พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 317

ตอนที่ 317 ความหมายของฮองเฮา

เช้าวันรุ่งขึ้น ฮองเฮามีคำสั่งให้หลีโม่เข้าวัง

หลีโม่มาพระตำหนักจิ่งหนิงอีกครั้ง ท่าทางที่ฮองเฮามีต่อนางไม่เหมือนเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง นางสั่งให้ทุกคนออกไปก่อน เหลือเพียงหลีโม่ไว้เพื่อคุยกันเป็นการส่วนตัว

“วันนี้ไม่มีคนอื่น พวกเรามาพูดคุยกันแบบพี่สะใภ้และน้องสะใภ้ดีกว่า” ฮองเฮาเอื้อมมือไปจับมือของนาง และพูดอย่างสนิทสนม

หลีโม่คิดในใจว่าหรืออ๋องเหลียงจะเข้ามาพูดกับนางแล้ว? แต่คงไม่เร็วขนาดนี้กระมัง? เมื่อวานนางอยู่ตำหนักอ๋องเหลียงจนดึกถึงได้ออกมา อ๋องเหลียงก็ยังไม่คิดจะเข้าวังอย่างชัดเจน

“ฮองเฮา ท่าน…” หลีโม่มองนางด้วยความสงสัย

“ข้ารู้หมดแล้ว เจ้ารักษาโรคลับของฮ่าวเอ๋อจนหายดีแล้ว เห็นได้ชัดว่าเมื่อก่อนข้ามองเจ้าผิดไปจริงๆ” สีหน้าของฮองเฮาดูมีความสุขมาก

หลีโม่ยิ้มบาง “อ๋องเหลียงบอกฮองเฮาแล้วหรือเพคะ?”

“ในตำหนักอ๋องเหลียงย่อมมีคนของข้าคอยดูอยู่ เจ้าเด็กคนนี้ไม่มีทางพูดออกมาหรอก เมื่อวานก็ไล่สนมทั้งหมดออกไปจากตำหนัก แม้แต่ซุนเฟยก็ล้วนลงนามหย่าร้างทั้งหมดแล้ว ข้ารู้ เขามีชีวิตชีวาขึ้นมาแล้ว นี่ทำให้ข้าโล่งอกยิ่งนัก และข้าก็สามารถวางหินก้อนที่ติดอยู่ในใจของข้าได้แล้ว”

หากสิ่งนี้เหมือนกับความรักของมารดา เมื่อหลีโม่ได้ยิน กลับรู้สึกไม่น่าฟังยิ่งนัก ในตำหนักอ๋องเหลียงมีคนของนางอยู่งั้นหรือ? ลูกที่ตนให้กำเนิด คิดไม่ถึงว่าจะคนไปสอดแนม อ้างคำว่าความรักของมารดา ช่างทำให้คนรู้สึกรังเกียจยิ่งนัก

ฮองเฮาตบหลังมือของนางเบาๆ “ที่ข้าเรียกเจ้าให้เข้าวังมาในครั้งนี้ นอกจากจะขอบใจเจ้าแล้ว ยังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีก ขาของเขาสามารถรักษาได้หรือไม่? หากรักษาได้ต้องรักษาเช่นไร?”

หลีโม่กล่าวว่า “เมื่อวานหม่อมฉันได้ตรวจดูแล้ว กระดูกของเขาไม่ตรง หากจะต้องรักษาให้หาย ก็ต้องผ่าตัดใหม่อีกครั้ง ขั้นตอนก็จะเจ็บปวดมาก”

ใบหน้าของฮองเฮาเผยความรู้สึกเวทนาขึ้นมา “เจ็บปวดมากงั้นหรือ? เช่นนั้นเขาอาจจะทนไม่ได้ หากไม่รักษา เขาก็ไม่มีปัญหาอะไรใช่หรือไม่? เพียงแค่ขาไม่สะดวกเท่านั้น”

หลีโม่พูดว่า “หม่อมฉันเคยบอกขั้นตอนการรักษาให้เขาฟังแล้วเพคะ และบอกความเจ็บปวดทรมานในขั้นตอนนั้นให้เขารับทราบแล้ว เขาบอกหม่อมฉันว่าเขาทนได้เพคะ”

ฮองเฮาถอนหายใจ “เขาสามารถกระตือรือร้นได้เช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเชื่อใจเจ้ามาก เมื่อก่อนไม่ว่าหมอหลวงจะรักษาอะไรให้เขาก็ไม่รับ”

“เขาแค่อยากเป็นเหมือนคนธรรมดา!” หลีโม่กล่าว

ฮองเฮามองไปที่นาง พลันถามนางขึ้นมาว่า “เมื่อเทียบเขากับองค์รัชทายาท เจ้าคิดว่าใครจะชนะ?”

หลีโม่ตกใจเล็กน้อย คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร? สืบสวนนางงั้นหรือ? อยากรู้สิ่งที่เหล่าชีคิดจากปากของนางใช่หรือไม่?

ใบหน้าของหลีโม่นิ่งสงบ “จะสามารถเปรียบเทียบกันได้อย่างไรเพคะ? องค์รัชทายาทก็มีจุดเด่นขององค์รัชทายาท อ๋องเหลียงก็มีจุดเด่นของอ๋องเหลียง”

“เช่นนั้น อ๋องซื่อเจิ้งเคยพูดกับเจ้าหรือไม่ว่าอ๋องเหลียงจะชนะองค์รัชทายาท?” ฮองเฮาเอ่ยถามออกมาตรงๆ

หลีโม่ส่ายหน้า “อ๋องซื่อเจิ้งไม่เคยพูดเรื่องนี้กับหม่อมฉันเลยเพคะ”

ฮองเฮายิ้มบาง “ตอนนี้เจ้ากับข้าเป็นพี่สะใภ้น้องสะใภ้กันแล้ว ล้วนเป็นคนของราชวงศ์ มีเรื่องอะไรก็พูดออกมาตรงๆ ก็ได้ ข้าเองก็รู้ว่าที่ผ่านมาข้าก็ทำเกินไปกับเจ้าไปบ้าง หากมีอะไรที่ไม่สบายใจ เจ้าก็อย่าใส่ใจเลยนะ”

หลีโม่สับสนเล็กน้อย นางไม่เข้าใจว่าทำไมฮองเฮาถึงพูดเช่นนี้

“หม่อมฉันไม่มีอะไรไม่สบายใจเพคะ ฮองเฮาคิดมากเกินไปแล้วเพคะ” หลีโม่พูดอย่างไม่ประจบประแจง

ฮองเฮาพยักหน้าอย่างพอใจ “เช่นนั้นก็ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าไม่พูดอะไรตรงๆ ก็คงไม่เป็นอะไร”

หลีโม่เงยหน้าขึ้นมามองนาง ในที่สุดก็เข้าหัวข้อหลักของการเข้าวังมาแล้ว

ฮองเฮามองหน้านาง พูดอย่างจริงจังว่า “ข้ารู้ว่าตอนนี้อ๋องซื่อเจิ้งคิดว่าองค์รัชทายาทไร้ประโยชน์ ทว่าตอนนี้ฮ่องเต้ป่วยหนัก หากวันหนึ่งมีการปลดรัชทายาทออกจากตำแหน่ง จะต้องมีการแย่งชิงเกิดขึ้นมากมายแน่ ข้าไม่อยากให้อ๋องเหลียงเข้าไปต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท ข้าหวังว่าเจ้าจะกลับไปพูดเรื่องนี้กับอ๋องซื่อเจิ้ง”

หลีโม่ไตร่ตรองความหมายในคำพูดของนาง จึงพูดขึ้นมาอย่างระวังว่า “ฮองเฮา เรื่ององค์รัชทายาทไร้ประโยชน์นี้ หม่อมฉันไม่เคยได้ยินอ๋องซื่อเจิ้งพูดเลยเพคะ ส่วนอ๋องเหลียงก็เย็นชายิ่งนัก ไม่ใส่ใจกับตำแหน่งฮ่องเต้แม้แต่น้อย ฮองเฮาวางใจได้เพคะ”

“ตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง เขาในตอนนี้เขาเป็นคนปกติแล้ว อีกทั้งตัวเขาเองก็ไม่ได้กว่าองค์รัชทายาท ความจริงแล้วข้าไม่สนใจหรอกว่าใครจะเป็นรัชทายาท เพราะต่างก็เป็นบุตรชายของข้าไม่ใช่หรือ? เพียงแต่ข้าไม่อยากให้พวกเขาพี่น้องต้องกลายเป็นคู่อริแตกคอกัน หรือให้คนนอกมีโอกาสด้วย หลีโม่ เจ้าเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง ต้องเข้าใจความหมายของข้า ดังนั้น ข้าจึงหวังว่าเจ้าจะไปพูดกับฮ่าวเอ๋อด้วย หากการรักษาขาของเขาไม่มีความมั่นใจแต่อย่างใด ก็ให้เขาปล่อยวาง”

ในใจของหลีโม่พลันรู้สึกซับซ้อนขึ้นมา

โรคลับของอ๋องเหลียงหายดีแล้ว หากอาการบาดเจ็บที่ขาหายดีอีก นางจึงคิดว่าอ๋องเหลียงจะต้องอยากได้ตำแหน่งรัชทายาท เพราะฮองเฮารู้ดีว่าคุณสมบัติและนิสัยของอ๋องเหลียงนั้นดีกว่ารัชทายาท และเป็นองค์ชายคนโต เมื่อก่อนเพราะโรคลับและอาการบาดเจ็บที่ขา และเขาก็ยอมแพ้ตัวเขาเอง ไม่มีใจจะไปแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท ทว่าเมื่อเขาดีขึ้นแล้ว จะยังไม่ใส่ใจเช่นเมื่อก่อนอยู่อีกหรือ?

ไม่แน่!

สรุปก็คือฮองเฮาผู้เป็นมารดาผู้นี้ ก็ไม่เชื่อมั่นในตัวบุตรชายของตน

เพียงแต่ว่า เมื่อก่อนฮองเฮาหวังเอาไว้เป็นอย่างมากว่าจะสามารถรักษาขาและโรคลับของเขาให้หายดี แต่เหตุใดตอนนี้กลับเปลี่ยนความคิดแล้วเล่า?

หลีโม่รู้สึกว่าในนั้นจะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น นางมองไปรอบๆ ทว่ากลับไม่ได้สนใจรองเท้าคู่หนึ่งที่อยู่ด้านล่างฉากบังลม ว่าคนอยู่ตรงนี้

นางรีบย้ายสายตาออกไป กลัวว่าจะถูกฮองเฮาพบเข้า

นี่ก็หมายความว่าที่ฮองเฮาพูดกับนางในวันนี้ เพราะมีคนแนะนำให้นางทำ

ใครจะเป็นคนแนะนำให้นางทำล่ะ? ต้องเป็นไถ้ฝู้อยู่แล้ว ฮองเฮาเชื่อฟังแค่ไถ้ฝู้เท่านั้น อีกทั้งรองเท้าคู่นั้นก็ดูเหมือนจะแพงมาก

หลีโม่รู้สึกถึงความโกรธที่มีอยู่เต็มหัวใจของนาง สำหรับอ๋องเหลียงแล้วมันไม่ยุติธรรมสำหรับเขาเอาเสียเลย

ทว่านางไม่ได้แสดงความโกรธของตัวเองออกมา เพียงพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “ฮองเฮา หม่อมฉันเป็นอาสะใภ้ของอ๋องเหลียง อีกทั้งยังเป็นหมอที่รักษาเขา หม่อมฉันไม่มีทางพูดกับเขาว่า ขาของท่านรักษาไม่ได้ เพราะหม่อมฉันรู้ดีว่ามันรักษาได้”

ฮองเฮาพูดอย่างเย็นชาว่า “ข้ายังคิดว่าเจ้าเป็นคนฉลาดเสียอีก คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นคนโง่เขลาเช่นนี้”

หลีโม่ข่มกลั้นอารมณ์เอาไว้ “ฮองเฮาเพคะ ขาของอ๋องเหลียงสามารถรักษาให้หายดีได้ เขาเองก็ปรารถนาให้ตนอดทนรับกับความเจ็บปวดทรมานนี้ได้ เขาหวังว่าจะดีขึ้นให้เร็วที่สุด เขาเฝ้าปรารถนาให้เป็นเหมือนกับคนทั่วไป ในฐานะผู้เป็นมารดา ท่านควรจะสนับสนุนเขาให้ถึงที่สุด ไม่ใช่มากังวลว่าเขาจะไม่มีอะไรเหล่านั้น”

ฮองเฮามองหน้านาง “เจ้าเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นมารดางั้นหรือ? เจ้าไม่เข้าใจหรอก เจ้าไม่เคยเป็นมารดาของใคร เจ้าคิดว่าข้าไม่อยากให้เขาดีขึ้นงั้นหรือ? อาการบาดเจ็บของเขาทำให้ข้าลำบากใจมานานหลายปี ข้าฝันอยากให้เขามีชีวิตเหมือนกับคนปกติ ทว่าหากวันหนึ่งขาของเขาหายดีขึ้นมา ราคาที่ค่าต้องจ่าย อาจจะเป็นการสูญเสียบุตรชายของข้าคนหนึ่ง หากเจ้าเป็นข้า เจ้าจะเลือกเช่นไร?”

หลีโม่พูดว่า “ข้าว่าฮองเฮากังวลเกินเหตุไปแล้ว อ๋องเหลียงไม่มีใจอยากได้ตำแหน่งรัชทายาทแม้แต่น้อย”

“เจ้ารับประกันได้อย่างนั้นหรือ?” ฮองเฮากล่าวอย่างประชดประชัน “ไม่ ใครก็รับประกันไม่ได้ เกรงว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่มีทางรับประกันได้ เป็นเหมือนที่ข้าพูดมาเมื่อครู่นี้ เมื่อก่อนเขาไม่กล้าคิด เป็นเพราะร่างกายของเขาพิการ ทว่าโรคลับของเขาในตอนนี้หายดีแล้ว และหากอาการบาดเจ็บที่ขาของเขาหายดีด้วย เขาจะโดดเด่นกว่าองค์รัชทายาท เมื่อถึงเวลานั้น เขาจะไม่คิดเลยงั้นหรือ? ทุกคนล้วนมีความทะเยอทะยาน แม้แต่เจ้าเสี้ยหลีโม่ หรือว่าเจ้าไม่มีใจอยากจะยึดอำนาจเลยงั้นหรือ”

หลีโม่มองไปที่นาง ความโกรธที่มีอยู่ในใจกลับหายไปหมดแล้ว “ฮองเฮาสามารถสังเกตเพื่อให้เข้าใจความคิดของอ๋องเหลียงได้ เพราะถึงอย่างไรท่านก็มีคนของท่านคอยสังเกตการณ์เขาอยู่ตลอด เช่นนั้นก็ถือโอกาสเข้าใจนิสัยเขาไปด้วยก็แล้วกัน อีกอย่าง หม่อมฉันคิดว่าหากอ๋องเหลียงต้องการแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท แม้ว่าขาของเขาจะไม่หายดี ก็ไม่สำคัญ เพราะเขาสามารถสืบเชื้อสายของวงศ์ตระกูลได้แล้ว”

หลีโม่หยุดไปครู่หนึ่ง จึงพูดเป็นนัยว่า “ฮองเฮาเองก็เป็นคนฉลาดมากนะเพคะ ควรจะรู้สิ่งที่เรียกว่าใช้อำนาจคุกคาม ล้วนเป็นเพียงเพราะคิดมากเกินไปหรือไม่ก็เป็นเจตนาแอบแฝงของผู้อื่น จริงๆ แล้วอ๋องเหลียงไม่ได้ควบคุมง่ายเหมือนองค์รัชทายาทหรอกนะเพคะ”

เมื่อพูดจบ นางจึงถอนสายบัว “หลีโม่ทูลลา!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม