พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 298

ตอนที่ 298 เจ้าสาวล่ะ

เกี้ยวเจ้าสาวสีแดงเริ่มเดินออกมาทางซอย ยอดเงินคลุมด้วยทองม่านสีแดง เกี้ยวประจำตำแหน่งอ๋อง ประตูเกี้ยวเป็นไม้สีแดง หรูหราสูงส่งยิ่งนัก

เกี้ยวเจ้าสาวใหญ่มาก ต้องใช้คนหามเกี้ยวถึงสิบสองคน ทุกคนมองดูอย่างละเอียด คนหามเกี้ยวทั้งสิบสองคนทำไมหน้าคุ้นตาจัง? ดูอย่างละเอียดอีกครั้ง ต่างก็อึ้ง นี่ไม่ใช่แม่ทัพทั้งสิบสองของตระกูลเฉินหรอกหรือ?

เกี้ยวแปดคนก็นับว่าสูงส่งที่สุดแล้ว นี่ถึงกับใช้แม่ทัพทั้งสิบสองมาหามเกี้ยวให้นาง เจ้าสาวคนนี้ เป็นใครกันแน่?

เกี้ยวเจ้าสาวนอกจากมีแม่ทัพทั้งสิบสองหามอยู่ ก็ไม่มีคนติดตามสักคน แม้แต่ขบวนส่งญาติก็ไม่มี สาวใช้บ่าวไพร่ก็ไม่มี ช่างน่าแปลกยิ่งนัก

ซือถูเย่ยืนอยู่หน้าประตู โกรธจนหน้าเขียว สั่งพวกเขาสิบสองคนไปคุ้มครองหลีโม่ กลับไม่รู้ว่าหาไปไหน ตอนนี้ยังหามเกี้ยวเจ้าสาวมา

ถึงตอนนี้ ผู้ดูแลภายในจวนก็พบว่าลืมเรื่องใหญ่ไปอย่างหนึ่ง นั่นก็คือไม่มีเพื่อนเจ้าสาว

ช่างเป็นวันที่ยุ่งจนเลอะเลือน

ถึงแม้แขกต่างก็ยังไม่รู้ว่ามีอะไรผิดปกติ มองไปรอบๆ ไม่เห็นมีเพื่อนเจ้าสาวออกมาเปิดเกี้ยวเจ้าสาวให้ท่านอ๋อง

ผู้ดูแลภายในจวนกับสื่อปู้ซ่างซูรีบร้อนวนไปวนมา เกี้ยวเจ้าสาวมาถึงหน้าประตูแล้ว เพื่อนเจ้าสาวจะไปหาที่ไหน?

กำลังกระวนกระวายอยู่ ก็เห็นเหลียงซื่อเดินออกมา “เชิญเจ้าบ่าวเปิดประตูเกี้ยว”

วันนี้เหลียงซื่อก็มาดื่มเหล้าสมรสกับพ่อ ส่งของขวัญชิ้นใหญ่มาให้

ถึงนางจะไม่เคยเป็นเพื่อนเจ้าสาว แต่ก็เคยจัดการเตรียมงานแต่งแล้วหลายครั้งตอนที่อยู่จวนจิ้นโกวกง จึงพอรู้ขั้นตอนบ้าง

ซือถูเย่เดินขึ้นไปถีบประตูเกี้ยวทีหนึ่งอย่างไม่เต็มใจ เหลียงซื่อเดินไปเปิดม่าน กลับพบว่าในเกี้ยวว่างเปล่าไม่มีคน

เหลียงซื่อตกใจ ถามแม่ทัพเฉินว่า “เจ้าสาวล่ะ? ”

แม่ทัพทั้งสิบสองของตระกูลเฉินมองหน้ากัน ท่าทางไม่รู้เรื่อง

จวนอ๋องในตอนนี้เอะอะวุ่นวายขึ้นมาทันที เจ้าสาวไม่เห็นแล้ว งั้นงานเลี้ยงล่ะ?

ทุกคนต่างก็คิดว่าเป็นฝีมือของไทฮองไทเฮาที่คิดกลั่นแกล้ง แต่ ไทฮองไทเฮาถูกเข้าใจผิด ตอนนี้นางกำลังมองอยู่ไกลๆ ดิ้นรนอย่างหิมะ “คนล่ะ? ”

อาซื่อก็ตกใจ “คนล่ะ? ”

“ถามเจ้านั่นแหละ? ”

“ถามข้า แล้วข้าจะไปถามใคร? ” ท่าทางอาซื่อเหมือนไม่ยอมเป็นแพะรับบาป

ไทฮองไทเฮากะพริบตาเพ่งมองดูผู้คน สุดท้ายเพ่งมองหน้าซือถูเย่ “ไม่ถูก ท่าทางไม่แปลกใจเลย เขาลงมือแล้วหรือ? ”

“ดูซิ” อาซื่อหันไปมอง แล้วก็พยักหัวพูดขึ้นว่า “ดูแล้วเป็นเขาแหละ”

ไทฮองไทเฮาโกรธจัดมาก “ให้เจ้าตามไปเจ้าก็ไม่ตาม หวังพึ่งเด็กสิบสองคนนั่น อีกอย่าง วางยาสลบนางแล้วก็ไม่น่าปลดสายเชือกเตาปา มัดไว้ตลอดทางกลับมาง่ายแค่ไหน”

“มีเจ้าสาวที่ไหนโดนมัดไว้? ไม่เป็นธรรมเอาซะเลย” อาซื่อพูดขึ้น

“ตอนนี้ไม่มีเจ้าสาวแล้ว จะไหว้ฟ้าดินยังไง? ” ไทฮองไทเฮาตั้งใจไว้ว่ารอให้ถึงตอนที่ไหว้ฟ้าดินค่อยปรากฏตัวอย่างสง่างาม ตอนนี้ จะไปหาใครมาไหว้ฟ้าดิน?

“หรือว่า หาไก่ตัวเมียมาไหว้ก่อน แล้วค่อยไปตามนางกลับมา”อาซื่อเสนอความคิดเห็น

“………ไสหัวไป”

อาซื่อมองนางอย่างสมน้ำหน้า “ใครให้เจ้าอยากก่อกวน? ทั้งๆ ที่เจ้าบอกหลีโม่ก็ได้ว่าเป็นเหล่าชี คนอื่นไม่พูด คนทำพูดไม่ได้หรือ? เป็นเจ้าเองที่อยากจะแกล้งพวกเขา”

“เจ้าอย่ามาพูดใส่ร้าย แผนการนี้เป็นความคิดของเจ้า”ไทฮองไทเฮาพูดขึ้นอย่างโกรธเคือง

คนเป็นความจริงที่คนของซือถูเย่ลักเอาไป ตั้งแต่เช้าวันนี้ เขาสั่งคนตรวจเวรค่อยระวังเกี้ยวเจ้าสาวปรากฏ ด้านนอกเมืองก็มีทหารชั้นยอดสุ่มอยู่ไม่น้อย

ตอนนี้เกี้ยวเจ้าสาวอยู่นอกเมือง มีรถม้าคันหนึ่งวิ่งผ่าน เกือบชนถูกเกี้ยวเจ้าสาว จนเกิดเหตุวุ่นวายขึ้นมาพักหนึ่ง คนก็ถูกลักไปในตอนนั้น

สามารถลักคนในมือของแม่ทัพทั้งสิบสองไปอย่างไร้ร่องรอย คนคนนี้ มีฝีมือไม่ใช่เล่น

ซือถูเย่ยิ้มอย่างเย็นชา เหล่าจู่จง เจ้าให้ข้าอภิเษก ข้าให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่แล้วนะ ในเมื่ออภิเษกก็ต้องรักษาคำพูด เจ้าต้องพาหลีโม่ส่งกลับมา ไม่อย่างนั้น งานอภิเษกนี้ก็ต้องเป็นงานของข้ากับหลีโม่

สายตาเขามองไปยังตึกสูงตรงข้าม แล้วก็ตะโกนว่า “งั้นไม่ใช่ไทฮองไทเฮาหรือ? ” ยังคิดจะหลบหรือ? หลบซ่อนไม่ได้แล้ว

ทุกคนหันไปมอง เห็นตรงข้ามมีเงาร่างของคนสองคนยืนอยู่ เป็นไทฮองไทเฮาหรือ? ห่างไกลมากมองเห็นไม่ชัด

แต่ต่อให้ใช่หรือไม่ใช่ ในเมื่อซือถูเย่บอกว่าใช่ พวกเขาก็ต้องทำการโค้งคำนับ

แล้วแบบนี้ ทุกคนต่างก็คุกเข่าก้มลงกับพื้น “คำนับไทฮองไทเฮา ไทฮองไทเฮาทรงพระเจริญ”

อาซื่อผลักนาง “เรียกเจ้าน่ะ”

ไทฮองไทเฮาหัวเราะมองซือถูเย่อย่างเย็นชา “ดีนะเจ้าเด็กคนนี้ เป็นอริกับเหล่าจู่จงของเจ้า จะคอยดูว่าเจ้าจะเก่งกล้าขนาดไหน จะคอยดูตอนเจ้าร้องไห้”

ในตอนนี้ เกี้ยวขบวนของฮองไทเฮาก็เสด็จมาถึง นางมาเพื่อรับการคำนับ กะเวลาไว้ว่ามาตอนนี้กำลังพอดี

ซุนกงกงมองไกลๆ เห็นไทฮองไทเฮาเดินลงมา จึงรีบรายงานฮองไทเฮาว่า “ไทฮองไทเฮาก็มาแล้ว ไทเฮารีบลงเกี้ยวมาเถอะ”

ฮองไทเฮารีบเร่ง “ท่านก็มาแล้วหรือ? เร็วเข้า รีบประคองข้าลงไป”

กุ้ยไทเฟยยังอยู่ในชิงหนิงเก๋อของตน นางกำลังรอคนมาเชิญนางไป นางถึงจะออกมารับคำนับ ตอนที่ไหว้ฟ้าดิน นางเป็นมารดายังไงก็ต้องออกมา

วันนี้นางตั้งใจจะไว้หน้าเขา

อาฝูวิ่งกลับไปอย่างกระวนกระวาย “กุ้ยไทเฟย”

“รีบร้อนๆ รนๆ ทำไม? ”กุ้ยไทเฟยขมวดคิ้ว “เกี้ยวเจ้าสาวมาแล้วใช่ไหม? มาแล้วก็แล้ว ยังไม่ถึงเวลาไหว้ฟ้าดิน”

อาฝูพูดอย่างหายใจติดขัดว่า “เกี้ยวเจ้าสาวมาแล้ว แต่เจ้าสาวหายไปแล้ว อีกอย่าง ไทฮองไทเฮาก็มาแล้ว”

กุ้ยไทเฟยรีบลุกขึ้น แล้วเม่อลอย “นางมาแล้ว? ”

“ใช่ อยู่ด้านนอกแล้ว” อาฝูพูดขึ้น

แววตากุ้ยไทเฟยฉายแววตกใจ ยายเฒ่านี้ไม่ชอบหน้านาง เมื่อก่อนตอนอยู่ในวังก็ชอบจับผิดนาง กลับมาคราวนี้ จะ...หรือไม่?

“กุ้ยไทเฟย จะรีบออกไปต้อนรับ”อาฝูพูดขึ้น

กุ้ยไทเฟยยื่นมือห้ามไว้ “ไม่ ให้ข้าครุ่นคิดดูก่อน”

ตอนนี้ด้านนอกมีแขกตั้งมากมาย ด้วยนิสัยของไทฮองไทเฮา นางจะไม่ไว้หน้าใคร หากจับผิดนางต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ หน้านี้ก็ยากที่จะรักษาไว้แล้ว

ตอนนี้เจ้าสาวหายไปแล้ว ยังไงก็ไหว้ฟ้าดินไม่ได้ ต่อให้นางไม่ออกไป ก็ไม่เป็นไร

นึกถึงตรงนี้ นางจึงพูดกับอาฝูว่า “เจ้าออกไปรับหน้าไว้ หากถามขึ้น ก็บอกไปว่าวันนี้ข้าปวดหัวอย่างรุนแรงตั้งแต่ตื่นเช้ามาแล้ว”

อาฝูอึ้งไปพักหนึ่ง “กุ้ยไทเฟยไม่ออกไปหรือ? แต่ไทฮองไทเฮามาแล้ว.......”

“เจ้าไปทำตามที่ข้าบอกก็พอ” กุ้ยไทเฟยพูดขึ้น

“รับทราบ” อาฝูจึงจำต้องออกไป

ทุกคนต่างยกย่องเชิดชูต้อนรับไทฮองไทเฮาเข้ามา นางยังคงเอาผ้าบางคลุมหน้าดั่งเคย สวมชุดกระโปรงยาวสีเขียวอ่อน ดูมีสง่าราศี ผมเกล้าขึ้นสูง ไม่ประดับสิ่งใด ดวงตาที่เห็นสีดำคล้ำ ทำให้มองไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

ท่านนี้ คือคนอัศจรรย์แห่งต้าโจว หลงไทเฮา

ฮองไทเฮานำคนเข้าห้องโถงมาคำนับ เมื่อกี้ถึงจะคุกเข่าข้างนอกประตูไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้คำนับอย่างเป็นทางการ

ไทฮองไทเฮากวาดตามองดูผู้คน แล้วค่อยๆ พูดขึ้นว่า “ล้วนลุกขึ้นมาเถอะ”

“ขอบคุณไทฮองไทเฮา” ทุกคนลุกขึ้น ล้วนก้มหน้าลง ไม่กล้าเงยหน้ามองนาง

วันนี้เหลียงไถ้ฝู้ก็มา ที่จริงเขาไม่อยากมา แต่ในวันว่าราชการวันนั้น เขาก็อยู่ ขัดต่อราชโองการของไทฮองไทเฮาไม่ได้ จึงต้องจำใจมาด้วยตัวเอง

มีแต่องค์ราชทายาทกับฮองเฮาที่ไม่มา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม