พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 228

ตอนที่ 228 ไม่เคารพผู้ใหญ่

เตาเหล่าต้าไม่เข้าใจเรื่องระเบียบกฎเกณฑ์ เขากำลังตะโกนเรียกอยู่ที่ลานของจวน “หลานหยู้กูกู คุณหนูใหญ่เชิญเจ้าไปพบ”

มีสาวใช้รีบวิ่งออกมา ถลึงตามองแล้วพูดด้วยความโมโหว่า “เจ้าเป็นบ่าวรับใช้เรือนไหนกัน? กล้ามาเอะอะเสียงดังเรียกคนในจวนของนายหญิงแก่เชียวหรือ? มีกี่หัวก็คงไม่พอให้เจ้าตัดหรอกกระมัง? รีบกลับไปเลยนะ อย่ามาทำให้ตื่นตระหนกรบกวนนายหญิงแก่”

เตาเหล่าต้ามองสาวใช้แล้วพูดว่า “ข้าเป็นคนของลานเสี้ยจื้อ คุณหนูใหญ่ให้ข้ามาเชิญหลานหยู้กูกูไปพบ”

เมื่อนายหญิงแก่และหลานหยู้กูกูที่อยู่ในเรือนได้ยินคำพูดของเตาเหล่าต้า นายหญิงแก่ก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังหลานหยู้กูกูด้วยสายตาเย็นชา “ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะสบายเกินไปในวันที่ข้าไม่พอใจ ในช่วงเวลาสำคัญนี้ เจ้าไปทำอะไรให้นางโมโห?”

ชุ่ยยุ่นก็พูดว่า “หลานหยู้ ข้าก็เตือนเจ้าแต่แรกแล้ว อย่าเพิ่งไปหาเรื่องทางนั้นชั่วคราว เจ้ากลับไม่ฟัง”

หลานหยู้กูกูพูดแก้ตัวขึ้นมาว่า “มันก็แค่บ่าวรับใช้คนหนึ่งไม่ใช่หรือเจ้าคะ? มันคุ้มค่าด้วยหรือที่ต้องตกใจเป็นกระต่ายตื่นตูมขนาดนั้น? นายหญิงแก่โปรดวางใจเถอะ นางก็แค่แกล้งทำไปอย่างนั้น ยังเอาผิดกับนายหญิงแก่จนทำให้ท่านลำบากใจเพื่อบ่าวสองคนนั้นไม่ได้เลย อีกอย่าง บ่าวก็ไม่ได้ฆ่ามัน แค่เรียกคนให้ไปหักขามันก็เท่านั้น อย่างน้อยเจ้าคนรับใช้นั่น ก็ถูกขังอยู่ในจุ้ยเย่วโหลว ข้าไม่ได้คิดจะขายนาง แค่จะขู่นางให้กลัวเท่านั้น”

นายหญิงแก่กล่าวอย่างเย็นชาว่า “จะไม่ทำให้ข้าลำบากงั้นหรือ? งั้นที่นางทำมันคืออะไร? ตอนนี้นางมาหาถึงหน้าประตูแล้ว เจ้าไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองเถอะ”

นายหญิงแก่แค่โมโหหลานหยู้กูกูที่ทำอะไรโดยพลการ และก็ไม่เชื่อว่าแค่เพราะบ่าวรับใช้สองคน นางจะทำตัวได้ทีขี่แพะไล่เสียใหญ่โต แค่อยากจะแสดงอำนาจอะไรแบบนั้นก็เท่านั้นเอง

นางในตอนนี้มีอำนาจแล้ว อยากจะคุมอำนาจเช่นไร สติปัญญาอย่างนี้ นางจะไม่รู้เชียวหรือ? หลายคนที่เข้ามาที่นี่ในตอนแรก ก็คิดว่าสิ่งที่เรียกว่าคุมอำนาจมันเป็นแค่เรื่องที่แสดงออกมาบังหน้าเท่านั้น อำนาจที่แท้จริงก็คือสิ่งที่เก็บเอาไว้อยู่ภายใน เพียงแค่คนเห็นก็รู้สึกความกลัวแล้ว

หลานหยู้กูกูพูดว่า “นายหญิงแก่วางใจเถอะ ตรงนี้บ่าวพูดชัดเจนแล้ว ตอนนี้บ่าวดูแลควบคุมบ่าวในจวนเชียวนะ แม้แต่อำนาจจะใช้บ่าวในเรือนออกไปทำธุระให้ก็ไม่มีเลยหรือเจ้าคะ? บ่าวอยากจะเตือนคุณหนูใหญ่จริงๆ ว่าจวนเฉิงเสี้ยงในตอนนี้ไม่ใช่นางควบคุมดูแล แม้แต่คุณหนูรองก็ยังไม่กำเริบเสิบสานเหมือนกับนางเช่นนี้ ”

นายหญิงแก่ได้ยินคำพูดนี้ ก็เงยหน้าขึ้นไปมองนางทันที “คุณหนูรองสั่งให้เจ้าไปทำใช่หรือไม่?”

หลานหยู้กูกูพูดว่า “คุณหนูรองก็ไม่ชอบเจ้าค่ะ จึงร่วมมือกับบ่าวลงโทษนางเป็นการตักเตือนเท่านั้น นายหญิงแก่ระงับโทสะนะเจ้าคะ เรื่องนี้จะไม่โยงมาที่ท่านแน่นอน คุณหนูรองบอกแล้วว่า หากมีเรื่องอะไรนางจะรับผิดชอบเอง”

นายหญิงแก่ได้ยินที่นางพูดแล้วก็โกรธจนหน้าเขียว “พวกเจ้าร่วมมือกันได้อย่างดีมากเลยสินะ ทำเรื่องอะไรก็สามารถตัดสินใจกันเองได้แล้ว”

ในระหว่างที่พูด เตาเหล่าต้าก็พุ่งเข้ามา เขาเป็นคนหยาบคายคนหนึ่ง ไม่มีทางอยู่ทะเลาะกับสาวใช้ผู้นั้น เขาพุ่งตรงเข้าไปทันที

หลานหยู้กูกูด่าด้วยความโกรธเสียงดัง “เจ้าบังอาจนักนะ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าบุกเข้ามาถึงห้องของนายหญิงแก่เชียวหรือ? ไสหัวออกไปซะ”

เตาเหล่าต้าตรงเข้าไปแม้แต่พูดก็ไม่พูด ลากตัวหลานหยู้กูกูออกไปข้างนอก

ชุ่ยยุ่นกูกูที่เห็นเหตุการณ์ ก็ร้องตะโกนห้ามเอาไว้ แต่เตาเหล่าต้าเร็วมาก ไม่นานก็ลากหลานหยู้กูกูออกไปที่หน้าประตูของลานบ้านแล้ว

ชุ่ยยุ่นพูดกับนายหญิงแก่ที่ทำหน้านิ่งด้วยความตกใจว่า “คนของนายหญิงแก่นับวันยิ่งกำเริบเสิบสาน ดูเหมือนว่าที่คุณหนูรองกับหลานหยู้สั่งสอนนางในครั้งนี้ นับว่าสมควรแล้วเจ้าค่ะ”

นายหญิงแก่หยิบตะเกียบขึ้นมา คีบเนื้อแกะชิ้นเล็กเข้าไปในปาก ฟันของนางไม่ดีเท่าไหร่ จึงต้องกินเนื้อแกะที่ตุ๋นอย่างพิเศษ ทุกครั้งมักจะสั่งห้องครัวว่าให้ตุ๋นหลายๆ ชั่วโมง ตุ๋นจนเนื้อยุ่ยถึงจะใช้ได้

นางคิดว่าของทุกอย่างจะต้องมีความชำนาญที่เพียงพอถึงจะใช้ได้

ความชำนาญในการจัดการกับหลีโม่ ยังมีอยู่แค่เล็กน้อย ดังนั้นนางจึงอดกลั้นความโมโหนี้ลงไป

“นายหญิงแก่” เมื่อชุ่ยยุ่นเห็นนางไม่พูดอะไร ก็เรียกนางอีก มักจะรู้สึกว่านิสัยของนายหญิงแก่เป็นไปไม่ได้ที่จะนิ่งดูดายขนาดนี้ ถึงอย่างไรนางก็โปรดปรานหลานหยู้ที่สุด

“ให้นางได้จำเอาไว้ซะบ้าง อย่าคิดว่าอยู่ข้างข้ามานานหลายปี อีกทั้งนางยังคิดว่านางเป็นเจ้านายจริงๆ ให้นางเข้าใจเสียบ้าง บ่าวยังไงก็คือบ่าวอยู่วันยังค่ำ ถึงแม้ว่าเจ้านายจะให้ความสำคัญอย่างไร ก็เป็นแค่บ่าวรับใช้คนหนึ่ง”

ชุ่ยยุ่นกูกูเงียบลง อันที่จริงนางก็รู้ว่าหลานหยู้ทำตัวเกินกฎเกณฑ์ไปบ้าง แต่นางคิดว่านายหญิงแก่จะปล่อยให้นางทำผิดไปโดยไม่ห้ามปราม

เป็นเพราะความโปรดปรานของนายหญิงแก่จึงทำให้นางสูญเสียลำดับความสำคัญไป ลืมฐานะของตัวเอง

เรื่องของหลานหยู้ ก็จะให้นางดูไว้เป็นบทเรียน อันที่จริงนางก็เป็นเหมือนกับปลากระดี่ได้น้ำ ที่ไม่รู้จักฐานะของตัวเองแล้ว

หลังจากหลานหยู้ถูกเตาเหล่าต้าลากตัวออกไปแล้ว ก็มีเสียงร้องโวยวายดังไม่หยุด ภายใต้ความเดือดดาลของเตาเหล่าต้า จึงดุด่าเสียงดังขึ้นมาว่า “ถ้าเจ้ายังร้องเสียงดังอีกข้าก็จะตีเจ้าจนฟันร่วงเลย”

หลานหยู้นึกว่านายหญิงแก่สั่งคนให้ตามมา ดังนั้นนางก็ไม่ยี่ระใดๆ พูดด้วยความโมโหว่า “เจ้ากล้างั้นหรือ? หากเจ้ากล้าแตะต้องข้าแม้แต่ขนครึ่งเส้น นายหญิงแก่ไม่เอาเจ้าไว้แน่ เจ้าสุนัขบ่าวรับใช้ คนที่มีแต่แม่ให้กำเนิดไม่มีแม่เลี้ยงดู คิดไม่ถึงว่าจะรังแกคนฐานะอย่างข้า”

ข้อเสียของเตาเหล่าต้าผู้นี้ก็คือไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรีก็ไม่สำคัญ หากมาหาเรื่องให้เขาโกรธ อีกอย่าง คำพูดส่วนใหญ่ที่เขาพูดออกมาเขาล้วนทำตาม เมื่อได้ยินว่าหลานหยู้ยังด่าไม่เลิก อีกทั้งยังด่ามารดาของเขา ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที หันกลับไปซัดหมัดใส่ปากของหลานหยู้อย่างแรง ฟันสองซีกก็หลุดร่วงลงในชั่วพริบตา

หลานหยู้คิดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าลงมือกับนางจริงๆ อีกทั้งยังลงมือโหดเหี้ยมขนาดนี้ นางปิดปากเอาไว้ แล้วร้องไห้ออกมา

เตาเหล่าต้าถึงได้สงบลง แล้วลากนางเดินไปที่ลานเสี้ยจื้อ

ระหว่างทางก็เจอบ่าวรับใช้มากมาย เมื่อเห็นหลานหยู้กูกูถูกเตาเหล่าต้าลากอยู่ ก็คิดจะเข้าไปช่วย แต่พอเห็นไอสังหารเต็มหน้าเตาเหล่าต้า ต่างก็ทำได้แค่ตามอยู่ไกลๆ ไม่กล้าเข้ามา

หลีโม่กลับมาก่อนเตาเหล่าต้า ก็สั่งให้หยางมามาพาหลี่ซ่วยหยุ่นกลับไปพักที่ห้องก่อน นางไม่อยากให้หลี่ซ่วยหยุ่นมาเห็นเหตุการณ์ที่ใช้กำลังป่าเถื่อนนองเลือดเช่นนี้

กลับมาถึงลานเสี้ยจื้อ เตาเหล่าต้าก็ผลักหลานหยู้ลง หลานหยู้ก็สะดุดล้มลงไปกองกับพื้น

นางเงยหน้าขึ้น เห็นหลีโม่ยืนอยู่ด้านหน้าของนางด้วยใบหน้าอึมครึม ด้านหลังยังมีองค์หญิงใหญ่และเฉินหลิ่วหลิ่ว แต่นางกลับไม่ตื่นตระหนก เงยหน้าขึ้นเช็ดเลือดบนปากออกเล็กน้อย “ถุย” ออกมา พูดอย่างไม่พอใจว่า “คุณหนูใหญ่ เจ้าอธิบายเหตุผลที่ดีที่สุดให้ข้าฟังสักหน่อยสิ”

หลีโม่นั่งย่อตัวลงครึ่งหนึ่งไปมองนาง “ได้ เจ้าอยากให้ข้าอธิบายอะไรกับเจ้า?”

พูดจบ นางก็พยุงหลานหยู้ขึ้นมา “ไม่ต้องมากพิธีขนาดนี้ก็ได้ ลึกขึ้นมาพูดเถอะ”

หลานหยู้แค่นเสียงเย็นชา ก็จับมือนางเพื่อลุกขึ้นมา แต่ยังยืนได้ไม่นิ่ง หลีโม่ก็ใช้ขาเตะไปที่ขาท่อนล่างของนางอย่างฉับพลัน จนนางรู้สึกเจ็บ แล้วคุกเข่าลงไปเสียงดังปัก “เจ้า...”

ครั้งนี้หลีโม่ ก็ไม่ได้ก้มตัวลง เหลือบมองลงไปที่นาง กล่าวด้วยใบหน้าที่เยือกเย็นราวน้ำแข็ง “เย็นเอ๋อร์กับกุ้ยหยวนล่ะ?”

หลานหยู้ที่ถูกเตาเหล่าต้าทุบตีก่อนนั้น ตอนนี้ก็ยังมาถูกหลีโม่เตะอีก ใจลึกๆ ก็เดือดดาลยิ่งนัก หันกลับไปมอง เมื่อเห็นว่านายหญิงแก่ยังไม่มา ในใจก็อดร้อนรนขึ้นมาไม่ได้ แต่มันเพิ่งจะผ่านไปได้ไม่นาน นางไม่เชื่อว่านายหญิงแก่จะนิ่งดูดาย

นางลุกขึ้นมาพูดอย่างยโสโอหังว่า “คุณหนูใหญ่เอาข้ามาเดี๋ยวก็ตีเดี๋ยวก็ด่า แต่กลับมาถามแค่ว่าบ่าวสองคนนั้นไปที่ไหน น่าขันยิ่งนัก ข้าคงจะมีเวลาช่วยคุณหนูใหญ่คอยจับตาดูพวกเขาหรอกกระมัง? คนในจวนนี้ไม่ต้องทำงานกันหรืออย่างไร?”

“เสี่ยวเตา นางให้เย็นเอ๋อร์กับกุ้ยหยวนออกไปข้างนอกใช่หรือไม่?” หลีโม่ถาม

เตาเหล่าต้าพูดอย่างแน่ใจว่า “คุณหนูใหญ่ ไม่ผิดพลาดแน่นอน นังแม่มดเฒ่าเป็นคนให้เย็นเอ๋อร์กับกุ้ยหยวนไปซื้อของ”

หลีโม่จ้องไปที่หลานหยู้ “หืม? ยังไม่พูดอีกหรือ?”

หลานหยู้ยิ้มอย่างเย็นชา “คุณหนูใหญ่พูดเช่นนี้ขึ้นมา ข้าเพิ่งจะจำได้ ไม่ผิด ข้าเป็นคนให้เงินพวกเขาให้พวกเขาออกไปซื้อของ ตอนนี้ยังไม่กลับมาอีกงั้นหรือ? หรือว่าแอบไปอู้งานที่ไหนแล้ว? ข้าจะบอกให้นะ คนของลานเสี้ยงจื้อนี่ควรจะอบรมสั่งสอนให้ดีเสียหน่อยแล้ว ไม่รู้จักเคารพผู้หลักผู้ใหญ่เอาเสียเลย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม