พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 473

ตอนที่ 473 เขาจะไปออกรบ

หลีโม่รู้ว่าคืนนี้ต้องเล่าทุกอย่างออกมาแล้ว ตอนนี้สถานการณ์ไม่แน่นอน พวกเขาต่างก็ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น

ให้เขารับรู้ อย่างน้อยนางก็จะได้ไม่ต้องปิดบังอะไรเขาอีก

“ชื่อเดิมของข้า ก็ชื่อเสี้ยหลีโม่ ข้าไม่ใช่คนในแคว้นต้าโจว หรือข้าไม่ใช่คนในยุคสมัยนี้ ยุคสมัยที่ข้าจากมา น่าจะห่างจากตอนนี้ประมาณหลายร้อยปีถึงหลายพันปี...” นางไม่รู้จริงๆว่ายุคสมัยนี้ เท่ากับประวัติศาสตร์ยุคไหน จากความเจริญทางวัฒนธรรมจริยธรรม สามารถคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นในช่วงราชวงศ์ถังและราชวงศ์ซ่ง

ซือถูเย้นถูกเรื่องเล่าที่เกิ่นนำนี้ทำให้มึนงง พูดหลุดปากออกมาด้วยภาษาบ้านๆของเตาเหล่าต้า “เจ้าพูดเรื่องอะไร? อะไร?”

“ใจเย็นๆ เจ้าค่อยๆฟังข้าเดี๋ยวก็จะเข้าใจเอง อาชีพของข้าตอนที่อยู่ในยุคของข้า คือเป็นแพทย์ทหารพิเศษ กลุ่มหน่วยงานพิเศษที่ข้าอยู่เป็นกลุ่มหน่วยงานพิเศษที่คอยปกป้องประเทศชาติ รับงานอย่างเป็นความลับ ดังนั้นจึงมีแพทย์ทหารพิเศษ ข้าก็คือแพทย์ทหารพิเศษในกลุ่มหน่วยงานพิเศษ เป็นคนเดียวที่มีหน้าที่สองอย่าง บางครั้งก็ทำหน้าที่เป็นแพทย์ทหาร บางครั้งก็เป็นทหารพิเศษ ข้าก็ต้องออกไปปฏิบัติหน้าที่ มีครั้งหนึ่งขณะที่ข้ากำลังออกไปปฏิบัติหน้าที่แล้วโดนผู้บังคับบัญชาของข้า...ก็คือหัวหน้าของข้าหักหลัง ข้าโดนยิงตายด้วยปืน...ปืนคืออาวุธอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ปืนยาวที่พวกเราเห็นในยุคนี้ เฮ้อ เรื่องนี้ช่างเถอะ ยังไงฉันก็ตายแล้วในยุคนั้น เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้กลายเป็นเสี้ยหลีโม่ในยุคของพวกเจ้านี้ ตอนที่ข้าฟื้นขึ้นมา เป็นจังหวะที่ซือถูเย่กับเฉินหลิงหลงสองแม่ลูกกำลังบังคับให้ข้าแต่งงาน จะให้ข้าแต่งกับอ๋องเหลียง ตอนนั้นร่างกายของข้าบาดเจ็บสาหัสมาก ต้านทานไม่ไหว จึงยอมตกลงก่อน หลังจากนั้น ก็กลายเป็นสิ่งที่เจ้ารู้มาทุกอย่าง”

ซือถูเย้นยื่นลูบตรงหน้าผากของนาง อย่างตื่นเต้น “ที่รัก เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“เจ้าคิดว่าข้าพูดไปเรื่อย?” หลีโม่รู้ดีอยู่แล้วว่าเขาไม่มีทางเชื่อแน่ เรื่องเหลือเชื่อขนาดนี้ ใครเชื่อก็บ้าแล้ว

“เจ้าล้อข้าเล่น หรือพูดโม้ไปเรื่อย?” ซือถูเย้นถามกลับ

หลีโม่ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี “ที่ข้าพูดเป็นความจริงทั้งหมด”

“ช่างเถอะ เจ้าไม่อยากพูดก็แล้วไป ข้าไม่ควรไปบังคับเจ้า ทุกคนต่างก็มีความลับของตัวเอง เจ้ามี ข้าก็มี” ซือถูเย้นพูดอย่างเรียบเฉ

หลีโม่ได้ยินเช่นนี้แล้ว ขนก็ลุกขึ้นมาทันที “ข้าอุตส่าห์รวบรวมความกล้า เล่าเรื่องราวของข้าให้เจ้าฟัง เจ้ายังไม่เชื่อ? เจ้าคิดว่าข้า...ไม่สิ เมื่อกี้เจ้าพูดว่า ทุกคนล้วนมีความลับของตัวเอง เจ้าก็มี? ความลับของเจ้าคืออะไร?”

ซือถู้เย้นพูดอย่าเชื่องช้าว่า “เจ้ายุ่งเรื่องของข้า? ลองทบทวนคิดเรื่องว่าเรื่องของเจ้าจะต้องเล่ายังไงดีกว่า อย่าพูดอะไรที่ว่าวิญญาณสลับร่างอะไรพวกนี้ พูดออกไปคนอื่นเขาจะหาว่าเจ้าเป็นบ้า”

“ช่างเถอะ พูดความจริงกับเจ้าแล้ว เจ้ายังไม่เชื่อ ไม่พูดล่ะ” หลีโม่ดูเสียความรู้สึกมาก ที่จริงคิดว่าเขาน่าจะเชื่อบ้างบางส่วน คิดไม่ถึงว่าจะไม่เชื่อเลย ยังหาว่านางเป็นบ้า

นางลุกขึ้นยืน “เจ้านั่งพักก่อน ข้าไปสั่งคนทำอาหารมื้อดึกมาให้ ทานแล้วก็รีบไปอาบน้ำเข้านอน”

ซือถูเย้นมองดูเงาหลังของนาง คิ้วกลับค่อยๆขมวดขึ้นมา

ถึงแม้หลีโม่จะพูดอย่างเหลือเชื่อ แต่เขาก็เชื่อ

ก็เพราะเชื่อจึงเป็นห่วง หากสถานภาพของนางถูกคนอื่นรู้เข้า จะต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่แน่ เรื่องวิญญาณอะไรแบบนี้ เป็นสิ่งต้องห้ามของฮ่องเต้อย่างที่สุด

ต่อให้ยกเว้นฮ่องเต้ พวกเหล่าขุนนางล่ะ? พวกอ๋องหนานหวยต่างๆจะยอมปล่อยเรื่องนี้โดยที่ไม่ทำอะไรหรือ?

ดังนั้น เขาต้องดักความเป็นไปได้ที่นางจะพูดออกไป จะให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด

สถานภาพของนาง ช้าเร็วก็จะต้องมีคนขุดคุ้ยขึ้นมาแน่ เพราะอุปนิสัยก่อนหลังของนางแตกต่างกันมาก ตอนนี้ไม่มีใครเอาเรื่องของนางไปทำอะไร แต่หลังจากที่เขาไปแล้วล่ะ? ดาบทุกเล่มก็จะหันมาจ่อที่นาง

หลีโม่ไม่รู้ถึงความตั้งใจของเขา ดังนั้น ตอนที่นางอาหารมื้อดึก ก็ครุ่นคิดอยู่ กลับแล้วก็พูดกับเขาว่า “ที่จริงเมื่อกี้ข้าหลอกเจ้า ข้าแค่ไม่อยากยอมรับว่าข้าเป็นลูกสาวของเสี้ยห้วยจุน แต่เรื่องชาติกำเนิดนี้ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ไม่อยากยอมรับก็ต้องยอมรับ”

ซือถูเย้นหัวเราะพร้อมพูดว่า “ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นแบบนี้”

เขาทานโจ๊กไปสองถ้วย ทานหมั่นโถวไปสองลูก ก็ไม่มีผักอะไรแล้ว ล้วนเป็นของที่ทานเหลือจากมื้อค่ำ ในพระราชวังฉางเซิงมีห้องครัวเล็กๆเป็นของตัวเอง จึงไม่ต้องรบกวนทางด้านห้องอาหาร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม