ตอนที่ 292 อ๋องซื่อเจิ้งต้องอภิเษกสมรส
เจ้าเมืองโหรวเหยาตามขึ้นไปถามซือถูจิ้ง “ตามหาหลีโม่เจอแล้วหรือ? ”
ซือถูจิ้งส่ายหน้า “ยังไม่เจอ ข้าเพียงแต่พูดกับนางไปอย่างนั้น ให้นางตายไปด้วยความไม่สบายใจแค่นั้น”
ในสายตาโหรวเหยามืดสลัว “ข้านึกว่าเจอแล้วเสียอีก”
ซือถูจิ้งมองไปยังสภาพอันน่าสังเวชของหมู่บ้านสือโถว “นางจะต้องกลับมา”
เฉิงเสี้ยงเสี้ยหมดอำนาจ เกี่ยวข้องพัวพันกับคดีทุจริตมากมาย
จวนเฉิงเสี้ยงที่สูงส่งร่ำรวย ล้วนหนีไม่พ้นการทุจริตเหล่านี้
การขุดลึกของสิงปู้ ทำให้ขุดเอาหนูกลุ่มใหญ่ที่สมรู้ร่วมคิดออกมาได้ อีกทั้งเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ ตอนที่เฉิงเสี้ยงเสี้ยสวามิภักดิ์ต่อเหลียงไถ้ฝู้ ก็ล้วนอยู่ข้างกายแนะนำทีละอย่าง พูดได้ว่าเฉิงเสี้ยงเสี้ยหมดอำนาจ คนกลุ่มนี้ก็ต้องไปติดตามเหลียงไถ้ฝู้แทน
เหลียงไถ้ฝู้พอใจเฉิงเสี้ยงเสี้ย ไม่มีอะไรมากเป็นเพราะเส้นสายของเขาที่อยู่ในราชสำนัก ในเมื่อวันนี้ได้รับมาแล้ว แน่นอนว่าสามารถละทิ้งเฉิงเสี้ยงเสี้ยได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเก็บรักษาไว้อีก
เขาพอใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าโรคผีดิบจะทำให้การบริหารบ้างเมืองวุ่นวายจนสุดท้ายซือถูเย่ต้องมาจัดการแก้ไข
เหลียงไถ้ฝู้ไม่คาดคิดว่าซือถูเย่จะสามารถปราบปรามคนกลุ่มนี้ได้ พวกเขาล้วนดำรงตำแหน่งที่สำคัญ ต้องการที่จะตรวจสอบจริงๆ ก็ต้องจัดการและเปลี่ยนแปลงขุนนางในราชสำนักยกใหญ่
คนพวกนั้นล้วนเคยติดตามฮ่องเต้องค์ก่อนอีกทั้งติดตามคนของฮ่องเต้ ถ้าอ๋องซื่อเจิ้งกระทำการรุนแรงลงไป คงจะก่อให้เกิดความโกรธแค้นของมวลชนได้
แต่ว่าที่ทำให้เหลียงไถ้ฝู้ประหลาดใจมากก็คือ ซือถูเย่แม้นยังไม่ได้ลงโทษประหารเฉิงเสี้ยงเสี้ยก็ลงมือกับขุนนางกลุ่มนี้ก่อนแล้ว
ยังไม่ได้ให้สิงปู้ตัดสินคดี แต่ก็ได้เอาหลักฐานการกระทำผิดกองหนึ่ง โยนออกมาในตอนว่าราชกิจ
หลังจากนั้นก็ออกราชโองการ ให้ประหารโดยไม่ลดหย่อนโทษ
เล่ห์เหลี่ยมทางการเมืองที่ตรงไปตรงมานี้ ทำให้เหลียงไถ้ฝู้มองเห็นความโหดร้ายของอ๋องซื่อเจิ้งแห่งแคว้นเหลียงผู้นั้น
อีกทั้งเขาจัดการได้ดีมากอีกด้วย ไม่มีโคลนที่ติดน้ำ ไม่มีโอกาสให้ใครก็ตามแก้ต่าง แค่มีราชโองการออกไป ก็ตัดหัวไปสิบกว่าหัวแล้ว ล้วนเป็นขุนนางในราชสำนักขั้นสี่ขึ้นไปทั้งสิ้น
การกระทำที่โหดร้ายนี้ ก็ไม่เหมือนกับที่เขาคาดคะเนไว้ก่อนหน้า ก่อให้เกิดความโกรธแค้นของมวลชน แทนที่จะทำให้คนพวกนั้นตกใจ
ก่อนหน้านี้ขุนนางที่รักษาความเป็นกลางไว้ หรือแม้กระทั่งคนที่จองหองกับอ๋องซื่อเจิ้ง ก็กลับเลื่อมใสตามๆ กันมา ส่วนมากประสงค์จะนับถือเขาเป็นสำคัญ
อีกทั้งความคาดหวังของราษฎรต่อซือถูเย่ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ราษฎรมีความเคารพเลื่อมใสเขาเป็นอย่างมาก
เหลียงไถ้ฝู้เริ่มตื่นตระหนก
หลังจากคนที่เป็นโรคผีดิบได้กินยาไปแล้ว ก็ล้วนหายเป็นปกติ เสี้ยหลีโม่ยังคงไม่ทราบเบาะแส
ทุกอย่างค่อยๆ กลับมาตามลำดับ การตามหาเพื่อช่วยชีวิตทางน้ำก็ล้มเลิกไปแล้ว มีเพียงซือถูเย่ที่ยังคงส่งคนออกไปตามหา
ท้องพระโรงเช้านี้ หลังจากซือถูเย่ว่าราชกิจเสร็จ ก็ปฏิบัติตามปกติทุกอย่างเตรียมตัวจะประกาศให้จบการว่าราชกิจ
แต่ทว่า นอกตำหนักมีเสียงตะโกนเข้ามา “ฮองไทเฮาเสด็จ! ”
ซือถูเย่เงยหน้าขึ้น ก็เห็นฮองไทเฮาที่มีซุนกงกงเดินอยู่ข้างๆ เข้ามา
ขุนนางทั้งหลายคุกเข่าทำความเคารพ “ถวายบังคมฮองไทเฮา! ”
ฮองไทเฮาอมยิ้มเดินเข้ามา ในมือของซุนกงกงถือราชโองการฉบับหนึ่ง ลักษณะท่าทางเคารพและรอบคอบอย่างยิ่ง
หลังจากฮองไทเฮาเข้าไปนั่ง ก็มองดูซือถูเย่แวบหนึ่งก่อน แล้วค่อยมองไปยังขุนนางทั้งหลายแล้วพูด “ขุนนางทั้งหลายลุกขึ้นเถิด! ”
ขุนนางทั้งหลายขอบพระทัยแล้วลุกขึ้น ล้วนมึนงงไปตามๆ กัน ฮองไทเฮามาทำอะไรกัน?
ซือถูเย่ก็มองฮองไทเฮา “หมู่ฮ่องมาถึงท้องพระโรง มีเรื่องอะไรหรือ? ”
ฮองไทเฮาพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็ไม่ได้มีเรื่องอันใดหรอก ข้าเพียงแค่มาแจ้งราชโองการ”
“ราชโองการ? ราชโองการของใคร? ”ซือถูเย่หวาดกลัวเล็กน้อย
เหล่าขุนนางก็ต่างพากันมองหน้ากัน เป็นราชโองการของฮองไทเฮาหรือว่าฮ่องเต้จะฟื้นแล้ว?
ฮองไทเฮาบีบมือ แล้วพูดกับซุนกงกง “ประกาศราชโองการเถอะ! ”
ซุนกงกงเดินไปด้านหน้าก้าวหนึ่ง เปิดราชโองการที่ถืออยู่ในมือ ค่อยๆ เปิดต่อหน้าเหล่าขุนนาง แล้วอ่าน “บรรดาขุนนางเล็กใหญ่ทุกท่าน ข้าออกจากไปเมืองหลวงจนถึงทุกวันนี้ เป็นเวลาสามสี่ปีหรืออาจจะห้าหกปีแล้ว อาจจะเป็นไปได้ว่าสิบยี่ปีแล้ว ข้าก็มีอายุมาก สมองเลอะเลือน จำไม่ค่อยได้แล้ว แต่หากว่าขุนนางทั้งหลายยังจำข้าได้ ก็โปรดให้เกียติหลังจากนี้สามวัน แสดงความยินดีกับตำหนักอ๋องซื่อเจิ้ง พร้อมอวยพรให้การอภิเษกสมรสของเหลนข้าซือถูเย่ด้วย เป็นเพราะเวลาค่อนข้างฉุกละหุก พิธีอภิเษกอาจจัดเตรียมได้ไม่เต็มที่ สุราอาหารบางเบา ก็ขอให้ทุกท่านนำของขวัญและจิตใจที่ไม่รังเกียจมาดื่มสุราสักจอก กล่าวโดยฮ่องเต้! ”
ได้ฟังราชโองการนี้จบ ทุกคนต่างพากันมองหน้า คนที่มอบราชโองการนี้เป็นฮองไทเฮาหรือไม่?
อีกทั้งนี่นับเป็นราชโองการหรือ? แต่หากไม่นับสองคำสุดท้ายที่ว่ากล่าวโดยฮ่องเต้นั้น นับเป็นอะไรกัน? นี่ไม่ใช่ราชโองการแจ้งสมรสพระราชทาน นี่คือราชโองการให้ทุกคนไปดื่มสุรามงคล อีกทั้งบนราชโองการพูดไว้แล้วว่า ไม่มีของกินดีๆ อะไรให้กิน แต่ว่าเหลนกลุ่มนี้ของพวกเจ้าต้องถือของขวัญล้ำค่าไป ใครที่ทำเรื่องน่าละอายเช่นนี้?
ไทเฮาเป็นแน่!
ไทฮองไทเฮาเคยจัดฉากงานศพมาก่อน ได้ฝังดินลงไปแล้ว มีขุนนางชั้นผู้ใหญ่มากมายที่รู้ว่าไทฮองไทเฮายังไม่ตาย เพียงแค่อำลาราชวงศ์อำลาราชสำนักไปแล้ว
แต่พระราชเสาวนีย์ที่ปรากฏนี้ แฝงความหมายว่านางจะกลับมาอีกครั้งใช่หรือไม่?
อีกทั้ง ซือถูเย่ต้องอภิเษกสมรสแล้วเจ้าสาวเป็นใครกันเล่า? เมื่อรู้ว่าคุณหนูใหญ่เสี้ยหลีโม่ตายไปแล้ว จะแต่งงานก็ต้องมีเจ้าสาวสิ
ทุกคนมองไปยังฮองไทเฮา แล้วก็ไปทางซือถูเย่ เห็นลักษณะท่าทางตะลึงงันของเขา คล้ายกับไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกัน นี่ช่างแปลกประหลาดแล้ว หรือว่าแม้กระทั่งเจ้าสาวเองก็ยังไม่รู้ว่าตนต้องแต่งงาน?
ซือถูเย่ยืนขึ้นพูดกับฮองไทเฮา “หมู่ฮ่อง พวกเราไปพูดคุยเป็นการส่วนตัวสักหน่อย”
ฮองไทเฮารู้ว่าเขาเต็มไปด้วยความสงสัย ก็พูด “จบการว่าราชกิจ”
หลังจากเหล่าขุนนางออกไป ซือถูเย่ออกคำสั่งให้ปิดประตูตำหนัก นอกจากซุนกงกง ทุกคนล้วนให้ออกไป
“หมู่ฮ่อง เหลาจู่จงมีราชโองการนี้มามีความหมายอันใดกัน? ข้าต้องอภิเษกสมรส? แต่งกับใคร? ”ซือถูเย่ถาม
ฮองไทเฮาส่ายหน้า “ไม่รู้ พูดตามจริง ตอนที่ข้าได้รับราชโองการนี้มาก็เหมือนกับเจ้า เต็มไปด้วยความสงสัย นอกจากราชโองการฉบับนี้ ยังมีอีกฉบับที่ให้ข้ามา ให้ข้าภายในสามวันนี้จัดเตรียมงานอภิเษกให้เจ้า แบบแผนของงานอภิเษกให้จัดเตรียมเหมือนขององค์ชาย สามวันฉุกละหุกขนาดนี้ จะจัดให้เหมือนแบบแผนขององค์ชายได้อย่างไรกัน? นี่ช่างทำให้ข้าปวดหัวจริงๆ ”
“แล้วเจ้าสาวละ? ”ซือถูเย่ถาม
“เจ้าอ่านดู”ฮองไทเฮาหยิบราชโองการอีกฉบับออกมา ราชโองการฉบับนี้มอบให้นาง
ซือถูเย่รับมาอ่าน คำพูดชัดเจนในราชโองการ เจ้าสาวเป็นใครนั้นไม่จำเป็นต้องสืบหา ยังไงฐานะก็เป็นอ๋องซื่อเจิ้งของราชวงศ์ จำเป็นต้องอภิเษกสมรส ต้องมีลูกหลานสืบต่อไปนั่นคือหน้าที่ของเขา
ซือถูเย่อดไม่ได้ที่จะยิ้มเศร้า “ไม่ ข้าไม่แต่ง ข้าจะไปโดยหานสักครั้ง”
“ท่านอ๋อง ไทฮองไทเฮาไม่ได้อยู่ที่โดยหาน”ซุนกงกงพูด
“ไปที่ไหนแล้ว? ”ซือถูเย่ถาม
“กระหม่อมก็ไม่ทราบ”ซุนกงกงพูดอย่างเสียใจ
ซือถูเย่พูดอย่างเคืองโกรธ “เหลาจู่จงจะทำเยี่ยงนี้ได้อย่างไร? มีราชโองการมาให้ข้าอภิเษกก็ต้องอภิเษก แต่กลับไม่ถามข้าว่าอยากอภิเษกหรือไม่”
ฮองไทเฮาพูดโน้มน้าว “ไม่ว่าอย่างไร ราชโองการนี้ในที่สุดเจ้าก็ต้องทำตาม เหลาจู่จงคงไม่พูดส่งเดชให้เจ้าไปแต่งกับสตรีนางหนึ่ง สตรีผู้นี้สามารถทำให้นางให้ความสำคัญได้ แน่นอนว่าต้องโดดเด่นมากแน่นอน”
“จะโดดเด่นมากมายขนาดไหนข้าก็ไม่ต้องการ”ซือถูเย่พูดความแค้นใจ
“ข้ารู้ว่าเจ้ายังโหยหาเสี้ยหลีโม่ เจ้าก็ยังไม่ได้ตายใจ คิดว่านางจะกลับมา แต่ว่าเจ้าและข้าล้วนรู้ดี นี่เป็นไปไม่ได้ เจ้าสามารถเก็บนางไว้ในใจได้ ในที่สุดวันเวลาผ่านไป จะพูดไปเจ้าก็ต้องแต่งงานอยู่ดี บางทีแต่งงานไป แล้วมีลูก สภาพจิตใจของหมู่เฟยเจ้าอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ถึงอย่างไรเสีย อายุก็มากขึ้นแล้ว ก็คงโหยหาชีวิตที่ได้อยู่กับหลานในยามแก่ ควรให้นางหาที่ฝากฝัง ให้ลืมความทะเยอทะยานที่ไม่ควรมีอยู่พวกนั้นให้หมดสิ้นไป”
ซือถูเย่พูดอย่างเย็นชา “ไม่ ข้าไม่ยอม”
ฮองไทเฮาส่ายหน้า “เด็กโง่ เจ้าน่าจะรู้ เรื่องที่เหลาจู่จงอยากทำ ไม่มีเรื่องใดที่นางทำไม่ได้ อยู่ๆ นางก็ออกราชโรงการนี้มา เจ้าก็จำเป็นต้องอภิเษก เจ้าจะอกตัญญูต่อนางไม่ได้ หากเจ้าไม่เชื่อฟังนาง ก็ระวังนางจะส่งใบหน้าที่มีรอยแผลมาให้เจ้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม