พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 248

ตอนที่ 248 เกิดเหตุชุลมุนในกรมทหาร

เซี่ยวโธ่คิดๆดูก็ถูก จึงเลี้ยวม้าไล่ตามหลีโม่ไป

เขาลงม้าเดินไปตรงหน้ารถม้าหลีโม่ เปิดม่าน “ท่านอ๋องพูดว่า ให้เจ้าหาข้ออ้าง ไปจากเมืองหลวงก่อนสักพัก”

หลีโม่พยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว”

เซี่ยวโธ่อึ้ง “เจ้าไม่ถามว่าเพราะอะไร?”

หลีโม่หัวเราะ เงยหน้ามองดูเซี่ยวโธ่ “ไม่ต้องถาม ข้ารู้เหตุผล เจ้ากลับไปบอกท่านอ๋อง ไม่ต้องเป็นห่วงข้า”

เซี่ยวโธ่ยังรู้สึกแปลกใจจริงๆ “ไม่บอกเจ้าก็รู้ว่าทำไมต้องไปหรือ? สมองเจ้าฉลาดได้ขนาดนี้เลยหรือ?”

หลีโม่มองดูแววตาสับสนของเขา อดไม่ได้ที่จะขำ “ใช่ ข้าก็ฉลาดขนาดนั้นแหละ”

“แต่เป็นผู้หญิงไม่น่าฉลาดขนาดนี้” เซี่ยวโธ่พึมพำ

“ได้ ต่อไปต่อหน้าเจ้า ข้าจะแกล้งโง่สักหน่อยก็ได้”

เซี่ยวโธ่มองดูนางอย่างค่อนข้างสับสน “อืม เจ้าไปเถอะ ตอนนี้ข้าเห็นผู้หญิงทีไรก็จะรู้สึกเบื่อ”

“ทำไมถึงเบื่อล่ะ? ตอนนี้หลิ่วหลิ่วก็ไม่ตามตื๊อเจ้าแล้ว”

เซี่ยวโธ่บ่น “ตอนนี้นางเห็นข้าทีไรก็ถามหาแต่ซูชิงอยู่ที่ไหน ดูแล้วนางคงหลงรักซูชิงแล้วแหละ ยังบอกอยากแต่งงานกับข้า ผู้หญิงล้วนมีแต่หลายใจ”

หลีโม่หัวเราะ “เจ้าไม่สนใจนางไม่ใช่หรือ? เจ้าไม่สนใจแต่มีคนสนใจ แค่นี้ก็ขวางเจ้าแล้วหรือ?”

“เชอะ” เซี่ยวโธ่กระโดดขี่ม้า วิ่งจากไป

หลีโม่ปิดม่าน แล้วสั่งว่า “ไปได้”

นางอมยิ้ม ดูแล้วเคล็ดลับเล็กๆน้อยๆที่สอนหลิ่วหลิ่วได้ผลไม่น้อย เซี่ยวโธ่นี่ก็ซื่อจริง ในใจคนนั้นล้วนประหลาดยิ่งนัก หากมีคนหนึ่งปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าเจ้าบ่อยๆ เจ้าก็จะรู้สึกรำคาญ แต่พอวันหนึ่ง นางไปสนใจคนอื่น ในใจก็จะรับไม่ได้

เมื่อหัวเราะเสร็จแล้ว นางก็เริ่มคิดถึงคำพูดของเซี่ยวโธ่เมื่อกี้

ความหมายที่ซือถูเย้นให้นางไปจากเมืองหลวง นางเข้าใจ นางรู้การแพทย์ เรื่องที่รักษาอ๋องเหลียงรักษาอ๋องซือเจิ้งจนหาย ขุนนางประชาชนล้วนรู้กันหมด

ซือถูเย้นก็คืออ๋องซือเจิ้งไม่ผิด แต่เรื่องโรคระบาดวุ่นวายขนาดนี้ บางทีเขาอาจจะรับความกดดันไม่ไหว

อีกอย่างเรื่องนี้เริ่มต้นแต่แรก ก็คือจู๋หมู่กับพ่อที่เคารพรักของนาง มีผู้มักมากสองคนนี้อยู่ นางก็อย่าหวังที่จะได้อยู่อย่างสงบ

จากไปอาจจะเป็นการดี

เมื่อกลับมาถึงจวน นางถามหลี่ชุยหยุ่น “ท่านแม่ ท่านอยากไปเยี่ยมท่านตาไหม?”

หลี่ชุยหยุ่นฉลาดหลักแหลม ฟังก็รู้แล้วว่าหลีโม่คิดอะไรอยู่ “หากเจ้าอยากไป ข้าก็จะไปกับเจ้า”

หลีโม่นั่งลง ในใจยังลังเล “ข้ายังไม่ได้ตัดสินใจ”

“เจ้าอยู่ที่นี่ สามารถช่วยอะไรได้หรือ?” หลี่ชุยหยุ่นถาม

หลีโม่ส่ายหัว “ตอนนี้ดูแล้ว เป็นไปไม่ได้”

“เทคนิคทางเข็มทองคำช่วยไม่ได้หรือ?”

“ไม่ได้ โรคระบาดไม่สามารถใช้เทคนิคทางเข็มทองคำรักษา ต่อให้เทคนิคทางเข็มทองคำสามารถรักษาโรคนี้ได้จริงๆ แต่ หากข้าเดาไม่ผิด หมู่บ้านสือโถวเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ภายหลังจะมีพื้นที่อื่นๆเกิดขึ้นอีกมากมาย ข้ามีเพียงสองมือ จะช่วยคนได้สักกี่คน? อีกอย่าง ตอนนี้เทคนิคทางเข็มทองคำดูแล้วก็ช่วยไม่ได้”

หลี่ชุยหยุ่นมองดูนาง “ในเมื่อช่วยไม่ได้ งั้นก็จากไปเถอะ อยู่ในเมืองหลวงเดี่ยวก็โดนใส่ร้าย คนไม่ผิดเค้าก็มีวิธีเอาผิดได้ ความรู้ทางการแพทย์ของเจ้า จะกลายเป็นดาบสองคมกลับมาทำร้ายเจ้าได้”

หลีโม่ครุ่นคิดดูก็ถูก แต่นางฝังเข็มให้กับหวางหยูอยู่ อย่างน้อยก็อีกสองวันถึงจะไปได้

เช้าตรู่ อ๋องซือเจิ้งส่งหมอไปยังหมู่บ้านสือโถวอย่างต่อเนื่อง และเปิดเผยอาการของโรคระบาด ประกาศตามหาหมอ หากใครสามารถคิดค้นวิธีรักษาได้ จะมีเงินรางวัลให้สองหมื่นตำลึง

ในทันใดนั้น ก็มีหมอจำนวนมากไปยังหมู่บ้านสือโถว คนที่ติดโรคพวกนั้นยังมีอีกมากมายที่ไม่ได้จับตัวมา คนที่ถูกจับมาจะเอามาขังรวมไว้ในห้องโถง ตรงกลางเว้นช่องทางเดินไว้ ให้ขุนนางหมอยาได้เดินผ่าน

เมื่อมีหมอเข้าไป ก็จะมีทหารมัดคนติดเชื้อไว้คนหนึ่ง แล้วให้หมอตรวจ

มีหมอมาชุดหนึ่ง แล้วจากไปชุดหนึ่ง แล้วก็มาอีกชุดหนึ่ง เป็นอยู่แบบนี้จนทหารเบื่อ ทุกคนที่หลังจากตรวจแล้ว ก็ล้วนบอกว่าไม่มีหนทาง ยังต้องรบกวนให้พวกเขาพาเข้าออกอยู่ตลอด

และในค่ำวันนี้ ผู้ติดเชื้อรายหนึ่งดิ้นรนจนเชือกหลุด กัดหมอคนหนึ่งกับขุนนางสองคน เมื่อหลังจากข่าวแพร่ออกไป ก็ไม่มีหมอกล้าเข้ามาอีก ต่อให้เงินสำคัญ แต่ก็ไม่ได้สำคัญไปกว่าชีวิต

แม่ทัพฉีพาคนตรวจตรารอบเมืองหลวง พบว่าด้านเหนือถนนฝู่คังของเมืองหลวงก็มีคนติดเชื้อ และก็กัดคนในบ้านตนสามคน

ถนนฝู่คังก็อยู่ด้านข้างห่างจากถนนร่ำรวยไม่ไกล ราชสำนักออกคำสั่ง ปิดล้อมถนนฝู่คัง รอบๆที่ยังไม่ติดโรค ให้ทุกคนอพยพทั้งหมด

หลีโม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในเมืองหลวงต่อไม่ได้แล้ว นางวางแผนไว้ว่าจะไปชานเมืองคืนนี้ เมื่อถอดเข็มให้หวางหยูแล้ว นางก็ไม่มีหนทางรักษาเขาแล้ว

เมื่อออกไป ซือถูเย้นก็มา

“ทำไมยังไม่ไป?” ซือถูเย้นดูโกรธอย่างมาก

หลีโม่พูดว่า “พรุ่งนี้ข้าก็ไปแล้ว กำลังตั้งใจจะไปชานเมือง ถอดเข็มให้กับหวางหยู ให้เขาได้จากไปอย่างสบาย”

“ข้าไปพร้อมกับเจ้า” ซือถูเย้นพูดขึ้น แล้วมองเห็นสีหน้าของนางเฉยเมย ดูแล้ว นางคงเอือมระอากับความไร้ความสามารถของตนจนเจ็บปวด

“ท่านไม่ต้องไปหรอก รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ ดูท่านสิ ขอบตาดำหมดแล้ว” หลีโม่พูดอย่างห่วงใย

“ไม่เป็นไร กลับไปก็นอนไม่หลับ” ซือถูเย้นขี่ม้ามา แต่ออกนอกเมืองในวันนี้ เขานั่งรถม้าของนาง

รถม้าวิ่งออกนอกเมืองไป ตอนนี้มีการปิดกั้นทั้งเมือง การออกจากเมืองล้วนต้องตรวจตรา หลีโม่เปิดผ้าม่าน คนเฝ้าประตูเมืองเห็นซือถูเย้น ก็รีบปล่อยให้ออกไป

หลีโม่เห็นคิ้วเขาชนกัน สีหน้าอมทุกข์เหมือนกำลังครุ่นคิดเรื่องมากมาย จึงอดไม่ได้ถามขึ้นว่า “ตอนนี้สถานการณ์รุนแรงมากหรือ?”

“นอกจากหมู่บ้านสือโถวกับเป่าเจ ในกองทัพก็เกิดเรื่อง มีคนโดนกัดสามสิบสองคนแล้ว แต่มีเพียงคนเดียวที่แสดงอาการ” ซือถูเย้นพูดเสียงเข้ม

“ในกองทัพก็มีแล้ว? ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าได้สั่งคนสกัดกั้นควบคุมอย่างแน่นหนาไม่ใช่หรือ?”

“ควบคุมไม่ได้ คนที่โดนกัด หากตัวเขาเองไม่พูด ใครจะไปรู้? เขากัดคนแล้ว คนที่โดนคนนั้นกัดก็ไม่กล้าพูด จนคนคนนี้ออกอาการบ้า ถึงจะรู้ หลังจากนั้นก็ให้ทุกคนในกองทัพแก้ผ้า พบว่ามีสามสิบกว่าคนที่โดนกัดแล้ว”

“คนอื่นไม่แสดงอาการ ยืนยันว่าทั้งสามสิบเอ็ดคนล้วนโดนคนคนเดียวกันกัด” หลีโม่พูดขึ้น

“ใช่ นี่น่ากลัวมาก หลีโม่ คนคนเดียวในเวลาไม่กี่วันสั้นๆ สามารถกัดคนไปตั้งสามสิบกว่าคนกลับไม่มีใครรู้ นี่บ่งบอกถึงอะไร?”

“ในกองทัพมีคนช่วยปิดบังคนที่กัดคนนี้” หลีโม่พูดอย่างไม่ต้องคิด

“ไม่ผิด กองทัพในเมืองหลวง ล้วนเป็นคนของข้า ภายใต้การปกครองของข้า มีไส้ศึก และใกล้ตัวข้าก็มี”

“ไส้ศึกใกล้ตัวเจ้ายังสืบหาไม่เจอหรือ?” หลีโม่ถาม

“หาเจอแล้ว เป็นคนของกุ้ยไท่เฟย” ซือถูเย้นหัวเราะอย่างเย็นชา “นางแอบส่งไส้ศึกมาไว้ใกล้ตัวข้า ครั้งนี้ ในกองทัพก็มีไส้ศึก นี่ก็หมายความว่า เรื่องนี้นางต้องมีส่วนเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อย”

“ไส้ศึกในกองทัพอาจจะไม่ใช่ฝีมือนางก็ได้” หลีโม่พูดขึ้น

ไม่ใช่เพื่อปกป้องกุ้ยไท่เฟย เพียงแค่รู้สึกว่ายังมีคนอื่นก็อาจเป็นได้

“ทั้งแถว นอกจากคนหนึ่ง ทั้งหมดโดนกัดหมด คนที่ไม่โดนกัด เป็นญาติห่างๆของนางที่นางฝากเข้ามา”

เมื่อหลีโม่ได้ยินดังนี้ ก็รู้ว่าเขาตรวจสอบมาแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม