พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 299

ตอนที่ 299 เจ้าสาวในโคลนตม

ทุกคนกำลังรอไทฮองไทเฮาให้โอวาท แต่ไทฮองไทเฮากลับดูแล้วก็ไม่มีอะไรจะพูด เพียงแค่โบกมือให้ซือถูเย่มาด้านข้างตน

“วันนี้เป็นวันอภิเษกของเสี่ยวชี ถือเป็นวันมงคล” นางพูดอย่างเรียบเฉย

ซือถูเย่หัวเราะ “ใช่ เหล่าจู่จง วันนี้ถือเป็นวันมงคล แต่ไม่รู้ว่าเจ้าสาวที่เหล่าจู่จงยอกให้ข้าคนนั้น ไปไหนแล้วล่ะ? ”

ไทฮองไทเฮามองแววตาได้ใจของเขา จึงโบกมือ กระซิบค่อยๆ พูดบางอย่างข้างหูเขา

แววตาซือถูเย่เปลี่ยนไปมา เริ่มสงสัยก่อน ต่อด้วยตะลึง แล้วก็โกรธจัด “บ้าที่สุด”

เขาตะคอกขึ้น “เซียวเซียว เซี่ยวโธ่ ซูชิง ตามข้ามา”

ทั้งสามคนมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เห็นเขาไปอย่างรีบร้อน จึงรีบตามออกไป

ทุกคนต่างก็สงสัย อาซื่อกูกูจึงพูดขึ้นว่า “แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน เชิญนั่งลงดื่มน้ำดื่มเหล้ากันก่อน ท่านอ๋องออกไปตามหาเจ้าสาวของเขาแล้ว พิธีไหว้ฟ้าดินยื่นเวลาออกไปหน่อย แต่จะไม่มีผลกระทบต่องานเลี้ยงในคืนนี้”

ฮองไทเฮาเข้ามานั่งลง ถามด้วยเสียงเบาว่า “เหล่าจู่จง นี่เกิดอะไรขึ้น? ”

ไทฮองไทเฮาพูดอย่างเชื่องช้าว่า “มือใหม่”

ฮองไทเฮาลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร นั่งอยู่ด้านข้างนางอย่างสงบ

ซือถูเย่ตรงไปยังคอกม้า ดึงเชือกตัวหนึ่งแล้วก็ออกมา พวกเซียวเซียวต่างก็ตามมาถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? ”

ซือถูเย่พูดกัดกรามว่า “เจ้าสาวก็คือเสี้ยหลีโม่”

“อะไรนะ? แล้วเจ้าสาวล่ะ? ” เซี่ยวโธ่ตกตะลึง

“ข้าสั่งคนจับตัวไปแล้ว อยากสั่งสอนนางสักหน่อย” สีหน้าซือถูเย่เขียวปัด เขาตั้งใจจะประกาศศึกกับไทฮองไทเฮา ใครจะไปคิดเจ้าสาวก็คือเสี้ยหลีโม่?

คราวนี้ซวยแล้ว

“แล้วเจ้าสั่งคนจับไปไหนแล้ว? ” เซี่ยวโธ่ถามขึ้นอย่างตกใจ

ซือถูเย่กระโดดขึ้นขี่ม้า นึกถึงหน้าหลีโม่ที่โกรธจัด ในใจเต้นระรัว “ยังจำกรงล่าสัตว์บนเขาใกล้บ้านหลังเล็กนอกเมืองของเราแต่ก่อนได้ไหม? ”

“เจ้าทิ้งนางเข้าไปแล้วหรือ? ” เซี่ยวโธ่ตะโกนเสียงดัง “เจ้าทำแบบนี้กับเสี่ยหลีโม่ของเราได้ยังไง? ”

“หลีโม่ของเจ้า กลายเป็นคนบ้านเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่? ” ซูชิงยักคิ้ว

“ไม่ใช่ ไม่ได้โยนเข้าไป” ซือถูเย่พูดพร้อมกับปาดเหงื่อ

“งั้นก็ยังดี” เซี่ยวโธ่ค่อยสบายใจขึ้น

“แค่ทิ้งไว้ในโคลนตมข้างกรงล่าสัตว์”

“ซือถูเย่เจ้าคนชั่ว ในโคลนตมนั่นมีแต่ขี้ของสัตว์นะ” เซี่ยวโธ่ตะโกนอย่างโมโห

“รู้แล้ว รู้แล้ว นี่ก็รีบไปอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? ” ซือถูเย่ควบม้า วิ่งออกไปทางนอกเมือง

ทั้งสามคนรีบตามไป โดยเฉพาะซูชิง ไล่ตามมาด้านข้างเซี่ยวโธ่ “หลีโม่บ้านเจ้า? ”

เซี่ยวโธ่ควบม้าวิ่งไป “เป็นผู้ใหญ่หน่อยเจ้า”

“ใครไม่เป็นผู้ใหญ่? ” ซูชิงพูดอย่างอารมณ์เสีย

น่าสงสารคุณหนูใหญ่ของจวนเฉิงเสี้ยง ตอนนี้โดนทิ้งอยู่ในโคลนตม นางฟื้นขึ้นมาแล้ว ฟื้นขึ้นมาในโคลนตม

รอบๆ เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นหึ่ง ปลิวเข้าไปในจมูก ทำให้นางอ้วกไปแล้วหลายรอบ

แม้แต่เมื่อวานตอนที่กินปลาย่างแล้วก้างปลาติดคอก็อ้วกออกมาแล้ว

นี่ยังไม่นับ ยังมีคนชุดดำอยู่บนต้นไม้ ค่อยเอากิ่งไม้ทิ่มเขี่ยนาง เขี่ยนางเขี่ยมงกุฎของนาง นางอ้วกจนหมดแรงไปทั้งตัว ลุกขึ้นก็ไม่ไหว จนนางอยากจะตะโกนร้องไห้

คนเฒ่าสองคนนั้น จิตใจเหี้ยมโหดยิ่งนัก

ให้นางแต่งกับคนโง่ปัญญาอ่อนนั่นยังดีกว่า

ในขณะที่หมดหวัง ก็มองเห็นม้าขาววิ่งมาทางในป่า นางตะโกนร้องไห้เสียงดัง “ซือถูเย่ เจ้ามาได้สักที”

อย่าถามว่าหลีโม่น่าสงสารแค่ไหน โดนขังไว้บนเกาะร้างนั่น เป็นบ่าวใช้ทุกวัน รับใช้อาซื่อรับใช้เหล่ากูกูรับใช้งูเหลือบ ตกปลาย่างปลาบางทียังโดนด่า โดนบังคับให้แต่งงานกับคนโง่ปัญญาอ่อน ยังโดนทิ้งไว้ในโคลนตมเหม็นหึ่งนี่อีก

ดังนั้น เมื่อเห็นซือถูเย่ ก็รู้สึกเหมือนเคยจากกันไปคนล่ะภพแล้วได้พบกันอีก จมูกคันๆ น้ำตาเอ่อล้นร้องไห้อย่างน้อยใจ

คนชุดดำบนต้นไม้เห็นเขาปรากฏตัวก็รีบหายตัวไปทันที

ซือถูเย่ค่อยโล่งอก ตะโกนเสียงดังว่า “ใครกันที่จับเจ้ามาโยนทิ้งไว้ที่นี่? ซูชิง ตามไป”

เขาดึงหลีโม่ขึ้นมา ชุดเจ้าสวยแสนสวยนั้นล้วนเปื้อนเต็มไปด้วยดินสีเหลืองสีดำ นางปัดมือ ร้องไห้หนักกว่าเดิมอีก นางปัดลงมาเป็นศพหนูตัวหนึ่ง

การได้พบเจอกันอีกครั้งหลังจากที่คิดว่าตายจากกันไปแล้ว น่าจะโอบกอดกันร้องไห้ หลีโม่อยากจะกระโจนกอดซือถูเย่ไว้แน่น ซือถูเย่ดึงนางเข้ามากอด ใจที่เต้นแรงมาตลอดทางในที่สุดก็โล่งสบายใจเสียที

คำพูดหมื่นพันคำยังไม่ทันได้เริ่ม เซียวเซียวพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “เย้นเอ๋อร์ ชุดเจ้าบ่าวของเจ้าเป็นของอ๋องหลี่ชิน”

ซือถูเย่ผลักหลีโม่ออก มองดูชุดเจ้าบ่าวที่เปื้อนไปด้วยขี้โคลน หน้าผากมีเส้นสีดำฟาดผ่าน ในหัวผุดขึ้นสีหน้าเหล่าซานที่ดำทมิฬ

หลีโม่ปัดโคลนที่ติดอยู่บนหน้า แต่ขี้โคลนตรงหลังมือทำให้ใบหน้ายิ่งเปื้อน แววตานางลุกเป็นไฟ “ชุดเจ้าบ่าว? เจ้าจะอภิเษกหรือ? ”

เซี่ยวโธ่พูดขึ้นว่า “ใช่ วันนี้เป็นวันอภิเษกของเขา”

หลีโม่ร้องอ้าก ความรู้สึกในใจที่น้อยใจกลายเป็นโกรธจัด กระโจนไปหาซือถูเย่ กัดฟันพูดขึ้นว่า “ข้าโดนจับตัวไปจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เจ้ากลับจะอภิเษก? เจ้ากลับจะอภิเษกแล้ว? ”

ซือถูเย่ไม่ได้ห้ามที่นางบ้าคลั่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน เอามือผลักนางอย่างไม่ได้ตั้งใจ หลีโม่ตกลงไปโคลนตมอีกครั้งอย่างน่าสงสาร

ครั้งนี้ เอาหน้าทิ่มลงไปเต็มๆ

เซี่ยวโธ่พูดขึ้นอย่างซ้ำเติมว่า “คราวนี้สนุกแน่”

ซูชิงกลับมีความรู้สึกอยากหนีเอาตัวรอด คราวนี้เด็ดจริงๆ เลยเชียว

หลีโม่ค่อยๆ ลุกยืน ขี้ดินปกคลุมเต็มหน้า นางใช้มือปัด ดวงตาสองดวงลืมขึ้น ถุยขี้ดินในปากทิ้ง ยื่นมือมองไปยังซือถูเย่ “ช่วยดึงข้าหน่อย”

ซือถูเย่ไม่ได้ตั้งใจที่จะผลักนางตกลงไปในโคลนตม กำลังกลัวนางจะโกรธ เมื่อนางมีท่าทางอ่อนลง จึงรีบยื่นมือดึงนาง ปากก็พูดไปด้วยว่า “ข้าไม่ได้ตั้งใจ”

หลีโม่เผยยิ้มที่เยือกเย็น ใช้แรงทั้งหมดที่มี ดึงเขาตกลงมาในโคลนตม

แขกในจวนอ๋องต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอ แต่ก็รอแล้วตั้งนานไม่เห็นซือถูเย่กับเจ้าสาวกลับมา และก็ไม่กล้าไปถามไทฮองไทเฮา นางยังคงดื่มเหล้าอย่างใจเย็นๆ

“กลิ่นอะไร? เหม็นจะตายอยู่แล้ว? ” มีคนได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยมา รีบใช้มือปิดจมูกอย่างรังเกียจ

“เหม็นมาก เหม็นมากจริงๆ มีหนูตายหรือเปล่า? ”

“รีบสั่งคนไปเก็บกวาดสิ เหม็นจะตายอยู่แล้ว”

ที่มาของกลิ่นเหม็นปรากฏอยู่หน้าประตู ทั้งตัวทั้งสองคนเต็มไปด้วยขี้โคลนหิ้วรองเท้าเดินเข้ามา ทั้งสองต่างก็คอห้อย มองไม่ออกว่าเป็นใคร

หากข้างหลังไม่มีเซี่ยวโธ่สองพี่น้องกับซูชิง และดูรูปร่างคนคนนั้นมีส่วนคล้ายซือถูเย่ ทุกคนต่างก็ไม่อยากเชื่อว่า คนที่เหม็นไปทั้งตัวคนนั้นจะเป็นซือถูเย่

อ๋องหลี่ชินกระโดดเต้นขึ้นมาทันที “บัดซบที่สุด ชุดเจ้าบ่าวของข้า”

ในมืออาหมันถือจอกเหล้าไว้ พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “เจ้าสาวของท่านอ๋อง? หมายถึงข้าหรือว่าหมายถึงใคร? ”

“พูดถึงชุดเจ้าบ่าว ชุดเจ้าบ่าว” อ๋องหลี่ชินค่อยๆ นั่งลงแล้วพูดปลอบว่า “ไม่เอาแล้วก็ได้ ให้คนอื่นไปแล้ว ชุดเจ้าบ่าวแบบนี้ ทั้งชีวิตก็ใช้ใส่แค่ครั้งเดียวแค่นั้น”

อาหมันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มีบางคนใส่ตั้งหลายครั้งอยู่ ท่านอ๋องจะเลียนแบบไหม? ”

“คนเยอะ ไว้หน้ากันหน่อยนะ” อ๋องหลี่ชินพูดด้วยเสียงอ้อนวอน

อาหมันเชิดใส่ ลุกขึ้นพูดว่า “ไปดูเจ้าสาวดีกว่า”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม