พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 300

ตอนที่ 300 ในที่สุดก็ได้อภิเษก

หลังจากที่ซือถูเย่กับเสี้ยหลีโม่เข้าไปอาบน้ำออกมาแล้ว ทุกคนเห็นเจ้าสาวก็คือเสี้ยหลีโม่ ต่างก็ตะลึงกันไปหมด

มีคำวิจารณ์คาดเดาต่างๆ นาๆ ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคืองานอภิเษกจะยังคงดำเนินต่อไปไหม?

หากยังดำเนินต่อ แล้วชุดแต่งงานล่ะจะไปเอาที่ไหนมา?

ท่ามกลางผู้คน มีเสียงนุ่มนวลอ่อนโยนดังขึ้น “เมื่อก่อนคุณหนูใหญ่กับอ๋องเหลียงเคยแต่งงานกันหนึ่งครั้งไม่ใช่หรือ? ชุดแต่งงานนั้นยังอยู่ไหม? ”

ทุกคนหันไปมอง คนที่พูดขึ้นก็คือเฉินหลิ่วหลิ่ว

นางเห็นผู้คนมากมายหันมามองนาง นึกว่าตัวเองพูดอะไรผิด รีบโบกไม้โบกมือ “ข้าแค่เสนอความคิดเห็น จะไม่พิจารณาก็ได้”

ไทฮองไทเฮาตรัสสั่งขึ้นว่า “เอาตามนี้แหละ”

แต่แล้วก็ยังมีอีกปัญหาหนึ่ง ชุดเจ้าบ่าวของอ๋องเหลียงยังดีอยู่ แต่ชุดเจ้าสาวของหลีโม่นั้นขาดแหว่งเป็นร้อยๆ รู

ชุดเจ้าสาวนี้ ทำให้ภาพอันอนาถผุดขึ้นมาให้เห็นอีกครั้ง หลีโม่คิดไม่ถึงว่า ไปๆ มาๆ ยังจะได้ใส่ชุดเจ้าสาวชุดนี้อภิเษก

นางไม่ค่อยเต็มใจ

ไทฮองไทเฮาได้ยินคำปฏิเสธของนาง จึงเรียกนางไปพบ “หากเจ้าไม่อยากใส่ชุดเจ้าสาวชุดนี้ งั้นก็เลื่อนวันออกไป ข้าจะสั่งให้คนเย็บชุดเจ้าสาวให้เจ้าใหม่ สักสามเดือนห้าเดือนก็น่าจะแล้วเสร็จ”

หลีโม่ได้ฟังดังนั้น ก็เอาชุดเจ้าสาวร้อยรูนั้นมาอุ้มไว้ พูดขึ้นอย่างว่าง่ายว่า “ทำชุดเจ้าสาวตัวใหม่ต้องสูญเงินทองไม่น้อย สิ้นเปลืองเช่นนี้ต่อไปอาจมีคนเอาไปพูดได้ ในเมื่อมีที่เสร็จแล้ว ให้นักปักเย็บรีบช่วยซ่อม อย่าให้โชว์เนื้อหนังก็พอ”

“ขาดแหว่งขนาดนี้ ยังไงก็ต้องโชว์แหละ” อาซื่อกูกูพูดขึ้นอย่างใจดี

หลีโม่อดกลั้นความโกรธ แล้วพูดขึ้นว่า “โชว์นิดโชว์หน่อยไม่เป็นไร”

หากต้องรออีกสามเดือนห้าเดือน นางยอมเปลือยร่างเข้าพิธีอภิเษกดีกว่า บ้าที่สุด งานอภิเษกนี้ช่างน่าน้อยใจยิ่งนัก

อาซื่อส่ายหัว พูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “เสี้ยหลีโม่ เจ้าช่างเป็นคนมีเหตุผลรู้กาลเทศะยิ่งนัก”

หลีโม่กลืนความอดกลั้นเข้าไปอีกหนึ่งอึก พูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ประหยัดมัถยัสถ์ ควรเริ่มจากพวกเราก่อน”

นางกลับมาแล้วถึงรู้สถานะของคนทั้งสอง จะไม่ชื่นชมนับถือไม่ได้ แต่ในใจนางเกลียดมาก ยังดีมีแค้นต้องชำระ สิบปีก็ยังไม่สาย

นางไม่รีบร้อน

ตอนที่นางหันไป ได้ยินอาซื่อพูดกับไทฮองไทเฮาว่า “นางกลัวตัวเองจะไม่มีคนเอาขนาดไหนเนี้ย? ”

ยัง กลืนความอดกลั้นเข้าไปอีกหนึ่งอึก ความแค้นนี้ ร้อยปีค่อยชำระก็ไม่สาย เจ้าแก่ขนาดนั้น ยังไงก็ตายก่อนข้าแน่นอน

เรื่องราวที่เกิดขึ้นในงานอภิเษกถูกเล่าขานออกไป อ๋องเหลียง อ๋องอันชิน ซือถูจิ้ง และยังมีนายอำเภอตันชิงที่ก่อนหน้านี้ไม่มา ต่างก็มาร่วมงาน

ซือถูจิ้งมองเห็นเซี่ยวเซี่ยว ก็มองหาเงาร่างของอีกคนอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่หาไม่เจอ ก็เลยโล่งอกไปที

อ๋องเหลียงที่ยืนอยู่ข้างๆ นางพูดขึ้นว่า “เจ้าวางใจเถอะ เขาไม่เคยพานางออกมา”

ซือถูจิ้งหันหน้าไป ทำเป็นไม่ได้ยิน

ตามหลักแล้ว หลีโม่ต้องกลับไปจวนเฉิงเสี้ยงก่อน เริ่มแต่งออกมาจากจวนเฉิงเสี้ยง

แต่ไทฮองไทเฮาเห็นว่าไม่จำเป็นต้องวุ่นวายขนาดนั้น หาห้องว่างห้องหนึ่งให้หลีโม่ได้แต่งตัวอยู่ในจวนอ๋อง แล้วให้เจ้าบ่าวไปรับเจ้าสาวที่ห้องนี้ก็พอ

ผู้ดูแลภายในจวนไปถามไทฮองไทเฮาว่า “ฤกษ์งามยามดีได้ผ่านไปแล้ว จะต้องหาฤกษ์ใหม่ไหม? ”

ไทฮองไทเฮาตรัสตอบว่า “ไม่จำเป็น ขอให้เป็นเรื่องดี เวลาใดก็ล้วนเป็นฤกษ์ดี”

ในห้องแต่งตัวเจ้าสาว

เหลียงซื่อ หูฮวยซี ซือถูจิ้ง โหรวเหยา หลี่ชุ่ยหยุ่น อาหมัน หลิ่วหลิ่ว พวกผู้หญิงทั้งหลายต่างอัดอยู่รวมกันในห้องแต่งตัวเจ้าสาว ต่างก็ถามไถ่หลีโม่ว่าช่วงที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกับนางบ้าง

หลีโม่พูดคร่าวๆ ทุกคนต่างตกตะลึง “ที่แท้ก็เป็นไทฮองไทเฮาที่ช่วยเจ้าไว้? ”

ทุกคนล้วนใช้คำว่าช่วย ไม่ใช้คำว่าจับตัวไป ใครจะกล้าล่ะ? อารมณ์ของคนคนนั้นเหี้ยมโหดเป็นที่เลื่องลือที่สุดในต้าโจว

เมื่อกี้ตอนที่หลีโม่กลับมา ได้รับรู้สถานการณ์ของโรคผีดิบจากปากเซี่ยวโธ่กับซูชิง และก็รู้เรื่องจวนเฉิงเสี้ยง นางมองดูหลี่ชุ่ยหยุ่น พูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ท่านแม่ คราวนี้ ท่านจะได้เป็นอิสระจริงๆ สักทีนะ”

ในใจหลี่ชุ่ยหยุ่นสับสน นางไม่อยากให้หลีโม่อภิเษก แต่ก็รู้ว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตนาง ถึงท่านอ๋องจะเป็นคนอารมณ์แปรปรวน แต่ก็เป็นคนดี

โอบกอดนางไว้เบาๆ “หลีโม่ แม่แค่ขอให้เจ้ามีความสงบสุข”

ก่อนที่หลี่ชุ่ยหยุ่นจะมา ได้ใช้แป้งทาตรงหน้าผากไว้อย่างหนา และใช้ไรผมบดบังไว้ หลีโม่มองไม่เห็นแผลเป็น แต่กอดกันในระยะใกล้ขนาดนี้ ถึงพบว่าบนหัวนางมีแผลเป็น

“เกิดอะไรขึ้น? ” หลีโม่ถามขึ้นอย่างตกใจ

เซี่ยวโธ่ไม่ได้เล่าให้นางฟังเรื่องที่หลี่ชุ่ยหยุ่นโดนทำร้ายร่างกาย ดังนั้นนางจึงไม่รู้เรื่อง

เฉินหลิ่วหลิ่วพูดขึ้นมาอย่างปากไวว่า “หลีโม่เจ้าไม่รู้เรื่องหรือ หลังจากที่เจ้าหายตัวไป เสี้ยเฉิงเสี้ยงทุบตีทำร้ายแม่ของเจ้า ทุบตีจนเกือบตาย เรื่องนี้เขารู้กันทั่วทั้งเมืองหลวง”

ดวงตาหลีโม่ประกายเงาความเยือกเย็น นางยื่นมือปัดไรผมบนหน้าผากหลี่ชุ่ยหยุ่น มองเห็นรอยแผลเป็นอัปลักษณ์จากการโดนน้ำร้อนลวก พูดขึ้นเสียงเบาว่า “นายหญิงแก่ตายแล้ว ยังดี เสี้ยเฉิงเสี้ยงยังมีชีวิตอยู่”

หลิ่วหลิ่วถามขึ้น “หลีโม่ เจ้ายังดีใจที่เขายังมีชีวิตอยู่หรือ? เขาน่าจะตายไปพร้อมกับนายหญิงแก่ในเขตกักกันโรคถึงจะถูก”

ทุกคนในที่นี้ นอกจากโหรวเหยากับหลิ่วหลิ่วที่ฟังไม่เข้าใจความหมายของหลี่โม่ นอกนั้นล้วนเข้าใจกันทุกคน

หูฮวนซีพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “ใช่ ดีที่ยังมีชีวิตอยู่ มีชีวิตอยู่ก็สามารถมีแค้นชำระแค้น มีความเกลียดก็จะได้ระบายความเกลียด”

หลีโม่เงยหน้าขึ้น มองดูหูฮวนซี นางรู้สึกว่าหูฮวนซีก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องผ่านประสบการณ์อะไรสักอย่างมา แววตาของนางฉายแววว่าเคยผ่านเรื่องราวความเป็นความตายมาจนยากที่จะลืมได้

เหลียงซื่อเห็นบรรยากาศไม่ค่อยดี จึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดล่ะ เรื่องราวอะไรที่ไม่ดีก็ปล่อยให้มันผ่านไป วันนี้เป็นวันมงคล ต้องมีความสุขกัน”

ทุกคนต่างก็หัวเราะ แล้วค่อยๆ ออกห่าง ให้หลีโม่ได้แต่งหน้า

ฝีมือนักปักเย็บดีมาก เย็บซ่อมจนแทบไม่เห็นร่องรอย นอกจากรอยขาดจากด้านหลังถึงน่อง นักปักเย็บคิดหาวิธีอย่างสุดฝีมือแล้ว แต่ก็ยังมองเห็นแนวรอยเย็บ

แต่ตำหนิอะไรทั้งหมดล้วนให้อภัยได้ ขอเพียง คนถูกต้องก็พอ

ซือถูเย่ดึงพวกเซียวเซียวเข้าไปยังอีกห้องหนึ่ง พูดสั่งอย่างจริงจังว่า “เรื่องที่ข้าสั่งคนไปจับตัวหลีโม่ ใครก็ห้ามเล่าให้หลีโม่ฟัง”

“กระดาษยังไงก็ปิดไฟไว้ไม่มิด” เซี่ยวโธ่พูดเตือน

“หากเพ่งพายออกไป พวกเจ้าทั้งสามเข้าไปล้างกระโถนส้วมในวังหนึ่งเดือน” ซือถูเย่ข่มขู่

ทุกคนเงียบ

ก่อนพิธีอภิเษก ก็เกิดกรณีแทรกขึ้นมา ข่าวการกลับมาของหลีโม่กระจายออกไป พวกคนที่เคยติดโรคผีดิบกับครอบครัวต่างก็มาคุกเข่าขอบคุณหลีโม่อยู่นอกจวนอ๋อง

หลีโม่ใส่ชุดเจ้าสาวเดินออกไป ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คน งดงามดั่งเทพธิดา

มีบางคนพูดขึ้นว่า หลายเดือนก่อน หลีโม่ใส่ชุดเจ้าสาวนี้ โดนคนด่าสาปแช่งอยู่หน้าจวนเฉิงเสี้ยง โดนบังคับแต่งงาน กลายเป็นขี้ปากผู้คนหัวเราะเยาะกันทั้งเมืองหลวง

หลายเดือนต่อมา ในชุดเจ้าสาวชุดเดิม นางยืนอยู่หน้าประตูจวนอ๋อง อย่างประสบความสำเร็จ กลายเป็นพระชายาอ๋องซื่อเจิ้งที่สูงส่ง

เป็นจริงดั่ง.......โชคไม่เข้าข้าง

เสี้ยหลีโม่ ไม่ต้องพึ่งพาความรุ่งโรจน์ของจวนเฉิงเสี้ยง ก้าวผ่านชีวิตอันลำเค็ญของตัวเอง

ก่อนไหว้ฟ้าดิน ไทฮองไทเฮาหยิบเชือกเตาปาออกมาอีกครั้ง ตรัสขึ้นว่า “งานอภิเษกของพวกเจ้า ของก็ไม่มีของขวัญอะไรจะให้พวกเจ้า ยังไง หานซานก็กันดารขนาดนั้น ไม่มีสิ่งของอะไรดีๆ จึงมอบสายเชือกเตาปานี้ให้เจ้า เก็บรักษาไว้ให้ดีล่ะ”

พวกคนอายุน้อย เห็นไทฮองไทเฮาหยิบสายเชือกเก่าๆ มอบให้หลีโม่เป็นของขวัญในวันแต่งงาน ล้วนต่างก็ตกตะลึง

มีเพียงขุนนางพวกเหลียงไท้ฝู้ กลับมีสีหน้าหนักอึ้งกันขึ้นมาทันที

สายเชือกเตาปานี้ มีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือ สมัยก่อนเคยใช้มัดฮ่องเต้ฮู่ยจู่

ในตอนนี้ ฮ่องเต้ฮู่ยจู่อายุน้อยยังไม่รู้เรื่องอะไร โดนหลงไทเฮาใช้สายเชือกเตาปามัดไว้ คุกเข่าอยู่ตรงหน้าที่ว่าราชการ ให้เขาสาบานต่อหน้าเก้าอี้มังกร ต่อไปจะไม่ทำอะไรประมาทอีก

ตั้งแต่บัดนั้น ฮ่องเต้ฮู่ยจู่ก็รู้กาลเทศะมากขึ้น และถือสายเชือกที่เคยใช้มัดตัวเองเป็นสิ่งของศักดิ์สิทธิ์ และสายเชือกเส้นนี้ เอาไว้ใช้มัดฮ่องเต้ที่โง่งมไร้ปัญญาไร้ความสามารถ ใช้มัดขุนนางคิดคดทรยศต่อแผ่นดิน

กำลังเตรียมจะเข้าพิธีไหว้ฟ้าดิน ไทฮองไทเฮาตรัสสั่งคนให้ไปเชิญกุ้ยไทเฟยที่บอกว่าปวดหัวอยู่ตลอดคนนั้นออกมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม