พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 290

ตอนที่ 290 สายเชือกเตาปา

ซือถูเย้นขึ้นเหยียบเกาะคนบ้า เซียวโธ่กับหมอหลวงกำลังทำยา พอเห็นซือถูเย้นเข้ามา ก็เงยหน้ามองพูดว่า “หานางพบมั้ย?”

ซือถูเย้นส่ายหัว แล้วนั่งลง มองไปที่ยาที่กำลังถูกปั้น

สายตาของเซียวโธ่ก็ค่อยๆเศร้าลงไป “หาไม่เจอหรอ?”

ซือถูเย้นไม่พูดอะไร สีหน้าก็นิ่งๆ

เซียวโธ่เสียใจมาก “ข้าขอโทษ ที่ไม่อาจปกป้องนางไว้ได้”

ซือถูเย้นยิ้มมุกปาก คนที่ผิดต่อนาง ก็คือซือถูเย้น

เขาคาดเดาเรื่องต่างๆ แต่เขาเชื่อมั่นเฉินไท่จูนมากเกินไป นางบอกว่าจะส่ง12แม่ทัพตระกูลลเฉินไปช่วย เขาก็เลยวางใจว่าหลีโม่จะปลอดภัย

แต่ว่า เข้ากลับไม่รู้ว่า หลังจาก12แม่ทัพตระกูลลเฉินออกเมืองไปได้ไม่นาน ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา

เขารู้ว่าท่าไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่สามรถจะทิ้งเมืองหลวงไปได้

เซียวโธ่มองไปที่เขา “ ก่อนที่นางจะถูกคลื่นน้ำซัดไป พูดมาว่า ให้ข้าบอกกับท่านอ๋องว่า”

ซือถูเย้นเงยหน้า “นางบอกว่าอะไร?”

เซียวโธ่พูดเบาๆ “นางให้ข้าบอกกับท่านอ๋องว่า นางชอบเจ้า”

ความเจ็บปวดพุ่งขึ้นดวงตาของเขา เขายิ้ม ยิ้มแบบไร้เดียงสา คอก็แห้ง “ข้าคิดว่า ชาตินี้นางจะไม่พูดเสียแล้ว ”

“นางถูกธนูยิง นางรู้ว่าตัวเองคงไม่รอด ” เซียวโธ่ไม่เคยพูดเรื่องนี้ เพราะว่า ทุกคนล้วนมีความหวังว่านางจะรอด เลยไม่พูด

ซือถูเย้นหายใจไม่ทั่วท้อง “อะไรนะ? ”

“จริงๆ ตอนที่พวกเราหนีตาย มือสังหารยิงธนูมา แขนขวานางโดนยิง ข้าต้องพานางว่ายน้ำ นางไม่อยากเป็นภาระ ก็เลยดันข้าออกมาตอนมีน้ำวน ก่อนที่นางจะถูกน้ำวนลงไป นางบอกข้าว่า ให้ข้าหนีไปพร้อมกับสูตรยา แล้วให้ข้าบอกกับเจ้าว่า นางชอบเจ้า ” ตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจ ว่าทำไมอยู่ดีๆถึงมีน้ำวน

ความหวังในใจของซือถูเย้นถูกทำลายลง ในทะเลมันอันตรายมาก เขารู้ดี ขนาดไม่ได้รับบาดเจ็บยังรอดยาก แต่นี่นางได้รับบาดเจ็บด้วย

นางไม่น่าจะรอด

ความรู้สึกนี้ ทำให้ซือถูเย้นเจ็บปวดใจอย่างมาก

เขาลุกขึ้นยืน แล้วเดินจากไป

เซียวโธ่ก็ลุกขึ้น “ท่านอ๋องไม่ต้องหาแล้ว มีคนช่วยหานางมากมาย ถ้านางยังอยู่ ก็คงจะหาเจอแล้ว กลับไปเถอะ เมืองหลวงต้องการท่าน”

ซือถูเย้นไม่หันกลับมา แสงอาทิตย์ตกดินปกคลุมกายเขา แสงสีทองปกคลุมกายของผู้ที่โศกเศร้า

ตัดมาที่อำเภอแปนเหลียง

ที่นี่ห่างจากอำเภอจี้ชุนประมาณ30กว่าลี้ ที่นี่มีชาวประมงจำนวนมาก ล้วนออกทะเลทำมาหากิน

ทะเลของอำเภอแปนเหลียง มีอยู่เกาะหนึ่ง บนเกาะอันตรายมาก มีงูพิษอยู่ คนทั่วไปไม่ค่อยขึ้นเกาะนี้

บนเกาะนั้น มีหญิงสาวก่อกองไฟ กำลังย่างปลาที่หามาได้จากทะเล

แขนนางมีผ้าพันอยู่ เหมือนว่าจะมีแผลที่แขน

3วันก่อนหน้า ตอนที่นางฟื้นขึ้น ก็พบว่าอยู่บนเกาะนี้แล้ว นางลืมตาขึ้น ก็แทบตกใจตาย

นางนอนอยู่บนพื้นที่เต็มไปด้วยงูพิษเกล็ดสีทองแวววับ

แต่งูพวกนั้นไม่กัดนาง แต่เลื้อยอยู่รอบๆตัวนาง นางกลั้นหายใจลุกขึ้นนั่ง เห็นหญิงสาวคนหนึ่งนั่งหันหลังให้นาง

หลังจากนั้น3วัน การย่างปลาก็กลายเป็นงานของนาง

นางเคยลองอยากจะไม่ย่างปลา ผู้หญิงคนนั้นก็พูดว่า “ข้าช่วยเจ้า เจ้าก็คือคนใช้ของข้า ถ้าเจ้าไม่ทำ ข้าจะให้งูกินเจ้า”

นางไม่คิดว่างูพิษพวกนั้นจะกลืนกินคนได้ แต่ตอนที่นางเห็นผู้หญิงคนนั้นผิวปากเรียกงูเหลือตัวเท่าเอวนางเลื้อยมา นางก็เลยเชื่อ

ไม่ต้องพูดถึงนางคนเดียว ต่อให้มีเสี้ยหลีโม่10คน ก็สู้งูพวกนี้ไม่ได้

เมื่อวานมียายแก่ๆมา บอกว่าเป็นหญิงแก่ นางก๋ไม่ค่อยมั่นใจ เพราะใบหน้ามีผ้าปิดอยู่ เพราะเห็นแต่ชุดคนแก่ที่ใส่

แต่หญิงแก่คนนั้นค่อนข้างโอหัง วางมาด พอมาถึงก็เล่นกับงูเหลือม ไม่ทำงานอะไร ส่วนการหาปลาก็เป็นผู้หญิงอีกคนที่ทำ

และไม่เคยพูดคุยกับนาง แค่มองนางๆนิ่งๆ แล้วก็ไม่สนใจใคร

วันนี้ หลังจากหลีโม่ย่างปลาเสร็จ ก็เอาไปให้ผู้หญิงงูพิษ นางมองมา แล้วพูดว่า “เอาไปให้เหล่ากูกู”

เหล่ากูกูที่นางพูดถึง น่าจะเป็นผู้หญิงคนนั้น

หลีโม่ก็ได้แต่ถือปลาเดินไป เหล่ากูกูนั่งเอนหลังอยู่บนหาดทราย มีงูเหลือมนอนอยู่บนหัวนาง1ตัว นางเอางูเหลือมมาเป็นหมอนหนุน

หลีโม่กลัวงูเหลือมตัวใหญ่นั้น ได้แต่พูดอยู่ไกลๆว่า “เหล่ากูกู กินปลาสิ”

“อื้ม !” เหล่ากูกูมองนาง “เอาเข้ามา”

หลีโม่ได้แต่จำใจเดินเข้าไป โชคดีที่งูมันขี้เกียจ เมื่อรู้ว่านางไม่มีอันตราย ก็เลยไม่โจมตีนาง

นางนั่งยองยองลง เอาปลาที่ย่างเสร็จใส่ใบตองวางไว้บนหาดทราย “เหล่ากูกูเชิญรับประทาน”

เหล่ากูกูมองมือทั้งคู่ของนาง “แหวนของเจ้าสวยดีนิ ให้ข้าดูหน่อย ”

หลีโม่ไม่ถอดออก แล้วถามว่า “เหล่ากูกู ข้าขอบคุณมากที่พวกท่านช่วยข้าไว้ รอข้ากลับไปยังเมืองหลวงแล้ว ข้าจะเอาของมาขอบคุณท่าน แต่ว่า ส่งข้ากลับเมืองก่อนได้มั้ย?”

หลายวันแล้ว พวกนั้นคงจะเป็นห่วงนางแย่ หรือคิดว่านางตายไปแล้ว

เหล่ากูกูพูดเบาๆ “จะรีบทำไมกัน ? แผลเจ้ายังไม่หายดี พักสักหลายวันค่อยว่ากันใหม่”

“แผลข้าไม่เป็นอะไรมากแล้ว ไม่อักเสบแล้ว ” หลีโม่รีบพูด

เหล่ากูกูไม่พูดต่อ ปลาก็ไม่กิน และไม่ถามเรื่องจะเอาแหวนของนาง แต่นางค่อยๆปิดตาลง แล้วก็ไม่สนใจหลีโม่

ในใจหลีโม่รีบร้อนมาก แต่ก็ไปจากนี่ไม่ได้

นางเคยลองเดินออกไป แต่งูพวกนั้นเหมือนกับรู้เรื่อง ตอนที่นางจะออกไป ก็เลื้อยมาล้อมนางไว้ ชูคอแลบลิ้นออกมา น่ากลัวมาก

นางเริ่มกังวล กลัวว่าตนเองจะอยู่บนเกาะนี้ไปทั้งชีวิต

เช้าของวันที่2 นางตื่นขึ้นมา พบว่าแหวนของตนไปอยู่ที่นิ้วของเหล่ากูกูแล้ว

นางโกรธมาก “เหล่ากูกู แหวนนั่นเป็นของข้า เจ้าไม่ควรจะหยิบเอาไปเอง”

เหล่ากูกูยกมือขึ้นมาชื่นชมแหวนนั่น “ข้าก็ให้ของแลกเปลี่ยนกับเจ้าไปแล้วไง”

“ของอะไร?” หลีโม่อึ้งไป

แล้วก็เห็นหญิงงูพิษเอางูใส่มือมา “นี่ไง ”

นางเดินใกล้เข้ามา หลีโม่พบว่านั่นไม่ใช่งู แต่เป็นเชือกที่มีร่องรอยมากมาย

นางโกรธมาก “ไม่ได้ ข้าไม่แลก เจ้าเอาแหวนมาคืนข้าเถอะ”

“อย่าดูถูกเชือกอันนี้ มันมีชื่อว่า เชือกเตาปา ใช้ดีกว่าแหวนเจ้าอีก ” หญิงงูพิษกล่าว

หลีโม่อยากจะไปเอาแหวนคืน แต่งูเหลือมตัวนั้นก็ชูคอขึ้น แล้วก็เลื้อยอย่างน่ากลัวมาทางหลีโม่ หลีโม่ตกใจจนต้องคว้าเอาเชือกในมือของหญิงงูพิษไว้ “ได้ๆ แลกๆ ข้าแลก”

“อื้ม ถือว่าอยู่เป็น” เหล่ากูกูพอใจที่นางยอม

หลีโม่ถือเชือกเตาปาเส้นนั้น แล้วก็เดินกลับไปชายหาด

ช่างน่าโมโห อยู่ที่นี่มีแต่โดนรังแก จะหนีไปก็ไม่ได้

นางนั่งลงบนหาดทราย ชันเข่าขึ้น มันเศร้าอยู่ในใจ ซือถูเย้น เจ้าคงจะคิดว่าข้าตายไปแล้วละสิ? เจ้าจะมาตามหาข้ามั้ย? ถ้าเจ้าไม่มาตามหาข้า ข้าต้องตายอยู่ที่นี่แน่ๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม