ตอนที่ 436 คำตัดสินของฮ่องเต้
ซุนฟางเอ๋อร์ทิ้งแขนที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงลงมา คิดถึงเรื่องในปีนั้น นางเพียงรู้สึกถึงความเกลียดแค้นที่อัดอั้นอยู่เต็มหัวใจของนาง
เมื่อก่อนนางยังสามารถใช้การที่เขาเป็นคนไร้ความรู้สึกมาปลอบใจตัวเอง ทว่าตอนนี้เขากลับรู้สึกลึกซึ้งกลับเสี้ยหลีโม่ นางยังจะสามารถหลอกลวงตนเองได้อีกหรือ?
หมัดที่คลายออกค่อยๆ กำแน่นขึ้นอย่างช้าๆ
นางกล่าวด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก “หากเดาไม่ผิด ในวันพรุ่งนี้ซือถูเย้นจะเข้าวังตั้งแต่เช้า เขาจะคุมขังเสี้ยหลีโม่เพื่อตรวจสอบด้วยตนเอง ปฏิเสธการมอบตัวเสี้ยหลีโม่ ข้าอยากจะให้ท่านอ๋องแจ้งกุ้ยไท่เฟยให้นางพาข้าเข้าวังไปก่อน และพูดกับฮองไทเฮาว่าในตอนแรกเริ่ม อาการป่วยฮ่องเต้ออกมาจากปากของเย้นเอ๋อร์สาวใช้ข้างกายเสี้ยหลีโม่ จากนั้นข่าวก็แพร่กระจายไปถึงร้านเหล้าโรงน้ำชาในเมืองหลวง อีกอย่างต้องบอกว่าข้าสามารถรักษาโรคนี้ได้”
“องครักษ์ที่เปิดเผยความลับผู้นั้น จะถูกตรวจสอบเจอหรือไม่?” หนานอ๋องหวยเห็นว่านางกลับมามีท่าทีสงบกว่าก่อนหน้านี้ ก็พยักหน้าอย่างพอใจ
“ไม่มีทาง เพราะเขาได้ป่วยหนักจนตายไปแล้ว เพราะหนอนพิษที่ใส่ลงไปในตัวเขามีพิษอย่างรุนแรง หลังจากปล่อยข่าวไปสิบสองชั่วยาม เขาจะปวดหัวใจอย่างรุนแรง ทำให้เป็นเรื่องตบตาว่าเขาป่วยหนักจนเสียชีวิต”
“เช่นนั้นก็ดี” อ๋องหนานหวยยิ้มอย่างชั่วร้าย “เขาอยากปกป้องเสี้ยหลีโม่? เกรงว่ามันจะไม่ง่ายขนาดนั้น”
ความจริงแล้ววังหลวงก็ได้วุ่นวายขึ้นมาแล้ว แม้ว่าฮองไทเฮาจะมีรับสั่งให้หยุดพูดคุยเรื่องนี้แล้ว ทว่าเรื่องฮ่องเต้ป่วยเป็นโรคแผลพุพอง ยังทำให้คนแตกตื่นไม่น้อย หมุยเฟยกับอี๋เฟยปลอบขวัญนางสนมอย่างสุดความสามารถ
องค์รัชทายาทถูกกักบริเวณ เหลียงไถ้ฝู้ก็เข้าวังไปปรึกษาวางแผนรับมือ
ฮองไทเฮาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ โดยเฉพาะการเรียกซือถูเย้นให้เข้าวังครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็ไม่เคยมา จึงคิดว่าเขาจะต้องมีความลับอะไรในใจแน่นอน
“ฮองไทเฮาโปรดระงับโทสะด้วยพ่ะย่ะค่ะ หากในตำหนักมีเรื่องสำคัญอาจจะทำให้ล่าช้าได้ อีกมั้งเรื่องนี้หลังจากแพร่กระจายออกไป ข้าราชบริพารต่างพากันหวาดกลัว บางทีท่านอ๋องอาจจะไปปลอบขวัญเหล่าขุนนางก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
“ปลอบขวัญอะไรกัน? ข่าวที่มามิได้บอกว่าเขาอยู่ในตำหนักตลอดหรอกหรือ?”
“พ่ะย่ะค่ะ ทว่าก็ยังบอกอีกว่าเขาคุมขังพระชายาแล้ว ท่านอ๋องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากพ่ะย่ะค่ะ”
ฮองไทเฮาพูดอย่างไม่สบอารมณ์นัก “ข้าเคยบอกไปแล้วหลายครั้ง ห้ามให้ใครเข้าไปในตำหนักซีเวย และหวังว่าเขาจะสามารถปฏิบัติอย่างระมัดระวังรอบคอบ ตั้งแต่ฮ่องเต้ทรงประชวร ข้าก็เหมือนกับกำลังเหยียบอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบางๆ ทุกวัน กลัวว่าคนของตำหนักเวยซีจะปล่อยความลับออกมา แต่ข้ากลับไม่เคยคิดเลยว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นเขาที่ทำ”
ซุนกงกงพลันทอดถอนใจ คิดไม่ถึงว่าจะปล่อยข่าวออกไปในสถานการณ์ที่หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ อาการป่วยของฮ่องเต้ ตั้งแต่วันที่วินิจฉัยโรควันนั้น ก็กลายเป็นทั้งข้อห้ามและความลับของแคว้นต้าโจวมาตลอด
“ฮ่องเต้จะเป็นอย่างไรบ้าง?” ฮองเฮาเอ่ยถามด้วยสีหน้าท้อแท้
ซุนกงกงตอบว่า “ลู่กงกงบอกว่าฮ่องเต้คิดจะตัดแขนออกไปข้างหนึ่ง และทาสีหน้าด้วยแป้งสีดำ ให้เป็นเหมือนถูกยาพิษ ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ฮ่องเต้บอกว่าไม่สามารถให้คนของตระกูลซือถูได้รับคำสาปของโรคแผลพุพอง”
ทันทีหลังจากนั้นน้ำตาของฮองไทเฮาก็พลันไหลพรากลงมา ปวดร้าวแทบจะขาดใจ “เขาเช่นนี้มาโดยตลอด ยังต้องตัดแขนข้างหนึ่งอีกหรือ? มิสู้ฆ่าเขาให้ตายไปซะ ”
ฮ่องเต้คือบุตรชายที่นางให้กำเนิด ตั้งแต่เขาได้รับตำแหน่งองค์รัชทายาท นางก็เป็นเสด็จแม่ที่คอยเข้มงวดต่อเขามาก เพราะรู้ว่าในวันข้างหน้าเขาต้องรับผิดชอบหน้าที่อันยิ่งใหญ่ จะไม่ให้มีข้อบกพร่องเลยแม้แต่ข้อเดียว
ภายใต้ความเข้มงวดของนาง เขาก็มีอนาคตจริงๆ ถึงขั้นในใจของเขาไม่ได้รู้สึกลึกซึ้งต่อสตรี มีเพียงใจอยากจะบริหารบ้านเมือง
หลังจากเขาประชวร เขาก็มิได้สนับสนุนให้โอรสของเขาขึ้นครองราชย์ในทันที แต่กลับทิ้งอำนาจให้ตกไปอยู่ในกำมือของคนอื่น ขอเพียงให้แผ่นดินแคว้นต้าโจวดำเนินต่อไปได้ในระยะยาว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...