พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 303

ตอนที่ 303 พิธียกน้ำชา

กลางดึก หลีโม่คลานกลับไปที่เตียงเป็นรอบที่สาม

นอนขดตัวอยู่ข้างตัวด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง คราวหน้านางจะต้องได้นอนด้านใน

ซือถูเย้นพลิกตัว ลำขาแกร่งทับบนหน้าท้องของนาง นางเกลียดจนแทบอยากจะกัดเขา

นางกำหมดไว้ข้างกาย อยากจะชกลงบนใบหน้าของเขาสักหมัด แต่เมื่อเห็นใบหน้าซื่อไร้อันตรายของเขา ก็ต้องหักห้ามใจเอาไว้อีกครั้ง ทำได้เพียงนอนหลับตาอย่างอดทน

เช้าวันรุ่งขึ้น แสงพระอาทิตย์แจ่มใส

จื่นเฉิงเคาะประตู ขานเรียกเบาๆ “องค์ชาย องค์หญิง ตื่นได้แล้วเพคะ”

หลีโม่ตื่นแล้วแต่ไม่ได้ส่งเสียงตอบกลับ ทำให้จื่นเฉิงขานเรียกซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ซือถูเย้นถูกเรียกจนตื่น เห็นหลีโม่เอนตัวยิ้มอยู่บนเตียง เขาหน้านิ่วคิ้วขมวด “เขาขานเรียกอยู่นั่น เจ้าไม่ขานรับเสียหน่อย เสียงดังจะตายชัก”

หลีโม่ถอดหายใจ “ให้เขาตะโกนเรียกแล้วเรียกอีก”

สุดท้าย จื่นเฉิงก็ตะโกนเรียกซ้ำอีก “องค์ชาย องค์หญิง ตื่นได้แล้วนะเพคะ”

หลีโม่ยิ้มกว้าง เสียงเรียก ‘องค์หญิง’ ไพเราะอยู่มาก

“เงียบซะ อีกชั่วครู่ยามค่อยมาเรียก!” ซือถูเย้นเลิกผ้าม่านขึ้นขานออกไป

จื่นเฉิงขานตอบ “องค์ชาย ไทฮองไทเฮาทรงตื่นแล้วนะเพคะ” รับสั่งว่ารอองค์หญิงตื่นมาเข้าพิธียกน้ำชา

หลีโม่ได้ยินเช่นนั้นก็เลิกผ้าห่มออกกำลังจะลุกขึ้น ซือถูเย้นจับแขนนางเอาไว้ ยื่นลำคอตอบกลับไป “ให้ท่านรอก่อน”

หลีโม่พูดขึ้น “เช่นนี้ไม่ดีแน่ ท่านรอพวกเราอยู่ วันนี้พวกเราต้องเข้าเฝ้าทำพิธียกน้ำชากับท่านนะ”

“ให้รอไปก่อน นางรังแกผู้บริสุทธิ์เกรงคนชั่ว หากเจ้าทำเช่นนี้ต่อนาง จะกลายเป็นเจ้าที่ถูกนางกลืนกินจนตาย ดูข้าเพียงประเดี๋ยวว่าจะจัดการกับนางอย่างไร?”

หลีโม่นึกถึงชีวิตในวันเหล่านั้นที่เกาะกุง ในใจยังคงหวั่นเกรง “ได้ ข้าจะรอดู”

สายตาของซือถูเย้นจ้องมองบริเวณไหปลาร้าผ่านลงมา จากนั้นดึงผ้าห่มลงมาเพียงเล็กน้อย กล่าวด้วยอารมณ์น่าเจ็บปวด “จากนี้ต่อไปลูกชายของเราจะต้องดื่มนมแพะ”

เมื่อหลีโม่ได้ฟัง สีหน้าหม่นลงไม่สู้ดี “เจ้ายังหวังว่าข้าจะมีบุตรชายให้เจ้าได้อีกหรือ? ข้าถูกฮองเฮาวางยา ยาพิษใบแดง ไม่สามารถให้กำเนิดได้ เจ้าไม่รู้หรอกหรือ?”

ซือถูเย้นลืมเรื่องเหล่านี้ไปเสียสนิท ได้ฟังเช่นนี้แล้วจึงส่งเสียงตะกุกตะกัก “ถ้าเช่นนั้นก็ยากแล้ว จากนี้เลี้ยงสุนัขสักสองสามตัว เอามาเป็นลูกของเจ้า”

หลีโม่เงยหน้ามองเขา “เจ้าจะหาหญิงอื่นให้กำเนิดบุตรได้ แต่ข้าคงไม่สามารถให้เจ้ามีอื่นได้”

ซือถูเย้นพยักหน้า “อืม ได้เลย”

ดวงตาหลีโม่ตื่นตกใจ “หือ? เจ้ามีแผนนี้จริงหรือ?”

“ถูกต้อง เจ้าไม่ให้ข้ามีอื่นน่ะสิ” ซือถูเย้นสอดสองมือใต้หัวหนุนเป็นหมอน “ข้าคิดแล้ว หญิงสาวบ้านใดก็เป็นนางสนมได้ ให้ฮองเฮาเป็นแม่สื่อ ยังไงองค์หญิงของข้าก็ใจกว้าง เจ้าสาวผู้นี่น่ะ ให้ข้าหาหญิงอื่นมาให้กำเนิดบุตร”

หลีโม่ใช้ข้าศอกระทุ้งไปที่อกเขา “เจ้ารู้ว่าในใจข้ามิได้คิดเช่นนี้”

“ข้ามองไม่เห็นใจเจ้า หากแต่ได้ยินว่าเจ้าพูดไว้อย่างไร” ซือถูเย้นเชยคางนาง “ดุหรือ? กล้าสู้กับใต้เท้าหรือ? กล้าดีนัก”

“เจ้าไก่น้อย ยังกล้าปีกกล้าขาแข็งราวกับหงส์อีกหรือ ข้าอาจารย์เจ้าจะบีบเจ้าให้ตาย” หลีโม่พลิกสะบัดตัวออก กัดปากของเขา มองเขาด้วยสายตาชอบพอใจ แสนกวนนัก

ความน่าภูมิใจตอนท้ายมักเจ็บปวดเสมอ ในพริบตา นางก็ถูก....ซือถูเย้นพลิกมือกลับ ทำให้นางจมลงเตียง ได้ยินเพียงเสียงดัง “เป๊าะ” ร่างทั้งร่างของนางเสียหลักลงมาบนหยกขาวข้างเตียง

“เอวข้า!”

ที่จริงซือถูเย้นไม่ได้คิดจะโยนตัวนางออกไป เพียงแค่จะพลิกตัวคร่อมนาง ปกติแล้ว หากเขาพลิกตัวคร่อมนางเอาไว้ นางจะต้องเอนตัวลงไปตามหลักก็ไม่เป็นอันใดแล้ว กลับกลายเป็นแสดงฤทธิ์เดช กลับอยากขืนแขนซือถูเย้น สุดท้ายที่สู้แรงกันไปมา นางจึงหล่นลงไป

“เจ้าช่างซื่อบื้ออะไรเยี่ยงนี้” ซือถูเย้นเห็นนางเจ็บสีหน้าซีดลงทันที กังวลใจอย่างมาก แต่ปากดันไม่ตรงกับใจ กระโจนลงไปประคองนางลุกขึ้น

ครานี้นางเจ็บจริง ข้างเตียงนี้มีหินหยกขาวตั้งอยู่ เมื่อคืนนางล้มลงมาข้างเตียง ไม่ได้กลิ้งมาชนหินหยกขาว แต่ครานี้ถูกสะบัดลงมาบนหิน ความแข็งของขอบหินหินหยกขาวทำเอาเอวแทบหัก

ไม่ว่าอย่างไร ผู้คนรอบข้างไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น เห็นเพียงว่าหลีโม่ถูกพยุงออกมา

นางเอามือค้ำเอวเอาไว้ เดินก้าวหนึ่งก็ขมวดคิ้วเป็นปม แสดงถึงความเจ็บปวดอย่างมาก

เมื่อข้าน้อยในตำหนักเห็นเข้า ป้องปากแอบยิ้ม บ่าวสาวป้ายแดงไวไฟเสียจริง

ไทฮองไทเฮาและกุ้ยไท่เฟยนั่งอยู่ในโถงวัง กุ้ยไท่เฟยมิสามารถออกมาโดยพลการได้

ไทฮองไทเฮาจึงรับสั่งให้ไปเชิญนางมา

อาเซ๋อยืนอยู่ข้างๆ ไทฮองไทเฮา ทั้งสองสบตากัน เมื่อเห็นซือถูเย้นประคองหลีโม่เข้ามา

อาเซ๋อกระซิบข้างหูไทฮองไทเฮา “ดูท่า เมื่อคืนคงได้เรื่องแล้ว”

สีหน้าไทฮองไทเฮาไม่ได้ปีติยินดี “ข้าบอกแล้ว เมื่อคืนให้ไปเฝ้าฟังดู เจ้าคร้านไม่ยอมไป”

อาเซ๋อพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ “ข้าไม่ไปอย่างนั้นรึ? เป็นตัวเจ้าต่างหากที่ไม่ไป”

ทั้งสองเดินมาตรงหน้าไทฮองไทเฮา โค้งตัวคำนับ หลีโม่คำนับอย่างทุลักทุเล

พอก้มแล้วอาการปวดก็แล่นเข้ามา

ซือถูเย้นเห็นนางเจ็บอยู่มาก จึงพูดขึ้น “พอแล้ว เจ้าไม่ต้องก้มแล้ว ข้าคำนับแล้ว”

พูดจบ พลันหันหน้าเข้าหาทองฮองไทเฮาทันที “พอล่ะ หลีโม่ได้คำนับแล้ว”

ไทฮองไทเฮากลับไม่ได้มากพิธี เพียงแค่จ้องมองหลีโม่อย่างสื่อความนัยพริบตาหนึ่ง

ไทฮองไทเฮายกถ้วยชายขึ้น ค่อยๆ ดื่มหนึ่งอึก “ข้ายกชานี้คำนับต่อบรรพบุรุษแคว้นต้าโจวของเราแทนว่าที่พรมเหสี หากแต่บุตรชายซือถูเย้นมีไมตรีที่ดี นับว่าบุตรของเจ้าจะสืบทอดมรดกและสกุลของบรรพบุรุษต่อไป”

ข้ารับใช้ขานรับ “องค์หญิงโปรดยกชาคำนับกุ้ยไท่เฟย”

ซือถูเย้นยกถ้วยชาส่งให้กุ้ยไทเฟย กุ้ยไท่เฟยกลับกล่าวเรียบๆ ว่า “หากต้องการให้ข้ายอมรับนาง ช้าถ้วยนีต้องให้นางคำนับข้า”

ไทฮองไทเฮาหรี่ตามอง ฟังไม่ได้ศัพท์

หลีโม่ก้าวมาข้างหน้า ยกถ้วยชาขึ้น ค่อยๆ โค้งคำนับกลืนความเจ็บปวด “กุ้ยไท่เฟยเชิญดื่มชา”

กุ้ยไท่เฟยเปรยตามองนางอยู่นาน ไม่ได้ยื่นมือไปรับชาจากนาง

มือข้างหนึ่งของซือถูเย้นพยุงหลีโม่ให้ลุกขึ้น “ลุกขึ้นเถอะ ชาถ้วนนี้ของเจ้า ไม่ต้องใส่ใจว่านางจะดื่มหรือไม่”

กุ้ยไท่เฟยหัวเราะหัวเราะเย้ยหยัน ยืนขึ้นตรงหน้าไทฮองไทเฮา “หม่อมฉันขอลา”

ไทฮองไทเฮาโบกมือ “ไปซะ”

ซือถูเย้นสายตาเย็นชา มองกุ้ยไท่เฟยเดินผ่านเขาไป กุ้ยไท่เฟยชำเลืองตามอง ไม่ยี่หระต่อสิ่งใด

ไทฮองไทเฮามองหลีโม่ พยักหน้าเล็กน้อย “เจ้ามาหาข้าที่จวนของข้าประเดี๋ยว ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”

หลีโม่พยักหน้ารับ “เพคะ”

ซือถูเย้นพูดขึ้น “ข้าจะไปด้วย”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องไป รออยู่ที่นี่ สิ่งที่ข้าจะคุยกับนางเป็นเรื่องของผู้หญิง”

“ไม่ได้!”

ไทฮองไทเฮาเลิกคิ้ว “เจ้ากลัวข้าจะรังแกนางรึ?”

“ท่านแกล้งนางน้อยซะที่ไหน? ที่เกาะกุงยังใช้ทางเป็นทาส”

ซือถูเย้นเริ่มอารมณ์ขึ้น “ยังเจตนาไม่ให้พวกเราเรื่องการแต่งงานว่าเป็นคนที่พวกข้าปลงใจ ไม่จัดเตรียมพิธีสมรส พิธีแต่งงานเกือบไม่เป็นมงคล ดูสิ่งที่ไทฮองไทเฮาทำเสีย มีสิ่งใดที่ผู้อาวุโสควรทำ? ไร้สาระสิ้นดี”

ไทฮองไทเฮาถูกเขากล่าวหาครานี้ กลับอ่อนข้อลงมา “เรื่องนี้อาเซ๋อกูกูของเจ้าเป็นคนจัดการ เกี่ยวอันใดกับข้า?”

อาเซ๋อเอี้ยวตัวเดินออกไป “ร่วมเคียงกับเจ้ามาหลายปีแล้ว กลับกลายเป็นแพะรับบาปเสียแล้ว ข้ามิได้ทำเช่นนั้น”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม