ตอนที่ 399 ระวังคำพูด
เมื่อจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว คืนวานนี้หลีโม่จึงเป็นฝ่ายชี้แจงเรื่องของหานชีงชิวให้กับใต้เท้าเหลียง
“หมายความว่าหลังจากที่พระชายาพูดคุยกับหานชีงชิวเสร็จแล้วก็กลับเลยงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ใช่ สาวใช้เป็นพยานให้ได้”
“สาวใช้พูดเช่นนี้จริงๆ และยังบอกอีกว่าหลังจากพระชายากลับไปแล้ว หานชีงชิวยังมีสติ ไม่มีร่องรอยถูกพิษเลย อีกทั้งยังพูดกับสาวใช้ปกติอยู่พักหนึ่ง สาวใช้บอกว่าอารมณ์ของนางไม่ดีนัก ทั้งยังร้องไห้อยู่พักใหญ่” ใต้เท้าเหลียงกล่าว
ฮองไทเฮาพูดแทรกขึ้นมาว่า “เป็นไปได้หรือไม่ที่นางจะกินยาฆ่าตัวตาย?”
“ทูลฮองไทเฮา เรื่องนี้มีความเป็นไปได้อยู่พ่ะย่ะค่ะ แต่เมื่อค้นห้องจนทั่วแล้ว ก็หาไม่เจอยาพิษที่เหลืออยู่เลย และหาไม่เจอกระดาษที่ใช้ห่อยาพิษด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ถ้าหากเป็นเพียงเม็ดยาเม็ดเดียวล่ะ ซ่อนเอาไว้ในแขนเสื้อ ยาพิษไม่จำเป็นต้องห่ออย่างเดียว” ฮองไทเฮากล่าว
ใต้เท้าเหลียงยังคงมีความสงสัยอยู่ แต่เมื่อได้ยินฮองไทเฮาพูดเช่นนั้น ก็นับว่าเป็นอันปิดคดีนี้ ถึงอย่างไร คนของตระกูลเซียวก็เหมือนจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ และไม่มีท่าทีว่าจะไปสืบสวนเรื่องนี้ด้วย เรื่องนี้คนที่มีสิทธิ์สั่งให้สืบสวนมีเพียงคนเดียวก็คือฮองไทเฮา ตอนนี้แม้แต่นางก็พูดเช่นนี้ เขาก็ยิ่งดีใจที่ไม่ต้องเปลืองแรงอะไรมาก
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “เพียงแต่ว่าคดีนี้ต้องส่งให้กับทางสิงปู้ เช่นนั้นหม่อมฉันควรจะ…”
ซือถูเย้นพูดแทรกคำพูดของเขาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “คืนวานนี้หานชีงชิวไปเยี่ยมองค์หญิง และร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าคนในตำหนักองค์หญิง บอกว่านางขอโทษองค์หญิง ข้าก็เลยเดาว่านางอาจจะละอายใจจึงต้องกินยาฆ่าตัวตาย”
ใต้เท้าเหลียงเช็ดเหงื่อบนหน้าผากครู่หนึ่ง “ที่ท่านอ๋องพูดมาก็มีเหตุผล หากเป็นเพราะละอายใจจึงกินยาฆ่าตัวตาย บวกกับเรื่องหนังสือหย่า การจบชีวิตตัวเองก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้”
“อืม ไปเถอะ” ซือถูเย้นกล่าว
ใต้เท้าเหลียงรีบขอทูลลา เรื่องนี้เดิมทีก็คิดว่าจะจัดการยาก เพราะถึงอย่างไรหานชีงชิวก็เป็นฮูหยินของแม่ทัพใหญ่ คิดไม่ถึงว่าจะผ่านไปได้ง่ายดายเช่นนี้
ฮองไทเฮาเองก็ไม่อยากจะฟังคดีของหานชีงชิว คิดแต่ว่าจะไปพูดโน้มน้าวใจเหาเย๋อย่างไร
ซือถูเย้นกับหลีโม่ก็ออกจากวังไป ให้นางครุ่นคิดอยู่กับตนเองคนเดียว
ระหว่างทาง หลีโม่พูดเรื่องทั้งหมดที่เตาเหล่าต้าเห็นเมื่อคืนนี้ออกมา “หญิงผู้นี้ เสี่ยวเตาบอกว่าไม่เคยเห็นมาก่อน นางหยิบปิ่นปักผมของข้าออกมา นี่ก็พิสูจน์ได้ว่านางเอามาจากตำหนักอ๋องซื่อเจิ้ง นางจะเป็นคนของตำหนักอ๋องซื่อเจิ้งหรือไม่?”
ซือถูเย้นกล่าวว่า “นางคือฟางเอ๋อร์ เหล่าปากลับมาแล้ว”
“ฟางเอ๋อร์? ฟางเอ๋อร์คือใคร?” หลีโม่ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
“ฟางเอ๋อร์คือพี่สาวของโหรวเหยา เป็นบุตรสาวที่เกิดจากอนุภรรยา ถูกไล่ออกจากบ้าน ต่อมาก็ไปอยู่เหล่าปาที่แคว้นเหลียง”
“ฟังดูแล้วเหมือนนิทาน เช่นนั้นก็ไม่ใช่ลูกพี่ลูกน้องของท่านหรือ? เหตุใดถึงได้ถูกไล่ออกจากบ้านเล่า?” หลีโม่เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“สาเหตุในเรื่องนี้ก็ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ แต่มีคนบอกว่าเกี่ยวกับข้าด้วย” ซือถูเย้นมองไปที่ด้านนอกหน้าต่าง พูดด้วยใบหน้าที่บริสุทธิ์ใจ
“เกี่ยวกับท่านงั้นหรือ? ใครบอกว่าเกี่ยวกับท่าน?”
“อืม ใครก็พูดอย่างนี้”
“ท่านเป็นคนไล่นางไปหรือ? เป็นไปไม่ได้กระมัง? ท่านไม่มีทางไปก้าวก่ายเรื่องในบ้านของคนอื่นได้ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ท่านอย่าพูดเล่นลิ้นได้หรือไม่ รีบพูดมา” หลีโม่ยิ่งอยากรู้
ซือถูเย้นค่อยๆ พูดมาอย่างช้าๆ “นางชอบข้า”
“ผมของหลีโม่ตั้งตรงขึ้นทันที พูดอย่างระมัดระวังว่า “นางชอบท่าน? นางเองก็ชอบท่าน? เมื่อก่อนบอกว่าโหรวเหยาชอบท่านไม่ใช่หรือ?” ได้ยินเตาเหล่าต้าบอกว่านั่นเป็นสตรีที่งดงามที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาในชีวิตนี้
ซือถูเย้นถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม ใช้สายตาอันลึกซึ้งมองไปที่หลีโม่ “ใช่ จะทำอย่างไรได้เล่า? พอข้าเกิดมาก็ดึงดูดให้สตรีมาชอบแล้ว”
“พอเลย มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ พูดให้ชัดเจน” หลีโม่เริ่มโมโหแล้ว อยู่ๆ ก็มีศัตรูหัวใจมาอีกหนึ่งคน อีกทั้งสัญญาณล่วงหน้าก็ไม่มีแม้แต่นิดเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...