พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 227

ตอนที่ 227 บ่าวรับใช้เป็นต้นเหตุ

ไท่กุ้ยเฟยยิ้มอย่างเย็นชา “นายหญิงแก่ ความหมายของท่านคือจะบอกว่าข้าไม่ได้บอกให้ฮองไทเฮารับสั่งลงมาใช่หรือไม่? ตอนนี้ฮองเฮาทรงมีพระราชเสาวนีย์ลงมาแล้ว ไม่ช้าก็เร็วนางจะต้องเพิ่มพระราชเสาวนีย์ไปอีกหนึ่งฉบับแน่นอน”

นายหญิงแก่แสยะยิ้ม “ไท่กุ้ยเฟยเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น นี่ข้าก็ไม่ใช่ว่าร้อนใจอยู่หรอกหรือ? ก็ดูโล่เยว่โตขึ้นจนไม่ใช่เด็กๆ แล้ว แม้จะบอกว่าฮองเฮาเหนียงเหนียงประกาศพระราชเสาวนีย์ลงมาแล้ว แต่ว่าฮองเฮาก็ไม่เคยแสดงท่าทีอะไรออกมาเลย ไม่มีวิธีที่จะกำหนดเวลาอภิเษกสมรสให้แน่นอนได้ ได้แต่หมั้นหมายแต่ไม่มีวันอภิเษกสมรส เป็นเช่นนี้มันทำให้อดกลัวไม่เลยจริงๆ เพคะ”

กุ้ยไท่เฟยกล่าวว่า “ได้ ข้าจะรับปากเจ้า ข่าวที่จะแพร่กระจายออกไปในวันนั้น จะเป็นตอนที่ฮองไทเฮาประกาศราชโองการลงมา”

นายหญิงแก่พูดว่า “เพคะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หม่อมฉันจะรอข่าวจากกุ้ยไท่เฟยอย่างเงียบๆ เพคะ”

พูดจบ นางก็ลุกขึ้นถอนสายบัวขอตัวออกไป

เมื่อออกมาจากตึกจู้เสียน ชุ่ยยุ่นกูกูจึงพูดว่า “นายหญิงแก่เจ้าคะ ท่านว่าคำพูดของกุ้ยไท่เฟยน่าเชื่อถือหรือไม่เจ้าคะ?”

นายหญิงแก่ครุ่นคิดครู่ “จะน่าเชื่อถือหรือไม่ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรีบดำเนินการ วันนี้ท่านเฉิงเสี้ยงไปไหน? ถ้าเขากลับมาให้มาแจ้งข้าทันที”

“เจ้าค่ะ” ชุ่ยยุ่นกูกูตอบ

นายหญิงแก่สั่งอีกว่า “จริงสิ บอกหลานหยู้กูกูว่าช่วงนี้ไม่ต้องการคนของลานเสี้ยจื้อ เพื่อไม่ให้เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น”

ชุ่ยยุ่นกูกู ตะลึงงัน “เอ่อ...”

นายหญิงแก่หันไปมองนางทันที “ทำไม?”

ชุ่ยยุ่นกูกูพูดเสียงต่ำว่า “นายหญิงแก่เจ้าคะ วันนี้หลานหยู้อยากจะสั่งสอนคุณหนูใหญ่สักเล็กน้อย”

“สั่งสอนอะไร?” นายหญิงแก่โมโหมาก “ข้าเคยบอกแต่แรกแล้ว หากไม่มีคำสั่ง ใครก็อย่าไปแตะต้องลานเสี้ยจื้อ”

ชุ่ยยุ่นแก้ตัวแทนนางอย่างอดไม่ได้ “นายหญิงแก่อย่าโกรธเลยนะเจ้าคะ หลานหยู้ก็แค่อยากช่วยท่านออกแรงสักหน่อยก็เท่านั้นนะเจ้าคะ”

“ทำให้เรื่องมันวุ่นวายแท้ๆ เลย” นายหญิงแก่เดินออกไปอย่างรวดเร็ว “พูดมา นางจะทำอะไร?”

“ก็ไม่ใช่ลงมือกับคุณหนูใหญ่ตรงๆ หรอกเจ้าค่ะ แต่เป็นการสั่งให้กุ้ยหยวนและเย็นเอ๋อร์ออกไป สั่งสอนไม่นานเจ้าค่ะ” ชุ่ยยุ่นก้าวตามไป “หลานหยู้ทำอะไรล้วนมีลำดับความสำคัญ นางตั้งใจสั่งให้คนออกไปก่อนจะลงมือ ทำเช่นนี้แม้คุณหนูใหญ่จะสงสัย ก็หาหลักฐานไม่เจอเจ้าค่ะ

นายหญิงแก่ยังคงโกรธมาก หลังจากขึ้นรถม้าไปแล้วก็เตือนชุ่ยยุ่นว่า “ต่อไปถ้าข้าไม่ได้สั่ง ใครก็ห้ามไปหาเรื่องลานเสี้ยจื้อ”

“เจ้าค่ะ บ่าวทราบแล้ว แล้วจะไปกำชับหลานหยู้เจ้าค่ะ” ชุ่ยยุ่นกูกูเช็ดเหงื่อบนหน้าผากออก ความจริงนางเตือนหลานหยู้แล้ว แต่หลานหยู้กลับพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดีรัก ในเมื่อเสี้ยหลีโม่ปกป้องบ่าวรับใช้ขนาดนี้ ปกป้องกุ้ยหยวนผู้นั้น ก็ทำให้นางเป็นทุกข์สักหน่อย

เพียงแต่ชุ่ยยุ่นรู้สึกว่าคุณหนูใหญ่จะไม่โกรธแทนบ่าวรับใช้ที่ถูกกระทำจริงๆ เพราะถึงอย่างไร หากไม่มีบ่าวรับใช้ก็สามารถเปลี่ยนได้ วันนั้นที่ช่วยกุ้ยหยวนเอาไว้ ก็แค่ต้องการแสดงคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ของนางต่อหน้าทุกคนเท่านั้น

ตอนที่หลีโม่กลับไปถึงจวน ก็ใกล้ค่ำแล้ว

เฉินหลิ่วหลิ่วยังไม่ได้กลับจวน นางไปจวนเฉิงเสี้ยงกับซือถูจิ้งและหลีโม่

หลีโม่ยิ้มแล้วพูดว่า “พวกท่านสองคนไม่มีธุระของตัวเองทำหรืออย่างไร ไปกับข้าตั้งนาน ไม่มีธุระอื่นทำแล้วใช่หรือไม่?”

ซือถูจิ้งยักไหล่ “ข้าไม่มีอะไรทำงั้นหรือ? เจ้าเจ็ดให้ข้ามาจับตาดูจวนเฉิงเสี้ยงสักหน่อยตอนข้าว่าง ข้าก็มีเวลาว่างมากจริงๆ ถ้าไม่มาจับตามองจวนเฉิงเสี้ยงสักหน่อย มันจะเป็นอย่างไร?”

หลิ่วหลิ่วพูดว่า “จวนเฉิงเสี้ยงออกจะดูคึกคักขนาดนี้ มักจะมีละครงิ้วฉากใหญ่เกิดขึ้นเสมอ น่าสนุดดีออก”

หลีโม่หลุดหัวเราะออกมา “เหมือนเจ้าอยากจะให้ข้าเกิดเรื่องจริงๆ เลยนะ ละครงิ้วฉากใหญ่ของจวนเฉิงเสี้ยงเกิดขึ้นทีไร ล้วนแต่มาอยู่รอบๆ ตัวข้า ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เมื่อไหร่ ก็มักจะไม่ใช่เรื่องดีเมื่อนั้น”

“แต่เมื่อเรื่องร้ายทั้งหมดไปจบลง ก็ล้วนเปลี่ยนไปเป็นเรื่องดีทั้งนั้น เจ้าดูเจ้าสิ เดิมทีก็เป็นเพียงเด็กน่าสงสารคนหนึ่งที่ไม่มีใครรักไม่มีใครโปรดปราน เมื่อผ่านการฝึกฝนจากจวนเฉิงเสี้ยง ตอนนี้ก็กลายเป็นคนที่กลับเนื้อกลับตัว เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน”

หลีโม่พูดว่า “ดูเจ้าพูดมาอย่างนี้ ข้าต้องไปขอบคุณจวนเฉิงเสี้ยงหรือไม่?”

ทั้งสามคนเดินเข้าไปพร้อมกับพูดคุยกันไปหัวเราะไป แม้หลีโม่จะพูดเช่นนี้ แต่จริงๆ แล้ว ใจลึกๆ ก็รู้ว่าสถานการณ์ของตัวเองได้เปลี่ยนเป็นดีขึ้นมามากกว่าตอนที่เพิ่งจะมา

อย่างน้อย ตอนนี้ก็มีเพื่อนแล้ว ในยุคปัจจุบัน นางไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะได้มีเพื่อน

เมื่อมาถึงลานเสี้ยจื้อ ไม่มีเย็นเอ๋อร์กับกุ้ยหยวนเข้ามาต้อนรับ หลีโม่จึงตะโกนเรียก ก็เห็นเตาเหล่าต้าเดินมาจากทางห้องหนังสือ “คุณหนูใหญ่กลับมาแล้วหรือขอรับ?”

หลีโม่วางกล่องยาลง “ใช่แล้ว เย็นเอ๋อร์ล่ะ? ให้นางเข้ามาต้มชาให้กับองค์หญิงและเฉินหลิ่วหลิ่วหน่อย”

“เย็นเอ๋อร์กับกุ้ยหยวนออกไปแล้ว ยังไม่กลับมาเลยขอรับ” เตาเหล่าต้าพูด

“ออกไปแล้ว ไปไหนหรือ?” หลีโม่นั่งลง เช็ดเหงื่อออกเล็กน้อย แม้ว่าจะพลบค่ำแล้ว แต่พระอาทิตย์ด้านนอกก็ยังสว่างอยู่ อากาศจึงร้อนมาก

“บอกว่าออกไปทำธุระขอรับ หลานหยู้กูกูสั่งให้ไปทำขอรับ” เตาเหล่าต้ากล่าว

หลีโม่ลุกขึ้นมาทันที “หลานหยู้สั่งให้พวกเขาไปทำธุระงั้นหรือ? คนในจวนไม่มีแล้วหรืออย่างไร? ทำไมต้องมาใช้ให้พวกเขาไปทำด้วย?”

“ไม่ทราบขอรับ ข้าก็ไม่ได้อยู่ด้วย เห็นเย็นเอ๋อร์กลับมาบอก แล้วพากุ้ยหยวนออกไปด้วยขอรับ” เตาเหล่าต้าเห็นสีหน้าท่าทางของหลีโม่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ออกไปได้สองชั่วยามแล้ว ยังไม่กลับมา คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกระมัง?”

ซือถูจิ้งพูดว่า “อย่าเพิ่งกังวลมากไป การจะเอาบ่าวรับใช้ไประบายความแค้น ไม่ใช่นิสัยของนายหญิงแก่ คนแบบนาง จะต้องมุ่งเป้ามาที่เจ้าตรงๆ เท่านั้น”

หลีโม่ส่ายหน้า “ที่ข้ากังวลไม่ใช่ฮูหยิน ข้ากังวลแค่พวกบ่าวรับใช้ที่ทำอะไรโดยพลการพวกนั้น”

ความจริงแล้วนายหญิงแก่ไม่เล่นลูกไม้เล็กๆ เช่นนี้หรอก ทำให้บ่าวรับใช้ลำบากใจ สำหรับผู้อาวุโสอย่างนาง เป็นการไม่คิดถึงฐานะตัวเองเปล่าๆ

แต่หลานหยู้คนนี้เป็นคนใจแคบ เมื่อก่อนตัวเองก็เคยตบตีนาง ไม่รู้ว่าจะฉวยโอกาสตอนที่ตนไม่อยู่มาแก้แค้นส่วนตัวหรือไม่

ซือถูจิ้งพูดว่า “ถ้าหากเจ้ากังวลล่ะก็ ข้าจะให้คนออกไปตามหา”

หลีโม่พูดว่า “เพคะ ลำบากองค์หญิงแล้ว”

หลีโม่รู้ว่าซือถูจิ้งมีคนอยู่ในความมืดคอยตามอยู่ ดังนั้นจึงให้พวกเขากลับไปรวบรวมคนให้ออกไปตามหา มันมีประสิทธิภาพมากกว่าการนางที่ออกไปตามหาอย่างไม่มีหลักการอะไร

การตามหาในครั้งนี้ ก็หาจนถึงค่ำมืด ก็ไม่มีข่าวคราวกลับมา

หลีโม่ข่มอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่แล้ว พูดกับเตาเหล่าต้าว่า “ไปหานายหญิงแก่ เชิญหลานหยู้กูกูมาที่นี่”

หยางมามพูดว่า “กลัวแต่จะเชิญแล้วไม่มา”

สายตาของหลีโม่ฉายแววเย็นชาออกมาแวบหนึ่ง “ไม่ว่าจะใช้วิธีใด เชิญมาให้ได้ก็พอ”

เตาเหล่าต้ารับคำสั่งของหลีโม่แล้วออกไปทันที

ซือถูจิ้งพูดคลายกังวลว่า “เจ้าอย่ากังวลไปเลย มีคนไปตามหาเยอะขนาดนั้น ไม่นานคงจะมีข่าวมา”

ซือถูจิ้งกับเฉินหลิ่วหลิ่วรู้ว่าอาจจะไม่เกิดอะไรขึ้นแล้ว บางทีอาจจะเรียกให้พวกเขาทั้งสองคนไปทำธุระจริงๆ ถึงอย่างไร ในสถานการณ์ที่สำคัญนี้ จริงๆ แล้วนายหญิงแก่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องมาหาเรื่องหลีโม่ เพราะว่าเรื่องไฟไหม้ที่เพิ่งจบไปไม่นาน ตอนนี้สิงปู้แม้จะตัดสินคดีแล้ว แต่ก็ยังจับตาดูจวนเฉิงเสี้ยงอยู่

โดยเฉพาะหลีโม่ในตอนนี้ที่ยังแย่งชิงที่ดินหลังสวนดอกไม้กับจวนเฉิงเสี้ยงอยู่ นายหญิงแก่เข้าใจดีว่าถ้าไปทำให้หลีโม่โกรธตอนนี้ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับนางแม้แต่น้อย

แต่ความจริงแล้วในใจของซือถูจิ้งก็ยังคงกังวลอยู่เล็กน้อย กูกูทั้งสองคนที่อยู่ข้างๆ นายหญิงแก่ เป็นที่โปรดปรานในจวนเฉิงเสี้ยงมาหลายปี บางทีอาจจะปิดบังเรื่องที่นายหญิงแก่ทำร้ายกุ้ยหยวนกับเย็นเอ๋อร์เอาไว้จริงๆ

นางมองหน้าเฉินหลิ่วหลิ่ว จริงๆ แล้วจิตใจของเฉินหลิ่วหลิ่วอ่อนโยนเป็นอย่างมาก ช่วงเวลาที่ได้รู้จักเย็นเอ๋อร์นั้นค่อนข้างนาน แม้ไม่ได้พูดว่ามีความรักความผูกพันหรือไม่ แต่นางก็ชอบเย็นเอ๋อร์เป็นอย่างมาก ไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรกับนาง

หลี่ซ่วยหยุ่นและหลีโม่ต่างก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดีขนาดนั้น โดนเฉพาะหลี่ซ่วยหยุ่น เมื่อเห็นหลีโม่เป็นกังวล นางก็รู้สึกไม่สบายใจ ตั้งแต่นางตาบอด ก็ไม่มีทางจะอ่านหนังสือได้ พอดวงตาดีขึ้นมาบ้างแล้ว ก็พอจะมองเห็นตัวหนังสือขึ้นมาบ้าง วันนี้นางก็ตรงไปที่ห้องหนังสือเลย และไม่รู้ว่าลานเสี้ยจื้อจะเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้

เตาเหล่าต้าเข้าไปในห้องของนายหญิงแก่ หลานหยู้กูกูกำลังรับใช้นายหญิงแก่กินข้าวอยู่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม