พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 247

ตอนที่ 247 ให้นางออกจากเมืองหลวง

มุมตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองหลวง มีถนนเส้นหนึ่งเรียกว่าถนนร่ำรวย

ถนนร่ำรวยแค่ชื่อก็บ่งบอกความหมายแล้ว ก็คือสถานที่ที่คนมีฐานะร่ำรวยอาศัยอยู่ แน่นอนว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านเรือนของครอบครัวผู้ที่มีฐานะร่ำรวย แต่เป็นจวนที่แยกออกมาจากจวนหลัก

ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยอยู่ที่นี่ก็มีจวนแยกมา หลังจากนางถูกพัก ก็พักอยู่ที่นี่ชั่วคราว

เกี้ยวสีเขียวมาหยุดตรงประตูจวนหลังนี้ ชายที่คลุมผ้าไว้ทั้งร่าง คลุมเสื้อผ้าไว้แน่น เดินก้มหัวเข้าไปในจวน

หน้าประตูมีหญิงม้ายอยู่มากมาย ดังนั้นกำแพงรั้วบ้านหลังนี้จึงสูงมาก คนนอกไม่อาจสอดรู้สอดเห็นได้

ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยรออยู่นานแล้ว เห็นเขาเดินเข้ามา ก็รีบร้อนต้อนรับ รีบช่วยถือผ้าคลุม “ลำบากท่านแล้ว ในวันที่อากาศร้อนเช่นนี้ก็ยังให้ท่านคลุมผ้าปิดบังหูตาคนอื่น”

ชายหนุ่มยกมือไปถูบนแก้มของนางอย่างเคย “ไม่เกะกะอะไรนิ เพื่อเจ้า อย่าพูดว่าร้อน ถึงร้อนจนตายข้าก็ยินดี”

ใบหน้าของซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยเริ่มแดงคล้ายคนเมา เขินอายไม่น้อย “คนโกหก”

“จะโกหกเจ้าทำไมกัน?”

“เฉิงเสี้ยงที่สง่าผ่าเผย หยอกล้อหลอกลวงหญิงสาวอยู่ที่นี่ ข้าไม่เชื่อท่านหรอก” ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยยิ้มน่าเอ็นดู แล้วหมุนตัวเดินเข้าไป

คนที่มาก็คือเฉิงเสี้ยงเสี้ย ตั้งแต่ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยมาพักที่นี่ หลังจากนั้นพวกเขาก็รวมตัวเป็นการส่วนตัวที่จวนนี้”

เขาเดินก้าวท้าวด้วยความรวดเร็วตามไป รวบเอวของซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยอุ้มขึ้น หัวเราะออกมา “ไม่เชื่อข้าใช่หรือไม่? ดูว่าวันนี้ข้าจะจัดการกับเจ้าอย่างไร”

“อย่า ปล่อยข้าลง” ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยร้องด้วยความตกใจ แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มแสนหวาน

ประตูห้องถูกถีบออก แล้วรีบปิดลงทันทีอย่างรวดเร็ว หญิงรับใช้นอกประตูยืนอยู่ไกล แต่ก็ยังได้ยินเสียงที่เกิดขึ้นในห้องลอยมา เป็นเสียงที่ทำให้คนได้ยินหูและใบหน้าแดง

นานมาก กว่าเสียงในห้องจะเงียบลง

“เมื่อไหร่กันที่พวกเราจะไม่ต้องแอบๆซ่อนๆกันแบบนี้อีก” ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยกอดผ้าห่มไว้แน่น นำศีรษะไปพิงกลางอกของเฉิงเสี้ยงเสี้ย ออดอ้อนเขา

เฉิงเสี้ยงเสี้ยยกมือขึ้นลูบผมสลวยของนาง “ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว”

เขาช้อนหน้านางขึ้น ถาม “เจ้าพูดกับท่านโก๋กงแล้วหรือยัง?”

“พูดแล้ว ท่านปู่จะเสนอตอนว่าราชกิจตอนเช้าในครั้งหน้า วางใจเถอะ เสี้ยหลีโม่จะต้องไปเขตโรคระบาดแน่นอน” ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยพูดอย่างเยือกเย็น

“อย่างนั้นก็ดีแล้ว แค่เพียงนางตาย ข้าก็สามารถแต่งเจ้าเข้าบ้านได้อย่างเหมาะสม” เฉิงเสี้ยงเสี้ยพูดอย่างเย็นชา

“ท่านจะทำตามที่พูดจริงๆใช่หรือไม่?” ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยมองหน้าเขา ในหัวใจว่างเปล่าเป็นยิ่งนัก

“แน่นอน” เฉิงเสี้ยงเสี้ยกดลงไปบนริมฝีปากนางเล็กน้อย แววตามีความหลงใหล “ขอเจ้าแต่งงาน เป็นสิ่งที่ข้าฝันและต้องการ เรื่องอับอายภายในบ้านข้าก็ล้วนบอกเจ้าหมดแล้ว แค่เพียงเสี้ยหลีโม่ตาย ข้าก็ไม่มีทายาทอีก รอเจ้าแต่งงานเข้ามาคลอดลูกชายอ้วนๆให้ข้าหลายๆคน ต่อไปก็รับสืบทอดกิจการของจวนเฉิงเสี้ยง”

ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยพูดอย่างเขิลอาย “หน้าไม่อาย”

“ไม่คลอดลูกให้ใช่หรือไม่?” เฉิงเสี้ยงเสี้ยงหัวเราะเจ้าเล่ห์ “งั้นข้าจะหาสตรีอื่นมาคลอดลูกให้ข้าแล้วกัน?”

“ท่านกล้าหรือ?” ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยรีบลุกขึ้นทันที “ถ้าท่านกล้าหาสตรีอื่นมาคลอดลูกให้ท่าน ข้าก็จะฆ่านาง”

เฉิงเสี้ยงเสี้ยกุมมือนางทั้งสองข้าง เพ่งมองนาง “เด็กโง่ แค่เจ้าคนเดียวก็พอแล้ว”

ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยได้ยินประโยคนี้ก็พูดด้วยความซาบซึ้ง “ถ้าท่านดีกับข้า จะให้ข้าทำอะไรเพื่อท่านข้าก็ยอม”

เฉิงเสี้ยงเสี้ยพูด “เด็กโง่เอ๋ย ข้าจะยอมให้เจ้าทุ่มเทเพื่อข้าได้อย่างไร? ครั้งนี้เป็นเพราะไม่มีทางเลือกถึงให้เจ้ากับท่านโก๋กงเป็นคนพูด รอเรื่องราวทั้งหมดสงบ เรื่องเดียวที่เจ้าต้องทำเพียงแค่แต่งตัวให้สวย รอข้าไปขอเจ้าแต่งงาน อีกทั้งครั้งนี้ไม่ใช่เป็นแค่ภรรยาธรรมดาหรืออนุ แต่เป็นภรรยาที่ถูกต้องของจวนเฉิงเสี้ยงของข้า”

ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยซบอยู่ที่หน้าอกเขา ไม่พูดอันใดอีก

นางไม่ใช่คนโง่ นางรู้ว่าบุรุษผู้นี้หลอกใช้นาง แต่นางไม่สนใจ ขอเพียงแค่เขาทำตามสัญญาที่พูดไว้ ขอแต่งงาน

นางก็เชื่อว่าในเบื้องหลังการหลอกใช้ครั้งนี้ก็น่าจะมีความรู้สึกจริงๆอยู่บ้าง

หลีโม่ไปตำหนักอ๋อง ฝังเข็มทางนี้ก็คิดอะไรไม่ออก ก็เลยเริ่มลงมือจากจื่นเฉิงก่อน

จื่นเฉิงเริ่มพูดถึงเหตุการณ์วันนั้น แล้วพูดว่า “ถึงแม้ว่าทุกคนจะคิดว่าไม่ใช่คนที่เป็นโรคผีดิบกัดข้า แต่ภายในใจของข้าคิดว่าใช่ เพราะกลิ่นเหม็นนั้นชั่วชีวิตข้าไม่อาจลืมได้”

หลีโม่ถาม “ข้าขอดูแผลของเจ้าหน่อยได้หรือไม่?”

จื่นเฉิงพูด “ได้แน่นอน แต่ว่าตอนนี้รอยแผลจางไปเยอะมากแล้ว”

แผลเป็นจางไปมากแล้วจริงๆ สามารถพูดได้ว่ารอยแผลจางเร็วกว่าแผลปกติมาก ตรงที่เป็นรอยฝันเหลือเศษจุดดำๆอยู่เล็กน้อย เหมือนกับหยดหมึก หลีโม่ใช้เข็มสะกิดเล็กน้อย “เจ็บหรือไม่?”

“ไม่เจ็บ ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย”

หลีโม่ถาม “เจ้าลองนึกดูหน่อย ลักษณะของคนนั้นที่กัดเจ้า”

“ข้ามองหน้าของเขาไม่ชัด แต่ว่าข้าเห็นว่าดวงตาของเขาแดงมาก ยังมีกลิ่นเหม็นบนใบหน้าอีก ล้วนคล้ายกับคนที่เป็นโรคผีดิบ”

“ข้าจำได้ว่าตอนที่เจ้ากลับมา พูดว่าเวียนหัวมาก นอกจากเวียนหัวแล้วยังมีอาการอะไรอีกหรือไม่?”

“ใจเต้นแรงมาก สับสน และก็กระหายน้ำ อยากดื่มน้ำเป็นอย่างมาก”

“ในตอนนั้นเจ้ามีท่าทีเหมือนถูกพิษ ต่อมาข้าเลยให้เจ้าดื่มน้ำเกลือจางๆปริมาณมากเพื่อล้างกระเพราะ” หลีโม่ลองนึกอยู่ครู่หนึ่ง ตอนนั้นเขาโดนกัด ไม่น่าจะออกอาการได้ทันที ดังนั้น เวียนหัวและใจเต้นแรงเพราะโดนพิษ เสื้อผ้าของใช้ของเขามีสมุนไพรพิษ

ระยะฟักตัวของโรคนี้น่าจะไม่นานมาก แต่วันนี้จื่นเฉิงเองก็ไม่มีอาการกำเริบให้เห็น พิสูจน์ได้ว่าเขาไม่ได้ถูกคนที่เป็นโรคผีดิบกัด

แต่คนที่เขาบรรยายมานั้น กลับคล้ายคนที่เป็นโรคผีดิบเป็นอย่างมาก

หลีโม่ฉับพลันก็รู้สึกว่าแม้แต่เบาะแสอันน้อยนิดนั้นก็ไม่มีแล้ว แท้จริงก็คือไม่รู้จะลงมือจากทางไหนแล้ว

“ท่านอ๋องละ?” หลีโม่ถาม

จื่นเฉิงพูด “ท่านอ๋องอยู่ห้องว่าราชกิจในวังหลวงตลอด หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้น เขาก็ยังไม่ได้หยุดพักเลย”

“เจ้าไม่ต้องอยู่ข้างกายเขาหรือ?” หลีโม่เห็นจื่นเฉิงส่วนมากอยู่กับซือถูเย้น แต่วันนี้กลับไม่ได้อยู่กับเขา

จื่นเฉิงพูด “ไม่ ท่านอ๋องมีคำสั่งให้ข้าไปนอกเมืองหลวงเพื่อดูหวางหยู แม่ทัพซูจะได้กลับมาเมืองหลวง”

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง เยี่ยงนั้นก็ดี ข้าไปก่อนละ เจ้าก็ค่อยค่อยคิดให้ดี ยังมีรายละเอียดอะไรที่ยังไม่ได้บอกข้าอีก ถ้าคิดออกก็รีบบอกข้าทันที”

“ได้” จื่นเฉิงไปส่งหลีโม่หน้าประตู

พึ่งนั่งรถม้าออกมาถึงปากซอย ก็เจอซือถูเย้นขี่ม้ากลับมา

ดูเขาจะมีเรื่องในใจมากมาย แม้แต่รถม้าของหลีโม่ก็ไม่เห็น เดิมทีหลีโม่อยากจะเรียกเขา แต่เห็นสีหน้าเขาซีดเซียว ในตาก็เต็มไปด้วยเลือดฝาด ดูแล้วมีเรื่องรบกวนใจอยู่มาก ก็เลยไม่อยากรบกวนเขา ให้เขากลับไปพักผ่อนสักหน่อย

เซียวโธ่รีบตามมาด้านหลัง เขากลับเห็นรถม้าของหลีโม่ รีบขี่ม้าไปข้างหน้าเพื่อบอกกับซือถูเย้น “ท่านหมอเสี้ย”

ซือถูเย้นหันกลับไปมองแวบหนึ่ง “อืม!”

“ท่านไม่เรียกนางกลับมาหรือ?” เซียวโธ่ถาม

“ไม่ละ เซียวโธ่เจ้าไปบอกนาง ช่วงเวลานี้ให้นางหาข้ออ้างออกนอกเมืองหลวงไปเสีย” ซือถูเย้นพูด

“ทำไมละ? ตอนนี้เป็นเวลาที่พวกเราต้องใช้คน” เซียวโธ่ถามด้วยความไม่เข้าใจ “อีกทั้ง นางรู้วิชาแพทย์ อีกทั้งมีความสามารถมากกว่าหมอหลวง”

“เจ้าสามารถคิดได้ คิดว่าคนอื่นคิดไม่ได้หรือ? นางรู้วิชาแพทย์ แต่เจ้าก็เห็นว่านางไม่มีหนทางรักษาโรคผีดิบนี้ได้” ซือถูเย้นตอบด้วยใบหน้านิ่งขรึม

แน่นอนว่าเขาไม่ชอบให้ผู้อื่นพูดเรื่องที่เสี้ยหลีโม่รู้วิชาแพทย์นี้เลย วันนี้เขาได้กลิ่นเล่ห์เพทุบายอยู่บ้างแล้ว เล่ห์เพทุบายนี้มีความเป็นไปได้ว่าจะมีคนให้นางต้องพัวพันเกี่ยวข้องเข้ามาด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม