ตอนที่ 470 ไปวังเย็น
หลังจากหลีโม่ใจเย็นลง ก็ประชดกลับ “จิตใจคนเรา ก็เป็นเช่นนี้ ถ้าฮองไทเฮารู้ เห็นคนข้างกายตนเองถูกอี๋เฟยดุด่าเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะโกรธแค้นมากเพียงใด”
“อย่าพูดเรื่องนี้กับข้า ข้าไม่เคยเชื่อเรื่องผี คนตายก็ตายไป ไม่หลงเหลืออะไร ข้าจะทำอะไรกับคนของนาง นางก็ไม่มีทางรู้แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะโกรธเพียงใด”
นางยกมือขึ้น “พอเถอะ เจ้าอย่าพูดวกวนกับข้า เจ้าตอบข้ามาตรงๆ ว่าข้าจะเข้าไปได้ไหม?”
หลีโม่มองซุนกงกง เมื่อครู่เขาเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง
ซุนกงกงหยักหน้าให้หลีโม่ แสดงท่าทีให้ตอบตกลงไป
ถึงแม้หลีโม่ไม่รู้ว่าซุนกงกงมีแผนอะไร แต่เขานั้นฉลาดหลักแหลม คิดว่าถึงแม้อี๋เฟยเข้าไปก็ไม่พบอะไร
นางก็เลยตอบไปว่า “เอาเถอะ ในเมื่ออี๋เฟยอยากเข้าไปดู ก็เข้าไปเถอะ แต่ว่า ข้าต้องเข้าไปด้วย เพราะเหลียงพิงเป็นโรคหวัด สามารถติดต่อกันได้”
“เจ้าอยากจะเป็นหมาตามตูดก็ไม่มีใครห้ามเจ้าหรอก” อี๋เฟยกล่าว
“ไม่รู้ว่าอ้ายอีมาพูดปากเหม็นที่นี่? เหม็นจนข้านอนกลางวันไม่หลับ ไปไหนก็ไม่ไป กลับมายังที่พระราชวังฉางเซิง จะมารังแกคนหรือไง”เสียงซือถูจิ้งถูกส่งออกมาจากประตู ดูไม่พอใจมาก
หลีโม่ได้ยินดังนั้น ก็หยุดคำด่าตนเองแล้วกลืนลงคอไป แล้วก็ยืนยิ้มข้างๆ ถึงแม้ซือถูจิ้งจะไม่ถนัดการทะเลาะเบาะแว้ง แต่ตำแหน่งของนางก็มีประโยชน์
อี๋เฟยเงยหน้ามองซือถูจิ้งเดินเข้ามา แล้วยังได้ยินนางพูดเช่นนี้อีก สีหน้าก็แสดงออกความไม่พอใจ แต่เนื่องตำแหน่งของซือถูจิ้ง ก็มิอาจจะปริปากต่อว่าได้ ได้แต่พูดเบาๆว่า รบกวนการนอนกลางวันขององค์หญิง หม่อมฉันควรได้รับโทษเพคะ แต่ว่าที่พระราชวังฉางเซิงไม่มีใครให้รังแกหรอก อีกอย่างองค์หญิงบอกว่าปากหม่อมฉันนั้นเหม็น แต่คำพูดขององค์หญิงก็ไม่สะอาดสักเท่าไรหรอกเพคะ
“ปากของข้าจะสะอาดหรือไม่นั้นไปเกี่ยวอะไรกับเจ้า? แต่ปากเจ้าไม่สะอาดนั้นข้าตบได้ปากเจ้าได้ ” ซือถูจิ้งก้าวเดินเข้ามา ตรงเข้ามานั่ง วางมาดเต็มที่
อี๋เฟยรู้ว่าทำดีต่อหน้าซือถูจิ้งไม่มีประโยชน์ แต่ก็ไม่ทะเลาะด้วย นางพูดว่า “เช่นนั้นครั้งหน้าองค์หญิงเห็นหม่อมฉันแล้วไม่สบายตาอีก ก็ลงมือตบหม่อมฉันได้เลย หม่อมฉันจะเข้าไปวังเย็นดูเหลียงพิง อย่างน้อยก็เป็นพี่น้องกัน นางล้มป่วย หม่อมฉันก็ควรไปเยี่ยมหน่อย”
“รอเดี๋ยว!” หลีโม่เห็นว่าซือถูจิ้งมา เรื่องเมื่อครู่ก็ต้องพูดให้ชัดเจน เดี๋ยวข่าวจะแพร่ออกไปแล้วนางมีความผิดฐานทำเกินอำนาจหน้าที่
“หรือว่าพระชายาอ๋องซื่อเจิ้งอยากจะให้อยู่กินข้าวก่อน?” อี๋เฟยยิ้มเย็น
หลีโม่ตอบ “ถ้าอี๋เฟยให้เกียรติ ก็ย่อมได้ ขอแค่อี๋เฟยไม่รังเกลียดเหล้าปลาอาหารบ้านๆก็พอ”
“พระชายาอ๋องซื่อเจิ้งไม่ต้องอ้อมค้อม ยังมีเรื่องอะไรอีก?” อี๋เฟยบึนหน้าหนี
หลีโม่คิดว่าสมองคนคนนี้มันแปลกๆ ก็เห็นอยู่ว่ามาหาเรื่อง “เมื่อครู่อี๋เฟยบอกว่าเรื่องที่ข้ามาดูแลบัญชีเป็นแค่เรื่องชั่วคราว ตอนนี้เห็นแก่ที่องค์หญิงเจิ้นโก๋อยู่ด้วย ลองไถ่ถามท่านดูก็แล้วกัน ว่าข้านั้นมาทำงานนี้โดยถูกต้องหรือแค่ชั่วคราว”
อี๋เฟยไม่พอใจ “ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้น เจ้าคิดจริงจังหรือ?”
“อี๋เฟยหลุดปากพูดเล่นนั้นเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไปก็จะไม่ดี ต้องพูดให้กระจ่างหน่อยก็ดี” หลีโม่มองไปยังซือถูจิ้ง “องค์หญิง ท่านก็ให้คำตอบที่ชัดเจนหน่อยก็แล้วกัน ท่านเป็นองค์หญิงเจิ้นโก๋ ตำแหน่งสูงส่ง ตอนนี้วังหลังไม่มีคนเป็นหลักให้ได้ ก็มีแต่ท่านแล้ว”
ซือถูจิ้งด่าในใจว่า ยัยนี่มาว่าข้าแก่
แต่ว่า นางก็ช่วยเหลือหลีโม่ พูดไปว่า “ก่อนหน้านี้ฮองไทเฮาก็ออกคำสั่งให้เจ้ามาดูแลบัญชีในวังไม่ใช่หรือ? ในเมื่อเป็นคำสั่งของฮองไทเฮา แล้วทำไมถึงจะไม่ถูกต้อง? อีกอย่าง ตอนนี้ก็ยังไม่มีฮองเฮา อี๋เฟยและหมุยเฟยจัดการเรื่องในวังก็ยุ่งมากพอแล้ว เจ้าเป็นพระชายาอ๋องซื่อเจิ้งก็ต้องช่วยแบ่งเบาภาระหน่อย นี่เป็นหน้าที่เจ้า จะมาทิ้งงานไม่ได้”
สีหน้าอี๋เฟยเริ่มไม่ดี แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร พูดแค่ว่า “องค์หญิง เช่นนั้นหม่อมฉันขอตัวก่อนก็แล้วกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...