พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 293

ตอนที่ 293 ไทฮองไทเฮา

ซือถูเย่รู้ว่าที่ฮองไทเฮาพูดนั้นล้วนเป็นเรื่องจริง แต่ว่าเขาไม่อาจแต่งงานในเวลานี้ได้

“หมู่ฮ่องไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว ถ้าเหลาจู่จงยึดมั่นในความคิดตนเองแล้วมาบังคับกัน ข้าจะออกจากเมืองหลวง โยนทิ้งขว้างทุกอย่างให้หมด ให้คนแก่อย่างนางกลับมาเก็บกวาดเถอะ ”พูดจบก็เดินออกไปจากตรงนั้น

ฮองไทเฮายิ้มอย่างข่มขื่น “เด็กคนนี้ ดื้อรั้นหัวแข็งยิ่งนัก! ”

ซุนกงกงพูดอย่างกังวล “ไม่รู้ว่าเหลาจู่จงทำไมถึงได้มีราชโองการนี้มา? จะให้อภิเษกกับผู้ใดก็ไม่พูดให้ชัดเจน ทำให้คนกังวลอย่างมาก”

“นั่นสินะ? นางไม่สนใจเรื่องราชสำนักมาหลายปีแล้ว เกรงว่าคงผ่านวันเวลาที่สงบสุขมาเต็มอิ่มแล้ว กลับมาหาเรื่องทำสักหน่อย แต่นางก็รู้นิสัยของเย้นเอ๋อร์ดี จะบังคับเขาได้อย่างไร? จริงๆ เลยสิ”ฮองไทเฮาก็บ่นออกไปเยอะ

อำเภอแปนเลียงแบ่งเกาะเล็กออกเป็นสองส่วน

วันนี้เช้าอาซื๋อโผจือกับเหล่ากูกูล้วนไม่อยู่ นางเลยอยากจะแอบหนีไป แต่งูเหลือมของเหล่ากูกูตามนางตลอด นางเดินไปก้าวหนึ่ง งูเหลือมก็ตามมาก้าวหนึ่ง นางอยากจะกระโดดลงน้ำไป งูเหลือมก็โผเข้าไปพานางมาวางลง รัดจนนางไม่สามารถเดินได้

หลีโม่ยกมือยอมแพ้ “ได้ ข้าไม่หนีแล้ว! ”

งูเหลือมคล้ายกับฟังนางเข้าใจ ค่อยค่อยคลายออก แต่ว่ายังคงเหมือนภูเขาที่ม้วนอยู่บนร่างกายนางไม่ปาน

หลีโม่นั่งอยู่บนหาดทราย เท้าคางมองสัตว์ใหญ่ยักษ์นี้ “เจ้าพูดสิเจ้าเป็นงูอยู่ดีๆ ทำไมต้องเคารพเชื่อฟังมนุษย์ละ? ”

งูเหลือมไม่ขยับเขยื้อนจ้องมองนาง ก็ไม่รู้ว่ามองนางอยู่หรือไม่ อย่างไรก็ไม่มีการโต้ตอบ

“นายของเจ้าไปไหนแล้วละ? พวกนางเป็นใครกัน? ที่นี่ไม่เหมือนกับที่ที่พวกนางอาศัยอยู่”ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้หลีโม่วิ่งไปทั่วเกาะนี้แล้ว แน่นอนว่ามีงูติดตามไปด้วย

ที่นี่ไม่มีอะไรมากมาย มากสุดคืองูพิษ แรกเริ่มนางยังหวาดกลัว จนค่อยๆ รู้สึกว่าไม่มีอะไรน่ากลัว

หลีโม่ถามแบบนี้ แน่นอนว่าไม่ได้คาดหวังว่างูเหลือมจะตอบนางกลับ เบื่อจะตายแล้ว แกะร่องรอยแผลจากดาบที่อยู่บนแขน รอยแผลจากดาบนี้อัปลักษณ์มากจริงๆ มีสีเหลืองอ่อนทั้งแผล ไม่ เป็นสีโคลน ไม่ เอาสีขี้มาบรรยายค่อนข้างเห็นชัดหน่อย มีรอยแผลเป็นจากถูกดาบฟันหลายที่ แต่ว่าไม่ขาด ดูไปแล้วสกปรกมาก ถูกกระแทกทำให้อัปลักษณ์มากจนไม่อาจเปิดเผยได้

เชือกเส้นใหญ่ที่อัปลักษณ์ขนาดนี้ ก็ยึดเอาความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของนางแลกเปลี่ยนไปแล้ว หญิงชราสองคนนี้เป็นโจรมาก่อนหรือ?

โจรสองนางนั้นค่ำแล้วถึงจะกลับมา หลังจากกลับมา ก็ทิ้งกล่องกล่องหนึ่งไว้ให้นาง อาซื๋อโผจือพูดกับนางว่า “หลังจากนี้สามวัน เจ้าก็เปลี่ยนไปใส่ชุดนี้ซะ”

เมื่อหลีโม่เปิดดูเป็นชุดเจ้าสาวสีทองระยิบระยับ สาดใส่สายตาสุนัขโลหะของนางจนพร่ามัว

แต่ว่านี่ไม่ใช่จุดสำคัญ จุดสำคัญคือ.......

“ชุดเจ้าสาว? ทำไมข้าต้องสวมชุดเจ้าสาวด้วย? ”หลีโม่ถาม

“คนชราที่ยังไม่ตาย…...เจ้านายของข้าพอใจเจ้าแล้ว จะให้เจ้าแต่งงานกับเหลนที่โง่มากของนาง”อาซื๋อโผจือพูดด้วยเสียงเย็นชา

ในใจของหลีโม่คล้ายกับมีม้ามากมายวิ่งทะยานเข้ามา ความโกรธพรั่งพรู แต่แสดงความโกรธออกไปไม่ได้ “เป็นพระคุณอย่างสูงที่ผู้อาวุโสให้เกียรติ ความจริงข้าไม่คิดว่าจะได้รับความโปรดปราน แต่ว่าข้ายังไม่มีความคิดจะแต่งให้ใคร อีกทั้งตัวข้าเองรู้สึกว่าไม่เหมาะสมกับตระกูลของพวกท่าน......คนโง่มากคนนั้น พวกท่านได้โปรดเลือกภรรยาที่เพียบพร้อมคนอื่นเถอะ! ”

อาซื๋อโผจือเหลือบมองนางแวบหนึ่ง “แน่นอนว่าเจ้าไม่เหมาะสม เจ้านายของพวกเรามองเจ้าสูงส่งไป มอบโชคนี้ให้เจ้า เจ้าก็ขอบพระคุณเถอะ! ”

หลีโม่พยักหน้า“ข้าขอบพระคุณ ขอบพระคุณ แต่ว่าความจริงแล้วข้ามีการหมั้นหมายไว้แล้ว”

“นั่นมันเรื่องของเจ้า”อาซื๋อโผจือพูดจบก็หันตัวเดินออกไป

เหล่ากูกูยังคงนั่งอยู่บนหาดทราย บนใบหน้าปกคลุมไปด้วยความอ่อนโยน ลูกตากวาดไปบนใบหน้าหลีโม่ด้วยความเย็นชา แต่ก็ไม่สนใจนาง เรียกอาซื๋อโผจือมานั่งข้างๆ นาง คล้ายกับต้องการสนทนาก็ไม่ปาน

หลีโม่อยากเข้าใกล้ไปฟังด้วย อาซื๋อโผจือกลับทิ้งเสียมให้นางอันนึง “ไปหาปลาซะ”

หลีโม่ถือเสียมเดินไปข้างหน้าหลายก้าว ทันใดนั้นก็หันกลับมาทิ้งเสียมไว้บนพื้นด้วยความโหด แล้วพูดด้วยความโกรธ “พวกท่านพอแล้ว ข้าอดทนกับพวกท่านมานานแล้วนะ พวกท่านเป็นใครกันแน่? ทำไมต้องผูกมัดข้าไว้ที่นี่ด้วย? ”

“ไปหาปลาซะ! ”อาซื๋อโผจือพูดอย่างเย็นชา

“ข้าหาผีท่านสิ ถ้าพวกท่านยังไม่ยอมปล่อยข้าไป คู่หมั้นข้ารู้เข้าไม่ยอมปล่อยพวกท่านไปแน่”หลีโม่เกรี้ยวกราด ใช้คำหยาบโดยไม่คาดคิด ความจริงก็คือสมองลุกเป็นไฟแล้ว ถึงแม้จะมีพระคุณที่ช่วยชีวิตไว้ แต่ก็ไม่สามารถเอาตัวนางไปแต่งงานกับเจ้าคนโง่คนหนึ่งเช่นนี้ได้

“ภูมิหลังของคู่หมั้นนางยิ่งใหญ่มากหรือไม่? ”เหล่ากูกูมองอาซื๋อโผจือแล้วถาม

อาซื๋อโผจือพูด “นับว่ายิ่งใหญ่อยู่นะ เป็นอ๋องซื่อเจิ้ง”

หลีโม่สูดอากาศให้ผ่อนคลาย พวกนางรู้? พวกนางเป็นใครกันแน่? รู้แม้กระทั่งคู่หมั้นของนางคืออ๋องซื่อเจิ้ง ทำไมยังจะก่อกวนให้นางแต่งกับเหลนที่โง่มากของนางอยู่อีก?

คนของกุ้ยไทเฟย? คนของนายหญิงแก่? หรือเหลียงไถ้ฝู้?

บ้าจริง คู่อริเยอะเกินไปแล้ว

หลีโม่คิดได้ถึงตรงนี้ ทันใดนั้นก็หยิบเสียมขึ้นมา แล้วโผเข้าโจมตีไปยังอาซื๋อโผจือ

หลังจากเสียง“ตุบตุบตับตับ”นั้น หลีโม้ก็ถือเสียม เดินไปหาปลาด้วยความเชื่อฟัง

ครึ่งบนของนางโผล่เหนือน้ำทะเล ใช้น้ำล้างหน้าบวมแดงและศีรษะ แล้วกัดฟันพูด “คนแก่นี้ ลงมือได้โหดเหี้ยมจริงๆ ”

อีกทั้งอาวุธของฝ่ายตรงข้าม คาดไม่ถึงว่าเป็นเพียงรองเท้าลายปัก

ปกตินางทำงานเป็นหมอทหาร ถูกเพียงแค่รองเท้าลายปักตีจนน่าสงสาร คนที่ตียังเป็นเพียงโผจือคนหนึ่ง น่าอายเสียจริง

ช่างน่าโมโห!

ตอนนางหาปลา อาซื๋อโผจือนั่งข้างๆ เหล่ากูกู เท้าคางมองหลีโม่ที่หาปลาอยู่ในทะเล “เด็กสาวผู้นี้ อารมณ์ดุร้ายพอตัวเลยนะ”

“ถ้านิสัยไม่ดุร้าย จะจัดการเหลนชายที่โง่เขลาของข้าได้อย่างไร? ”เหล่ากูกูพูดอย่างเย็นชา

“ข้าไม่ได้ดื่มสุรามงคลมานานมากแล้ว”อาซื๋อโผจือถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย “แต่ว่า ตอนนี้ข้าอยากเห็นที่สุดก็คือใบหน้ากลมเล็กที่เต็มไปด้วยความโมโหนั้นของเหล่าชี น่ารักเป็นที่สุดเลย”

เหล่ากูกูออกเสียงหึ “เจ้าคิดว่าเขายังเป็นเด็กน้อยอยู่หรือ? เด็กคนหนึ่งเพียงแค่เกินหกขวบ ก็ไม่น่ารักแล้วทั้งนั้น”

“พูดเช่นนั้นก็ไม่ได้ มองผ่านความสัมพันธ์กับหมู่เฟยของเขาหรือยัง? ”สายตาของเหล่ากูกูเย็นชา “ในวันนั้นที่นางเข้ามาในวัง ข้าก็ไม่ชอบนางแล้ว คนคนหนึ่งมีหรือไม่มีความทะเยอทะยาน มองจากสายตาก็ดูออกแล้ว ข้าสามารถจัดการงานอภิเษกครั้งนี้ได้ ถึงอย่างไรวันนี้เขาก็เป็นอ๋องซื่อเจิ้ง การอภิเษกที่ทำพอให้พ้นๆ ไปไม่ยุติธรรมต่อเขาแล้ว”

“ใช่แล้ว หลังจากเสี้ยหลีโม่กลับไป จำเป็นต้องเป็นพระชายาซื่อเจิ้ง ถึงจะต่อสู้กับนางได้สักฉาก มิฉะนั้นแล้วละก็ รอฮองไทเฮาผู้นั้น ไม่รู้ว่าเรื่องการอภิเษกนี้จะสามารถกำหนดขึ้นมาเมื่อใด อีกทั้ง การแต่งงานที่ไม่มีกำหนด กุ้ยไทเฟยนั้นก็ลงมือได้ พลิกไปพลิกมาแบบนี้ ไม่รู้จะต้องต่อสู้จนถึงปีไหนเดือนไหนกัน? เกรงแค่ว่าปีหน้าก็ยังไม่มีหนทางจะได้อภิเษก”

“เรื่องการอภิเษกนี้ เดิมทีข้าไม่อยากจะยุ่ง แต่เหล่าชีไม่อาจรับมือกับความทะเยอทะยานของหมู่เฟยของเขาได้ เขายังมีเรื่องที่เขาต้องทำ สตรีผู้นั้นก็ให้เสี้ยหลีโม่ไปจัดการแทนเขาละกัน สตรีกับสตรีลงมือจะค่อนข้างโหดร้าย เย้นเอ๋อร์ก็ไม่ต้องแบกภาระชื่อเสียงความอกตัญญูไว้ ราชวงศ์แคว้นต้าโจวของข้า ถ้าจะถูกสตรีผู้นี้วุ่นวายก่อกวนราชวงศ์อีก คงจะต้องบุกรุกอย่างป่าเถื่อน ในเมื่อวันนี้ตกอยู่ในอันตราย ทำเพียงแค่โกรธเกียจคนพวกนั้น สายตาก็พร่ามัวจนมองไม่เห็นแล้ว”

เหล่ากูกูผู้นี้ ก็คือไทฮองไทเฮาองค์ปัจจุบัน เมื่อก่อนคือบุตรสาวของหลงเสียง หลงจ่านเย๋น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม