย่างไม่เกรงใจ แล้วพูดว่า “ร้อนนิดหน่อยนะ”

เฉินหลิ่วหลิ่วจึงพูดกับเย็นเอ๋อร์ว่า “เย็นเอ๋อร์ เจ้าไปต้มชาร้อนมาสักถ้วยนะ”

“เจ้าค่ะ” เย็นเอ๋อร์ก็ออกไป

ซือถูจิ้งให้หลีโม่นั่งลง หางตาของเฉินหลิ่วหลิ่วก็เหลือบไปเห็นว่าบนเตียงมีชุดอีกชุดหนึ่ง “ชุดนี้ ช่างคุ้นตายิ่งนัก”

ซือถูจิ้งมองไป ก็อุทานออกมา “นี่ไม่ใช่ชุดของเจ้าเจ็ดหรอกหรือ?”

“ไม่ใช่ ของข้าเอง ข้าก็มีอีกชุดหนึ่ง เป็นชุดคู่รักน่ะ” หลีโม่แย่งชุดนั้นมาแล้วยัดเข้าไปในตู้เสื้อผ้า สีหน้าก็ยิ่งไม่เป็นธรรมชาติ

ซือถูจิ้งกับเฉินหลิ่วหลิ่วมองหน้ากัน รู้สึกสงสัยอยู่บ้าง

“คงไม่ใช่ว่าเจ้าเจ็ดอยู่ที่นี่หรอกกระมัง?”

หลีโม่ยิ้มแล้วพูดว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร? ท่านอ๋องยุ่งจะตาย จะเอาเวลาว่างที่ไหนมาหาข้าถึงที่นี่ล่ะ? ถ้าเขามา ก็ต้องรอข้าอยู่ด้านนอกแล้วเพคะ”

“ก็จริง ก่อนที่ข้าจะมาก็ไปที่ตำหนักอ๋องซื่อเจิ้ง ได้ยินซูชิงบอกว่าเจ้าเจ็ดไม่อยู่ในตำหนัก ช่วงนี้ราชกิจเยอะมาก” ซือถูจิ้งนั่งลงแล้วพูดขึ้น

ซือถูจิ้งรู้ว่าซือจู๋กูกูตายแล้ว ดังนั้นจึงไปที่ตำหนักอ๋องตั้งแต่เช้า

“ข้ากำลังจะไปที่ตำหนักอ๋องเหลียง พวกท่านไปกับข้าเถอะ” หลีโม่หยิบกล่องยาขึ้นมา อยากจะพาพวกนางออกไปให้เร็วที่สุด จะได้ให้ซือถูเย้นมีโอกาสออกจากที่นี่ไปเร็วๆ

“เจ้าเพิ่งตื่น ไม่อาบน้ำหวีผมก่อนหรือ?” เฉินหลิ่วหลิ่วถาม นางดูเหมือนไม่มีชีวิตชีวาสักเท่าไหร่

“จริงๆ แล้วเช้าวันนี้ข้าก็ลุกขึ้นมาอาบน้ำหวีผมก่อนแล้วล่ะ ตอนนี้ก็ไม่จำเป็นแล้ว ข้าไป...” นางมองตัวเองในกระจกทองแดง ผมเผ้าของนางยุ่งเหยิงมาก จะออกไปข้างนอกด้วยสภาพเช่นนี้ไม่ได้จริงๆ

“งั้นก็เปลี่ยนชุดสักหน่อย ดูเหมือนเจ้าจะยังใส่ชุดนอนอยู่นะ” ซือถูจิ้งกล่าว

หลีโม่หยิบชุดออกมาจากตู้เสื้อผ้า “ไป พวกเราไปเปลี่ยนห้องข้างๆ ดีกว่า”

“ทำไมต้องไปเปลี่ยนห้องข้างๆ ด้วยล่ะ ที่นี่ไม่ใช่มีฉากบังลมอยู่ไม่ใช่หรือ?” ซือถูจิ้งถามอย่างสงสัย

เฉินหลิ่วหลิ่วก็ดูเหมือนจะหงุดหงิด “ใช่ รีบไปเปลี่ยนเสิ อารมณ์ข้ายิ่งไม่ดีอยู่ รอไปตำหนักอ๋องเหลียงกับเจ้า แล้วไปดื่มเหล้าด้วยกันสักแก้ว”

“เจ้าเป็นอะไรไป?” หลีโม่ถามอย่างเป็นห่วง เบี่ยงเบนความสนใจของทุกคนออกจากการเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังฉากบังลมของนาง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม