ตอนที่ 266 ทุ่งหญ้าถูกเผา
เจ้าเมืองโหรวเหยากล่าวอย่างโหดร้ายว่า “ข้าพูดไว้ตอนต้นแล้ว ว่าหากเจ้ากล้าจับปลาสองมือ ทางนี้ก็อยู่กับท่านพี่ ทางนั้นก็มีความสัมพันธ์กับซูชิง ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่นอน ”
หลีโม่มองไปที่นาง รู้สึกมึนงงเล็กน้อย ที่นางพูดมามันหมายความว่ายังไง? นางยอมให้นางอยู่กับซือถูเย้นอย่างมีความสุขงั้นหรือ? นางไม่ได้ชอบซือถูเย้นหรือ?
“เจ้าพูดให้มันชัดเจนกว่านี้หน่อย” หลีโม่กล่าว
เจ้าเมืองโหรวเหยาสีหน้าโมโห “ยังไม่ชัดเจนพออีกหรือ? เจ้ามารยาหญิงร้อนเล่มเกวียนเช่นนี้ ข้ารู้ว่าเจ้า หลอกล่อด้วยมารยาของเจ้า ทั้งยังวางแผนรักเล่นๆ อยู่ในใจ จิตใจของซูชิงนั้นไร้เดียงสา ถูกเจ้าหลอกได้ง่ายๆ แต่ข้าไม่ใช่ ข้ามองการเล่นละครของพวกเจ้าออกตั้งแต่แรก ถ้าเจ้าคิดจะหลอกซูชิงก็ต้องผ่านด่านข้าไปก่อน ”
หลีโม่ตอนนี้นับว่าฟังเข้าใจแล้ว “เจ้าไม่ได้ชอบท่านพี่ของเจ้าหรอกหรือ? ”
เจ้าเมืองโหรวเหยาตะลึงงันไปครู่หนึ่ง “ใครบอกเจ้าว่าข้าชอบท่านพี่? ”
“ก็ซูชิงไง! ”
“เหอะ นั่นมันเมื่อก่อน เมื่อก่อนข้าเคยชอบท่านพี่ แต่ตอนนั้นข้ายังเป็นเด็กไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร หลังจากรู้นิสัยของเขาแล้ว ข้าก็เปลี่ยนใจแล้ว” เจ้าเมืองโหรวเหยากล่าว
“นิสัยของเขามันเป็นอย่างไร? ไม่ใช่ดีมากหรือ? ” หลีโม่พูดแก้ตัวแทนคนที่ตนรักอย่างอดไม่ได้
“ดีมากงั้นหรือ? เจ้าบอกว่านิสัยของเขาดีมากใช่หรือไม่? ” เจ้าเมืองโหรวเหยาดูเหมือนได้ฟังประโยคที่น่าขำที่สุดในใต้หล้านี้
“ดีมากเลยล่ะ ทั้งเฉลียวฉลาดทั้งมีวิสัยทัศน์และละเอียดรอบคอบเหมือนกับฝุ่นละออง...”
“เจ้าหยุดก่อน” เจ้าเมืองโหรวเหยายกมือขึ้นห้าม “ข้าต้องถามให้แน่ชัดก่อน ท่านพี่ที่พวกเราคุยกันมาตลอด คืออ๋องซื่อเจิ้งซือถูเย้นใช่หรือไม่? ”
“ใช่! ”
เจ้าเมืองโหรวเหยารู้สึกสับสนไปหมดแล้ว “แต่ที่เจ้าบอกว่าเฉลียวฉลาด มีวิสัยทัศน์และละเอียดรอบคอบอะไรนั่นล้วนไม่ใช่เขาเลยนะ เขาเป็นคนใช้อำนาจเผด็จการอย่างโหดเหี้ยม ก้าวร้าว เจ้าเล่ห์ ทั้งยังชอบทำหน้านิ่งๆ ตลอดเวลา ที่เจ้าพูดมาคือซือถูเย้นจริงๆ หรือ? ”
หลีโม่หัวเราะเหอะๆ ขึ้นมา “นั่นเป็นแค่บางครั้งคราว แต่เวลาส่วนใหญ่เขาก็ยังคงเป็นคนดีมาก”
เจ้าเมืองโหรวเหยาเหลือบตามองนาง “เจ้าชอบเขาอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นเมื่อครู่ทำไมถึงพูดว่าเขาขอเจ้าแต่งงานหลายครั้ง ทั้งยังบังคับขู่เข็ญเจ้า ทั้งหมดนี้คือแต่งเรื่องงั้นหรือ? ”
หลีโม่ไหล่ตก ดูหดหู่ใจเล็กน้อย “ข้าโกหก ข้านึกว่าเจ้าชอบเขา ก็เลยตั้งใจพูดขู่เจ้า”
เจ้าเมืองโหรวเหยาหัวเราะออกมาเสียงดัง ความประสงค์ร้ายล้วนหายไปจนหมดสิ้น “ถ้าข้าชอบเขานั่นก็เป็นการวิ่งไปหาความโหดร้ายแล้ว”
“ไม่ใช่” หลีโม่ไม่ใช่คนที่ถูกไล่ง่ายขนาดนั้น “ตอนที่ซูชิงบอกว่าข้าเป็นว่าที่พระชายาของซือถูเย้น เจ้าก็เริ่มมีเจตนาร้ายกับข้า”
“นั่นก็เพราะว่าข้าเห็นซูชิงกำลังพยุงเจ้า จากนั้นเมื่อครู่เจ้ายังดื่มเหล้าเหยือกเดียวกันกับเขา...” เจ้าเมืองโหรวเหยาพูดอย่างไม่อายแม้แต่น้อยว่า “ข้าชอบซูชิง”
หลีโม่อุทาน “อ๋า” ออกมา “แล้วซูชิงรู้หรือไม่? ”
“แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าทึ่มหัวห่านผู้นั้นจะรู้หรือไม่เล่า? ข้าบอกเป็นนัยไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว แต่เขาก็ไม่เข้าใจ หรือว่าเขาเข้าใจ แต่เขาไม่ได้ชอบข้า รู้ว่าข้าเป็นหญิงหม้ายที่เคยถูกทอดทิ้งหรือเปล่า? ” เวลาที่เจ้าเมืองโหรวเหยาพูดออกมา ไม่ได้มีความเศร้าโศกเลยแม้แต่นิดเดียว
“เหตุใดเจ้าไม่สารภาพรักกับเขาไปตรงๆ เลยล่ะ? ” หลีโม่เอ่ยถาม
เจ้าเมืองโหรวเหยาส่ายหน้า “นี่คงไม่ดีหรอกกระมัง? หากเขาไม่ได้ชอบข้าล่ะก็ ต่อไปข้าก็คงไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขาแน่”
หลีโม่รู้ว่ายุคสมัยนี้ยังค่อนข้างเป็นพวกหัวโบราณอยู่ สตรีที่สารภาพรักกับบุรุษนั้นไม่ใช่ไม่มี แต่มีค่อนข้างน้อย
เหมือนเสี้ยโล่เยว่สตรีที่ไม่มียางอาย ก็พบเห็นไม่น้อย แต่นั่นคงไม่นับว่าสารภาพรักหรอกกระมัง? ได้แต่วางแผนก่อกวนคนอื่นไม่เลิกรา
แต่เมื่อได้รู้ว่าโหรวเอ๋อร์ผู้นี้ไม่ใช่คนที่คุกคามตน ในใจของหลีโม่ก็เหมือนมีหินก้อนใหญ่หล่นลงไป ช่วงนี้นางเป็นกังวลกับโหรวเอ๋อร์ผู้นี้มาโดยตลอด การดำเนินชีวิตก็ผ่านไปได้ไม่ดีนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...