ตอนที่ 265 ประกาศสงครามศัตรูหัวใจ
เมื่อผ่านการสำรวจจนเข้าใจ เจ้าเมืองโหรวเหยาและหมออีกหลายคนเพิ่งจะเดินทางมาถึงเมืองหลวง ได้ยินว่ามีโรคระบาดอีกทั้งยังไม่มีหมอคนไหนเข้ามารักษาคนป่วยที่นี่ จึงได้เสนอตัวเองเข้ามา
สำหรับอาสาสมัคร ในใจของหลีโม่รู้สึกนับถือและศรัทธา นอกจากเจ้าเมืองโหรวเหยาแล้ว สาเหตุหลักนี้ก็เพราะว่านางมีหน้าตาที่งดงามเกินไปและรู้ว่านางชอบซือถูเย้น
นางรู้ว่าไม่ว่าชายใดล้วนชอบสตรีแบบเจ้าเมืองโหรวเหยา ทั้งอบอุ่น ใจกว้าง มีเมตตา ดูแลคนป่วยอย่างสุดความสามารถ
ซือถูเย้นจะไม่ชอบเลยหรือ? คนขี้โกหก
ตอนที่ทำงาน แม่ทัพหลี่ถึงได้เห็นหลีโม่ทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน มากกว่างานที่ทำของหมอเหล่านั้น
นางต้องการให้การล้างแผลทั้งหมดใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่นางทำเอง หลังจากฆ่าเชื้อแล้วก็เห็นว่าบาดแผลสะอาดกว่าเมื่อก่อนมากจริงๆ อีกทั้งนางยังฝังเข็มให้กับผู้ป่วยทุกคนอีกด้วย
ตอนที่เจ้าเมืองโหรวเหยาเห็นนางฝังเข็มในตอนแรก ก็ยังหัวเราะเยาะนาง แล้วพูดว่า “นี่เจ้ายังเรียนรู้การฝังเข็มจากคนอื่นอยู่สินะ? ”
แต่เมื่อนางเห็นหลี่โม่แสดงความสามารถในการฝังเข็มแบบเฟยออกมา ตอนที่นางฝังเข็มลงบนหัวของผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง เสียงหัวเราะเยาะของนางก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปกลายเป็นความนับถือและศรัทธา
ลึกๆ ในใจของคนที่เรียนหมอล้วนมีความหยิ่งยโสอยู่ส่วนหนึ่ง แต่ในเวลาเดียวกันในใจก็มีความเคารพยำเกรงผู้ที่มีวิชาแพทย์สูงส่งด้วย
ผู้ป่วยห้าสิบกว่าคน หลีโม่ไม่เคยหยุดพักเลย ฝังเข็มอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่าสองชั่วยาม มีหลายคนที่ทนไม่ไหว แต่นางกลับดูคึกคักมีชีวิตชีวา
แม่ทัพหลี่ที่ในตอนแรกดูถูกหลีโม่เป็นอย่างมาก แต่ในตอนนี้เขายกฐานะของหลีโม่ขึ้นมาบ้างแล้ว
“การฝังเข็มมีประโยชน์หรือไม่? ” หลังจากที่หลีโม่ฝังเข็มเสร็จแล้ว เจ้าเมืองโหรวเหยาก็ยกข้าวต้มกับหมั่นโถวอีกสองสามลูกเข้ามาถามหลีโม่
หลีโม่ล้างมือเสร็จแล้วก็นั่งลง หยิบหมั่นโถวยัดเข้าไปในปากลูกหนึ่ง จากนั้นก็เปิดกล่องยาออกแล้วหยิบหนังสือออกมา เหล่านี้เป็นสมุดที่นางทำเอาไว้ก่อนหน้านี้ตอนที่นางช่วยรักษาหวางหยูและคนอื่นๆ หลังจากกินหมั่นโถวจนหมดแล้ว นางถึงได้พูดออกมาว่า “สามารถควบคุมความเร็วอาการของโรคได้เล็กน้อย หลังจากฝังเข็มแล้วสามารถดื่มน้ำได้ สามารถป้อนน้ำข้าวต้มให้ได้ นับว่ารักษาชีวิตของพวกเขาได้ชั่วคราว ทำให้พวกเราสามารถยืดเวลาในการหายาและวิธีรักษาออกไปได้”
“การฝังเข็มสามารถทำให้อาการของโรคเบาลงได้อย่างนั้นหรือ? ” เจ้าเมืองโหรวเหยาดูเหมือนไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด “เจ้ารู้ได้อย่างไร? หรือว่าเจ้าเคยเห็นคนที่ป่วยเป็นโรคผีดิบนี่อย่างนั้นหรือ? ”
“เมื่อก่อนไม่เคยเห็น แต่ก่อนที่ข้าจะมาที่พื้นที่ของโรคระบาด ข้าเคยรักษาผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคผีดิบนี้อยู่หลายคน หลังจากฝังเข็มแล้ว อาการของโรคนี้ก็เบาลง แต่ไม่ได้ทำให้หายดีเป็นปกติ”
เจ้าเมืองโหรวเหยาตะลึงงันไปครู่หนึ่ง “ก่อนที่เจ้าจะมาก็เคยรักษาแล้วอย่างนั้นหรือ? พื้นที่อื่นก็มีผู้ป่วยโรคผีดิบด้วยอย่างนั้นหรือ? ”
“ใช่ นอกจากหมู่บ้านก้อนหิน พื้นที่อื่นก็มีผู้ป่วยโรคผีดิบเช่นเดียวกัน” หลีโม่พลิกสมุดจดครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้นมามองเจ้าเมืองโหรวเหยา “ตอนที่พวกเจ้ามา บาดแผลของผู้ป่วยเหล่านี้เป็นอย่างไรบ้าง? พูดให้ข้าเข้าใจสักหน่อยจะได้หรือไม่? แล้วก็ขั้นตอนอาการโรคของพวกเขาด้วย ครั้งหนึ่งนานเท่าไหร่ถึงจะกำเริบ สภาพตอนที่กำเริบ ข้าอยากรู้ทั้งหมด จากนั้นจะได้ทำทำการเปรียบเทียบดู”
เข้าเมืองโหรวเหยาก็ดูเป็นมืออาชีพอย่างเห็นได้ชัด วางความแค้นส่วนตัวลง เอาหนังสือที่วางอยู่ข้างหน้าต่างส่งให้นาง “นี่เป็นสิ่งที่ข้าจดบันทึกเอาไว้หลังจากที่ข้ามา หลังจากที่ข้ามาที่นี่ ก็มีคนตายประมาณหกเจ็ดคนทุกวัน”
หกเจ็ดคน? เห็นได้ชัดว่านี่เป็นจำนวนหนึ่ง ก็หมายความว่า ครั้งแรกที่ปล่อยผู้ป่วยผีดิบลงมา ก็กัดคนคนไปหกเจ็ดคนในหนึ่งครั้ง
พวกเขาจะต้องเตรียมผู้ป่วยเอาไว้สามถึงสี่กลุ่ม หากนับรวมๆ แล้วก็ยี่สิบกว่าคน
อีกอย่างผู้ป่วยเหล่านี้ก็จะสิ้นใจ นี่ก็หมายความว่า ในระยะห่างของทุกครั้ง พวกเขาจะต้องจับคนที่มีชีวิตไปขังเอาไว้เพื่อให้พวกเขากลายเป็นผีดิบ เพื่อง่ายต่อการที่พวกเขาจะเอาไปปล่อยในพื้นที่อื่นได้อย่างต่อเนื่อง
หลีโม่ทำสัญลักษณ์ออกมา เรียกให้แม่ทัพหลี่เข้ามา “รบกวนท่านแม่ทัพหลี่ไปที่ตำหนักซือถูเย้น บอกกับท่านอ๋องว่าให้เขาเฝ้าระวังอยู่ในเมืองหลวงหรือไม่ก็นอกเมือง มีคนที่สูญหายในช่วงนี้”
“คนที่สูญหายในช่วงนี้” ท่านแม่ทัพหลี่ไม่เข้าใจอย่างเห็นได้ชัด
“เรื่องที่ท่านต้องบอกเขา เขารู้อยู่แล้ว” หลีโม่กว่า “งั้นก็ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” ท่านแม่ทัพหลี่ยกมือคำนับแล้วออกไป
แม่ทัพหลี่เพิ่งจะออกไป ซูชิงก็ถือเหล้าเดินเข้ามา พูดด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเรามาดื่มกันสักจอก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...