พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 302

ตอนที่ 302 คืนวันแต่งงาน (2)

เมื่อหลีโม่เอ่ยประโยคนี้ ประตูก็ปรากฏเสียงของเซียวโธ่ที่แอบฟังอยู่ตรงประตู “เคยพูดสิ เคยพูดไว้เช่นนั้น ข้าไม่ได้…โอ๊ะ”

เขาถูกปิดปากเอาไว้ทันที จากนั้นก็ได้ยินเสียง “จอแจ” เซียวโธ่น้อยที่น่าสงสารโดนคนลากตัวไปเสียแล้ว

ซือถูเย้นเงี่ยหูฟังอยู่ครู่นึง ริมฝีปากยกยิ้ม เอ่ยถามหลีโม่ “อยากดูการแสดงสนุกๆ หรือไม่?”

หลีโม่ตอบ “อยากดูเหลือเกิน”

ซือถูเย้นยื่นมือ “ข้าขอยืมสายเชือกเตาปา”

“สายเชือกเตาปา? เชือกเส้นนี้มีประโยชน์อันใด?” หลีโม่ส่งสายเชือกเตาปาให้ซือถูเย้น

ซือถูเย้นรับมา พันไว้ที่ข้อมือ จากนั้นปีนขึ้นบนโต๊ะและเทเหล้าลงไป “หากประตูปรากฏงูร้อยตัวขึ้น เหล้าไหนี้จะเป็นของเจ้า”

หลีโม่เดินเข้าไป ฟังเขากล่าวออกมา มิอาจหุบยิ้มลงได้ “เจ้ากล่าวว่าสายเชือกเตาเปาสามารถเรียกงูออกมาได้รึ?”

“แน่นอนที่สุด อีกปรัเดี๋ยวเจ้าก็จะได้รู้” ซือถูเย้นตอบ

หลีโม่มิอาจเชื่อได้ เรื่องประหลาดพันลึกถึงเพียงนั้น ผู้ใดเชื่อกัน?

แต่เมื่อสายเชือกเตาเปาดูดซึมเหล้า ปรากฏกลิ่นแปลกพิลึก ซือถูเย้นขอดาบสั้นกับนาง กรีดลงที่นิ้วเลือดหยดลงไป

กลิ่นแปลกๆ กลับกลายเป็นกลิ่นเลือด จะว่าไปก็แปลกพิลึก กลิ่นประหลาดนี้ทำให้กลิ่นเลือดยิ่งทวีความรุนแรง หากใครไม่รู้คงคิดว่าเรือนหอใหม่นี้มีสระเลือดอยู่แอ่งใหญ่

“มาดูสิ” ซือถูเย้นยื่นมือออกไปดึงหลีโม่ไปที่ประตูอย่างเงียบเชียบ

รอยแตกที่ประตูมีดวงตาหลายคู่ ดวงตาเหล่านั้นตกใจ ถอยออกไปก้าวใหญ่ ส่งเสียง “เห้ย” ล้มลงระเนระนาด

“นี่คือสิ่งใด?” เป็นเสียงของซูชิง ตามด้วยเสียงร้องตะโกนโหวกเหวก “มีงู มีงู!”

เสียงร้องดังขึ้นระงม ไม่ช้าทุกคนก็เผ่นหนีออกไป

ทั้งสองหัวเราะร่า เปิดประตูพบงูนับร้องเลื้อยเข้ามา

ซือถูเย้นพูดเสียงแผ่ว “ไม่ดีแน่”

เขารีบปิดประตูทันใด ได้ยินเสียงงูอยู่ด้านนอก ส่งเสียง “ฟ่อ ฟ่อ”

ซือถูเย้นหน้าซีดเผือด ไม่ชอบสิ่งเลือดเย็นเช่นนี้เลย

หลีโม่กลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ “เจ้ากลัวรึ?”

ซือถูเย้นตอบกลับอย่างขุ่นเคือง “มีอันใดน่าขันกัน?”

“ชายสูงศักดิ์ ที่แท้กลัวงูหรือ?”

“ข้ามิได้กลัว เพียงแต่ไม่ชอบ” เขาไม่ได้กลัวจริงๆ

เขาเคยไปป่าไผ่ของจวนเฉิงเสี้ยง เพียงแค่ไม่ชอบ โดยเฉพาะมีมามากมายเช่นนี้ แค่ได้เห็นก็ขนพองสยองเกล้า

เสียงขลุ่ยลอยมาจากที่ไกลๆ ไม่ถึงครึ่งนาที งูก็พลันหายไปหมด

“ยังต้องให้ข้ามาตามล้างตามเช็ด” อาซื๋อกูกูวางขลุ่ยลง ถอนหายใจ

หันกลับไปมองไทฮองไทเฮา “พวกเราต้องไปฟังที่เรือนหอเสียดูหน่อยหรือไม่?”

ไทฮองไทเฮาตอบกลับ “ไม่ไป!”

“จะไม่ไปฟังดูหรือ?” อาซื๋อประหลาดใจ “เจ้าชอบใจที่สุดมิใช่หรือ?”

“ไม่มีอันใดน่าฟัง มิเกิดเรื่องอันใดอย่างแน่นอน” ไทฮองไทเฮากล่าวตอบ

ในเรือนหอ

หลีโม่ถือสายเชือกเตาเปาอย่างคุ้นเคย “นำเหล้าราดลงไปก็สามารถเรียกงูได้หรือ? นี่มันเพราะเหตุใดกัน?”

ซือถูเย้นตอบด้วยท่าทีไม่ใส่ใจนัก “บรรพบุรุษให้เหตุผลไว้สาวประการ ประการแรก เส้นเชือกเตาเปากลายเป็นภูตผีปีศาจ เป็นภูตงู ประการที่สอง เชือกเส้นเตาเปาถูกแรงอาฆาตสวมร่าง ภูติร้ายนี้ชอบดื่มเหล้า หากให้เหล้าสามารถสั่งการมันได้ ประการที่สาม เส้นเชือกเตาเปาจึงทำมาจากเปลือกไม้วิเศษ เมื่อดื่มเหล้าและเลือดสดจะปรากฏกลิ่นแปลกเฉพาะ งูชอบกลิ่นแปลกเช่นนี้”

หลีโม่ฟังจนถึงประการที่สาม ภูตงูชนิดใดกัน ใครจะบื้อไปเชื่อ

อธิบายประการที่สามยังพออธิบายผ่านไปได้ นางก็ได้กลิ่นแปลกๆ ทันที งูยังไวต่อกลิ่นของเลือด สามารถดึงดูงูจากทั่วทุกสารทิศให้เข้ามาได้ เป็นธรรมดา

หลีโม่หยิบเส้นเชือกเตาเปาขึ้นมา แต่ก่อนเคยละเลย ตอนนี้กลับรู้สึกเป็นลูกรัก แน่นอนล่ะ กำไลสะกดจิตใช้ไม่ดีเท่าสิ่งนี้ แต่แย่เสียหน่อยตรงต้องคอยให้เหล้าหรือเลือด

หลีโม่เห็นหนังสือนั่นบนโต๊ะ ถามด้วยความสนอกสนใจ “นี่เป็นหนังสืออะไร?”

ซือถูเย้นคว้าไว้ทันที “อย่าอ่านเลย ไม่มีสิ่งใดน่าสนุกหรอก”

หลีโม่กลับพลิกไปที่หน้าแรก เห็นภาพวาดเหล่านั้นด้านใน สายตามองตรงไปที่มัน “นี่เป็นคัมภีร์!”

“ออ ใช่ นี่เป็นคัมภีร์ฝึกวิทยายุทธที่ให้ข้า เจ้าไม่ได้ฝึกยุทธใดไม่จำเป็นหรอก”

ตอบกลับไปซื่อๆ ซือถูเย้นนำคัมภีร์ซ่อนไว้ในแขนเสื้อ

หลีโม่ตอบรับ ‘อือ’ มองดูซือถูเย้น “พวกเราควรดำเช่นไรต่อล่ะ?”

ซือถูเย้นท่าทีไม่เป็นธรรมชาติ “หรือว่า กินอะไรหน่อยดีล่ะ?”

หลีโม่พยักหน้า “ประเด็นนี้น่าสนใจ”

นางนั่งลงก่อน มองดูถ้วยสีทองสองใบที่คล้องเชื่อมด้วยสายสีแดงก็คิดขึ้นมาได้ “เราต้องดื่มแลกแก้วสุราหรือไม่”

ซือถูเย้นอึกอัก “ควรต้องเป็นเช่นนั้น”

หลีโม่เทเหล้า เหล้าค่อยๆ ไหลออกจากปากเหยือกลงแก้ว

ภายในใจหลีโม่จึงรู้สึกได้ถึงความจริง

นางเงยหน้ามองซือถูเย้น ซือถูเย้นสบตานางพอดี วันนี้เกิดเรื่องขึ้นไม่หยุดหย่อน ทำให้เข้ารู้สึกรางกับว่าฝันไป

“เสี้ยหลีโม่” ซือถูเย้นเอื้อนเอ่ยชื่อนาง ภาคภูมิใจ นางกำลังจะสวมชื่อสกุลของเขา

เสี้ยหลีโม่ยิ้ม “อือ”

เขายิ้มเช่นกัน ทั้งสองเก้อเขิน

“รับสิ” หลีโม่ส่งแก้วสุราส่งให้เขา เขยิบเข้าไปนั่งใกล้กัน ปรายตามอง “ใต้เท้า”

ซือถูเย้นตอบรับ ‘อือ’ ทั้งสองขยับเข้าหากัน ใกล้จนหน้าผากเกือบแนบชิด

ทันใดนั้น เขาทั้งสองก็ระเบิดหัวเราะออกมา หลีโม่ว่างแก้วลง

หัวเราจนน้ำตาคลอ “ไม่ ไม่ ซือถูเย้น เราคงไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้กันต่อได้ ข้ามิอาจรับสีหน้าตกหลุมพลางรักที่เจ้าแสร้งแสดงออกมาได้”

ซือถูเย้นพ่นลมหายใจโล่งอก “ข้าก็รับความเจ้าเล่ห์เพทุบายของเจ้าไม่ได้เช่นกัน”

หลีโม่ยักไหล่ “ดี เจ้าว่าพวกเราควรทำอย่างไรกันต่อ อย่างไรดี?”

ซือถูเย้นตอบกลับ “แต่ก่อนทำอย่างไรตอนนี้ก็ทำอย่างนั้น”

มักมีขั้นมีตอนเสมอ มิใช่หรือ?

“ดีเชิญแลกสุราดื่มเสียก่อน ค่อยว่ากัน” หลีโม่กล่าว

ซือถูเย้นยกแก้วเหล้า เกี่ยวสลับกับแขนของนาง มองแววตาราวกับดวงดาวของนาง ดาวหน้าผ่องสกาว นึกถึงเนื้อหาในหนังสือย่างอดไม่ได้ หัวใจเต้นระรัว รีบดื่มรวดเดียวจนหมด “รีบดื่มเสีย!”

หลีโม่ดื่มเสร็จ นางยังไม่วางแก้วลง

เห็นเขาขยับตัวขึ้นกอดตน กอดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

ตกใจจนต้องจับต้นแขนของเขาเอาไว้ “เสียสติไปแล้วหรือ?”

ซือถูเย้นค่อยๆ ดันนางลงบนเตียง รวบมือขึ้นเหนือหัว

ผ้าม่านเสียดพลิ้วดิ่งลง ปิดซ่อนเปลวไฟมังกรหงส์

ไม่รู้ว่าชั่วยามใดแล้ว ผู้คนพวกนั้นที่เผ่นหนีงูกลับมาอีกครั้ง แนบหูชิดสนิทกับประตู

แอบฟังเสียงจากด้านใน

หากแต่ บทสนทนาข้างในกลับทำให้ต้องประหลาดใจ เอาเถอะ จดจ้องเอาไว้

“เจ้าดึงอะไรน่ะ? ไม่ได้เปลื้องเช่นนี้ อ่า เจ้าทำเป็นหรือไม่? ให้ข้าทำเอง”

“ทำไม่เป็นอย่างไร? ข้าชมหญิงมานับไม่ถ้วน ปล่อยเถอะ ข้าทำเอง”

“เจ้าดึงผมข้าไปด้วย เจ้าบื้อ”

“อดทนเพียงนิด อาภรณ์นี้รุงรังเสียจริง”

หลังจากนั้น ความเงียบปกคลุมอยู่นาน

สุดท้ายมีผู้หนึ่งลุกจากเตียง วิ่งไปที่หน้าเชิงเทียนทันใด “ใต้เท้าอ่านหนังสือเสียหน่อย”

“หนังสืออะไร?”

“คัมภีร์”

“พระเจ้า เจ้านี่จะอ่านคัมภีร์ใดอีก เจ้าไม่ถามข้าล่ะ? ข้าคืออาจารย์ของเจ้า!”

ด้านนอกโพล่งขึ้น ท่านอาจารย์? ดูไม่ออกเลยสักนิด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม