พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 316

ตอนที่ 316 ขาที่บาดเจ็บ

หลังจากผ่านไปสองวัน หลีโม่จึงมาที่ตำหนักอ๋องเหลียง และพบว่าพระสนมในตำหนักต่างแบกห่อผ่าเรียงแถวกันออกมา แม้แต่รองพระสนมเฟยก็ยังถูกไล่ออกไป

ทว่าสีหน้าของทุกคนล้วนเบิกบานใจยิ่ง ไม่มีสีหน้าแห่งความเสียใจเลยแม้แต่น้อย

หลีโม่แปลกใจไม่น้อย จึงรีบเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว และได้เห็นอ๋องเหลียงนั่งอยู่ในห้อง กำลังดีดลูกคิดไม่หยุด ส่ายหน้าไปพลาง ก็ถอนหายใจไปด้วย

“เหตุใดถึงไปกันหมดเลยเล่า? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” หลีโม่เอ่ยถาม

อ๋องเหลียงเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ “ข้าขาดทุนอย่างหนัก”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น” หลีถามนั่งลงพร้อมกับวางกล่องยาลงบนโต๊ะ จากนั้นจึงมองไปที่สมุดบัญชีของเขา บนนั้นมีตัวเลขเยอะแยะมากมาย นั่นคือรายจ่ายทั้งหมด

“ไล่ออก” อ๋องเหลียงสูดลมหายใจอย่างเย็นชาราวกับคนปวดฟัน “เหล่านางสนมคนละห้าพันตำลึงรองสนมเฟยหนึ่งหมื่นตำหนึ่ง ข้าไล่ออกไปหมดแล้ว”

หลีโม่พลันหลุดหัวเราะออกมา มิน่าพวกนั้นถึงได้ดูดีใจกันนัก ที่แท้ก็ได้รับเงินก้อนใหญ่นี่เอง

หลังจากหลีโม่รู้จักกับอ๋องเหลียงเป็นอย่างดีแล้ว ก็ได้รู้ว่านางสนมเหล่านี้และซุนเฟยมาจากครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยมากนัก ซุนเฟยเป็นเพียงครอบครัวขายหยกเล็กๆ นางถูกพ่อและพี่ชายขายให้เข้ามาในวัง หลังจากเข้ามาอยู่ในตำหนัก ก็มีนางกำนัลหลายคนที่ตายโหงมากมาย และไม่ว่าจะอย่างไรอ๋องเหลียงก็ไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวพวกนาง ให้เงินแล้วไล่ออกจากตำหนัก พวกนางย่อมดีใจไม่น้อย

“ทำไมต้องไล่ออกไปด้วย?” หลีโม่แปลกใจอยู่บ้าง ตอนนี้เขาหายดีแล้ว ตามหลักแล้วเขาควรจะมีความสุขกับวันที่เขาได้สูญเสียไปสิ แต่ตอนนี้เขากลับไล่คนพวกนั้นออกไป

อ๋องเหลียงปิดสมุดบัญชีลง จากนั้นมองไปที่นางอย่างจริงจัง “ทั้งที่เจ้ารู้อยู่แล้วยังมาแกล้งถามข้า หลายวันมานี้เจ้าไม่ใช่รักษาโรคลมบ้าหมูให้ข้า ไม่ใช่รักษาโรคอย่างว่าให้กับข้าหรือ?”

หลีโม่เห็นเขาเหมือนไม่ได้โมโหแต่อย่างใด จึงกล่าวยอมรับไป “ใช่”

อ๋องเหลียงเลื่อมใสในวิชาแพทย์ของนางมาก “เจ้าทำได้อย่างไรกัน? แค่ฝังเข็ม แม้แต่ตรวจเจ้าก็ไม่ได้ตรวจ”

“นี่นับว่าเป็นเรื่องบังเอิญ เมื่อก่อนตอนที่ข้าทำการรักษาพวกผีดิบ ก็เคยฝังเข็มให้ซูชิงกับหวางหยู ซูชิงบอกว่าหลังจากที่ข้าฝังเข็มให้เขา เขาก็มีปฏิกิริยาผิดปกติ”

อ๋องเหลียงพลันรู้สึกตกใจ “แค่นี้เองหรือ?”

ในตอนแรกเขานึกว่ามันเป็นวิชาแพทย์อันสูงส่งลึกล้ำ ทว่าคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ

“แค่นี้!” หลีโม่ยิ้มแย้มขึ้นมา ความบังเอิญในครั้งนี้ ทำให้นางเข้าใจความจริงบางอย่าง หนังสือเทคนิคทางเข็มทองคำที่เวินยี่เขียนเล่มนี้ มันได้ผลอย่างมหัศจรรย์ และมันคุ้มค่ากับการที่นางใช้ใจไปศึกษา

สายตาของอ๋องเหลียงเป็นประกาย “เช่นนั้น เจ้าสามารถบังเอิญรักษาขาของข้าให้หายดีได้หรือไม่?”

หลีโม่มองไปทางเขา กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ขาของท่าน ข้ามั่นใจ ขอแค่ท่านเชื่อใจข้า”

อ๋องเหลียงพลันถอนหายใจออกมา “เจ้ารักษาโรคลับของข้าให้หายดี ยังมีอะไรที่จะทำให้ข้าไม่เชื่อ?”

หลีโม่กะพริบตาปริบๆ “ขอบพระทัยเพคะ ข้าคิดว่าท่านจะโกรธเสียอีก”

“โกรธ?” อ๋องเหลียงฝืนยิ้มออกมา “ที่ข้าโกรธ เป็นเพียงการปิดบังความน้อยเนื้อต่ำใจของข้าเท่านั้น ข้าได้พบหมอที่ไม่มีฝีมือมากมาย จนไม่มีความหวังจะทำสิ่งใดทั้งสิ้นมานานแล้ว ทว่าเจ้ากลับให้ความหวังนี้กับข้า ทำให้ข้ารู้สึกว่าตัวข้าสามารถใช้ชีวิตเหมือนคนปกติได้ เป็นเหมือนคนธรรมดา มันคือความใฝ่ฝันของข้ามาโดยตลอด”

หลีโม่น้ำตาคลอเบ้า เขาเข้าใจอ๋องเหลียง เข้าใจความฝันที่ขมขื่นนั่น นางเอื้อมมือไปจับมือของเขาอย่างอดไม่ได้ “ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง”

อ๋องเหลียงมองมือของนาง และกุมมือของนางกลับ มองนางด้วยสายตาที่อบอุ่น “ตอนนี้เจ้าไม่เสียใจที่ไม่แต่งงานกับข้าใช่หรือไม่? คิดว่าข้าโดดเด่นกว่าท่านลุงหรือไม่? ตอนนี้หากเสียใจก็คงไม่ทันแล้ว”

หลีโม่ตะลึงงัน เก็บมือกลับมาทันที ทว่ากลับเห็นอ๋องเหลียงหัวเราะออกมาเสียงดัง

“ท่านกำลังล้อเล่นข้าอยู่ใช่หรือไม่?” หลีโม่กล่าวด้วยความโมโห

อ๋องเหลียงเบิกบานใจยิ่ง “ท่าทางเมื่อครู่นี้ของเจ้ามันน่าขำยิ่งนัก”

หลีโม่มองเขาด้วยความโมโห “เช่นนั้นท่านหัวเราะพอหรือยัง? หากหัวเราะพอแล้ว ก็ถอดกางเกงออก ข้าจะตรวจดูผลสำเร็จการรักษาของข้า”

เสียงหัวเราพลันหยุดลงทันที!

ตรวจก็คือตรวจ ทว่ากลับเป็นการตรวจอาการบาดเจ็บของขาต่างหาก

ขาข้างซ้ายข้างขวาของอ๋องเหลียงต่างก็บาดเจ็บ ทว่าขาขวาจะเจ็บมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด เพราะหลังจากกระดูกหักได้รับการจัดการที่ไม่ดีเท่าไหร่ จึงทำให้กระดูกไม่ตรง และไม่มีทางจะประคองร่างกายได้ตามปกติ อีกทั้งดูจากสภาพแล้ว คงจะเป็นที่เส้นประสาทกดทับ นี่ก็หมายความว่า เขาต้องอดทนกับความเจ็บปวดมหาศาลมาเป็นเวลานาน

ตอนนี้ตำแหน่งของกระดูกก็คงที่แล้ว จะต้องเริ่มต้นรักษาใหม่ และผ่าตัดอีกครั้ง

ในสถานการณ์ที่ไม่มียาชา อาจจะทำให้คนรู้สึกเจ็บปวดเหมือนตายทั้งเป็น

หลีโม่สถานการณ์เบื้องต้นเหล่านี้ให้อ๋องเหลียงรับรู้ ให้เขาได้เป็นคนเลือกด้วยตัวเอง

อ๋องเหลียงแม้แต่คิดก็ไม่คิด รีบทันทีว่า “แค่เจ้าเป็นคนรักษาก็พอแล้ว”

“ท่านไม่กลัวเจ็บหรือ?”

อ๋องเหลียงมองไปที่นาง “ยังมีคนที่ไม่กลัวเจ็บอยู่ในโลกนี้อีกหรือ? ทว่าเจ็บปวดเพียงชั่วคราว ขาของข้า ข้าก็หวังว่าตัวข้าจะเป็นเหมือนคนปกติได้”

เขาพูดเช่นนี้อีกครั้ง

หลีโม่ ส่งเสียง “อืม” ออกมา จากนั้นจึงหยิบกระเป๋าเข็มออกมาจากกล่องยาของนาง และหยิบเข็มที่ยาวที่สุดเล่มหนึ่งออกมาฆ่าเชื้อ “จริงสิ โรคลับของท่านหายดีแล้ว เหตุใดยังต้องให้พวกนางออกไปอีกเล่า?”

“คนพวกนั้น ล้วนเป็นท่านแม่ที่จัดหามาให้ ก็เพื่อปกปิดความลับให้ทุกอย่างมันสงบสุข ตอนนี้ไม่มีความจำเป็นต้องปกปิดความลับอะไรแล้ว” อ๋องเหลียงกล่าวด้วยความนิ่งเฉย

หลีโม่พยักหน้า แสดงความเข้าใจ คนมากมายเหล่านี้เข้ามาในตำหนัก ก็เพื่อป้องกันไม่ให้คนนอกสงสัยเรื่องที่อ๋องเหลียงเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ

“เรื่องมีนางกำนัลมากมายที่ตายโหงอยู่ในตำหนักของท่าน ท่านรู้หรือไม่ว่าใครเป็นคนทำ?” หลีโม่เอ่ยถาม

อ๋องเหลียงพยักหน้า “ข้ารู้!”

“องค์รัชทายาทหรือ?”

อ๋องเหลียงเงียบไปครู่หนึ่ง “ในตอนแรก ข้าก็คิดว่าเป็นองค์รัชทายาท ทว่ามารู้ภายหลังว่าเป็นเสด็จแม่”

“แต่ข้าที่ข้าได้ยินชื่อเสียงแย่ๆ ของท่าน ล้วนเป็นฝีมือของรัชทายาทปล่อยข่าวออกมา” หลีโม่แปลกใจเล็กน้อย เหตุใดฮองเฮาต้องทำเช่นนี้ด้วย?

“ความตั้งใจเดิมของเสด็จแม่ เป็นเพียงการสร้างภาพหลอกตาขึ้นมาเท่านั้น ให้คนนอกคิดว่านางกำนัลพวกนั้นต่อสู้กันเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจนตายกันไปข้างหนึ่ง ทว่าเพื่อบิดเบือนความจริงของข้า องค์รัชทายาทจึงใช้วิธีการของเสด็จแม่มาปล่อยข่าวลือว่าข้าดุร้าย เลือดเย็น สังหารคนเหล่านั้น เพราะชื่อเสียงของข้าถูกเขาทำลายจนย่อยยับ จึงเป็นเหตุให้ท่านพ่อเกลียดข้ายิ่งนัก”

เมื่อเสียงของเขาเงียบลง ก็นำพาความรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ เพราะว่าเมื่อก่อนฮ่องเต้โปรดปรานเขายิ่งนัก

“เสด็จพ่อของท่านไม่รู้โรคลับของท่านหรือ?” หลีโม่รู้สึกแปลกใจอย่างอดไม่ได้

“นอกจากเสด็จลุงกับเสด็จแม่แล้ว ก็ไม่มีผู้ใดรู้เรื่องนี้อีก เสด็จย่าเองก็เพิ่งจะได้รู้เมื่อสองปีที่แล้ว”

หลีโม่คิดถึงอาการป่วยที่ลึกลับนั่นของฮ่องเต้ “ท่านรู้หรือไม่ว่าเสด็จพ่อของท่านป่วยเป็นโรคอะไร?”

“ไม่รู้” อ๋องเหลียงเงยหน้าขึ้นมา “เจ้าลองไปถามเสด็จลุงดีสิ ไม่ใช่เสด็จลุงเคยไปเยี่ยมเสด็จพ่อหรือ?”

ภายหลังมานี้หลีโม่ก็ไม่เคยถามเลย เพราะซือถูเย้นก็ไม่ยอมพูดออกมา

นี่กลับทำให้คนรู้สึกแปลกใจ ตามหลักแล้วซือถูเย้นมีความเชื่อมั่นในฝีมือการรักษาของนาง แต่เหตุใดไม่ให้นางไปรักษาฮ่องเต้เล่า? แม้กระทั่งไท่ฮองไท่เฮาก็ไม่เคยเอ่ยขึ้นมา

ทุกคนทำราวกับว่าโรคของฮ่องเต้เป็นความลับสุดยอดที่ไม่อาจเปิดเผยได้

ฮ่องเต้ป่วยเป็นอะไรกันแน่?

“ท่านเองก็ไม่สามารถไปเยี่ยมเสด็จพ่อของท่านได้หรือ?” หลีโม่ถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

อ๋องเหลียงส่ายหน้า “ไปไม่ได้ นอกจากจะได้รับการอนุญาตจากเสด็จย่า ไม่อย่างนั้นแม้แต่เสด็จแม่ก็เข้าไปไม่ได้”

หลีโม่รู้ว่าความอยากรู้อยากเห็นจนสามารถฆ่าแมวได้ เพื่อการรักษาอาการป่วยที่อันตรายร้ายแรงของฮ่องเต้ นางจึงยอมอ่อนข้อให้ อันที่จริงยังไม่สามารถรีบเร่งพุ่งเข้าไปได้

นางไม่อยากก่อปัญหาอะไรให้วุ่นวาย เพราะความวุ่นวายของนางนั้นมีมากพออยู่แล้ว ในตำหนักก็มีกุ้ยไท่เฟยที่กำลังรอเอาผิดนางอยู่

นางเปลี่ยนหัวข้อสนทนากลับมาที่อาการบาดเจ็บที่ขาใหม่อีกครั้ง ในมือบีบเข็มเอาไว้ “ข้าจะใช้เข็มฝังไปที่ตำแหน่งบนขาของท่าน ท่านเห็นเข็มเล่มนี้มันไม่เหมือนกับเข็มเฟยที่ใช้เมื่อก่อน มันค่อนข้างหนา อีกทั้งยังค่อนข้างแข็งกว่า ตอนที่ฝังลงไปจะเจ็บเล็กน้อย ท่านต้องอดทนเอาไว้”

“การฝังเข็มในตอนนี้มีประโยชน์อะไรหรือไม่?” อ๋องเหลียงเอ่ยถาม

หลีโม่จึงตอบว่า “เป็นเพียงการตรวจเส้นประสาทของท่านว่าได้รับความเสียหายอะไรหรือไม่ หากได้รับความเสียหาย แล้วมันร้ายแรงหรือไม่ หากร้ายแรงแล้วล่ะก็ มันอาจจะแก้ไขยากหน่อย”

ขาของอ๋องเหลียงได้รับบาดเจ็บตอนที่ร่างกายกำลังเจริญเติบโต อีกทั้งตอนบาดเจ็บก็ทำเพียงออกกำลังกาย จึงทำให้กล้ามเนื้อไม่หดตัว สิ่งนี้จึงทำให้หลีโม่พอใจยิ่งนัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม