ตอนที่ 484 สารส่งข่าว
เนื่องจากราชสำนักในตอนนี้ไม่มีเฉิงเสี้ยง แม้แต่ไถ้ฝู้ก็ถูกไล่ออกไปแล้ว ส่วนอ๋องซื่อเจิ้งก็ไปออกศึกพร้อมกับพาเซียวโธ่ซูชิงและจิ่นเฉิงไปด้วย ดังนั้นจึงทำให้ลูกน้องของอ๋องเย่จึงลดลงไปมาก แล้วทำอย่างไรล่ะ? ทั้งไม่รู้ว่าลูกน้องที่อยู่ใต้บังคับบัญชาพวกไหนบ้างที่สามารถพึ่งพาได้ และพวกนั้นที่เป็นคนทรยศหักหลัง จึงทำได้เพียงใช้ทหารลับที่อยู่ข้างกายของตนเท่านั้น
ทหารลับไม่มีตำแหน่งขุนนาง ก็เท่ากับว่าเขาก่อตั้งพรรคนั้นขึ้นมาในยุทธภพ ก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่บ้าง เพราะถึงอย่างได้ก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นทหารลับ และยังได้รับการยอมรับจากราชนิกุล แต่กลับไม่ได้รับการยอมรับจากราชสำนัก
เมื่อไร้ซึ่งตำแหน่งขุนนาง ในขณะที่ออกไปทำงานตามคำสั่งก็ย่อมพบเจอกับคำซักถามมากมาย นั่นก็คือหยู่ซือที่เหมือนกับลูกเห็บอึตกที่ไม่ยอมเคลื่อนย้ายออกไปไหน
ในขณะที่ประชุมเช้า พวกเขาได้เสนอขึ้นมา หากยังให้ทหารลับเข้ามาแทรกแซงเรื่องของการบริหารบ้านเมืองอีก ก็จะส่งฎีกาให้กับฮ่องเต้
หยู่ชือมีจุดเด่นอยู่ข้อหนึ่ง ก็คือเมื่อมีความผิดก็ยอมรับผิด หลังจากยอมรับผิดก็ยังดึงดันทำผิดต่อไป ไม่เคยปรับปรุงตัว ก่อนที่เหลียงไถ้ฝู้จะถูกไล่ออกจากวังหลวง ฮ่องเต้ก็ได้ให้อภัยโทษคนกลุ่มหนึ่ง หรือพูดให้ดูดีก็คือเพื่อให้คนเหล่านี้มาต่อต้านอ๋องหนานหวย ความจริงแล้วฐานของเขาไม่แข็งแรงนัก เมื่อเกิดวิกฤติของแคว้นในขณะนี้ เขาไม่สามารถสับเปลี่ยนโยกย้ายขุนนางจำนวนมากได้ ทำได้เพียงให้ดำรงตำแหน่งอื่นไปก่อนชั่วคราว ทว่าหลังจากที่คนเหล่านี้ได้ทำงาน ก็มักจะหาเรื่องต่อต้านอ๋องหนานหวยตลอด เดิมทีเรื่องนี้ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับอ๋องเย่แต่อ๋องหนานหวยผู้นี้ก็กลัวว่าใต้หล้าจะไม่สงบ ในการประชุมของทุกวันไม่มีเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับเขาแม้แต่น้อย แต่ก็มักจะกระง่อนกระแง่น ตะโกนเรียกเหลาจิ่วๆ พร้อมกับกอดไหล่อย่างสนิทสนมอยู่บ่อยครั้ง ทำให้คนอดรู้สึกไม่ได้ว่าอ๋องเย่กับอ๋องหนานหวยเป็นพวกเดียวกัน
และการที่อ๋องเย่ใช้คนของตนออกไปทำงาน ก็มักจะถูกคนตั้งใจใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ มาปลุกปั่นความรู้สึกที่ไม่ดีต่อหน้าหยู่ซือ หยู่ซือที่มีความสามารถพิเศษที่สุดนั่นก็คือการเลือกสิ่งที่ผิด ก็มักจะเลือกคนผิดทั้งหมด
เรื่องนี้จึงทำให้เป็นสิ่งที่ยากในการค้นพบความรู้สึกว่ามีตัวตน และแน่นอนว่าเขาจะไม่มีทางยอมปล่อยมันไป
ดังนั้นการประชุมในยามเช้าของวันนี้ ก็แทบจะเป็นการประชุมเพื่อประณามอ๋องเย่
อันที่จริงแล้วเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร เพียงอ๋องเย่รับปากว่าจะไม่ใช้คนข้างกายของตนทำงานเกี่ยวกับราชสำนักอีกก็พอ และเพียงคำสัญญาประโยคเดียว แต่เรื่องที่ชอบใช้ใครเป็นการส่วนตัวนั้น ใครสนกันล่ะ?
ซือหยู่เพียงเห็นว่าขุนนางมีปัญหา ก็จัดการมันเท่านั้น
ไม่ว่าอย่างไรอ๋องเย่ก็ต้องไว้หน้าคนอื่นบ้างใช่หรือไม่?
แต่อ๋องเย่ผู้นี้ก็ช่างเป็นคนตรงไปตรงมา ทั้งตรงไปตรงมาและพูดจาโผงผาง คนในที่ประชุมต่างก็ประณามเขาอยู่นาน เขาเหมือนกับฟังไม่ออก ทั้งยังพูดคล้อยตามคนอื่นอีกว่าคนแบบนี้ควรจะถูกไล่ออกไปจากราชสำนัก อย่าให้เขากลับมา
แล้วจะให้คนอื่นพูดอย่างไรอีกเล่า? เขาเป็นคนที่ฮ่องเต้เชิญให้กลับมาดูแลราชกิจของบ้านเมือง เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เดิมทีก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่
เจ้ากลับบอกว่าให้ไล่ออกจากราชสำนัก นี่ไม่เท่ากับการตบหน้าของฮ่องเต้หรอกหรือ?
เขาไม่สนใจอะไรเลยสักนิด ถึงขั้นบอกว่าตนไม่เข้าใจเรื่องการแก้ปัญหาราชกิจของบ้านเมือง ไม่สามารถรับหน้าที่ไท่เว่ยได้ อยากจะเลิกทำหน้าที่นี้แล้วออกไป
เหตุการณ์นี้ทำให้หยู่ซือตกใจไม่น้อย เขาเอ่ยปากไล่ออกมาอย่างเด็ดขาด แม้ว่าใครต่างก็ไม่อยากจะเห็นหน้าเขา แต่เขาสามารถตายได้ ล้มป่วยได้ พบเจอกับเหตุที่คาดไม่ถึงได้ สรุปคืออะไรก็ได้ทั้งหมด แต่ไม่สามารถไล่พวกเขาออกไปได้
แบบนี้รับไม่ไหวแน่นอน
การประชุมเพื่อประณามนี้ สุดท้ายก็ได้เปลี่ยนเป็นการประชุมเพื่อเหนี่ยวรั้ง และสุดท้ายอีกนั้นก็เปลี่ยนเป็นการประชุมเพื่อสรรเสริญ ให้เกียรติ
กับเรื่องเหล่านั้นที่เขากำลังสนใจว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะอ๋องเย่ได้รับความเคารพรักจากประชาชน ข้าราชบริพารปฏิบัติตามคำสั่ง จึงทำให้เขายอมฝึกประสบการณ์ในตำแหน่งไท่เว่ยและสร้างความผาสุกให้แก่ประชาชนมากมายต่อไป
อ๋องเหลียงเห็นปากของอ๋องหนานหวยบิดจนแทบจะกลายเป็นผมเปียอยู่แล้ว ช่างน่าขำจริงๆ เรื่องเช่นนี้ ก็มีเพียงเสด็จอาเก้าเท่านั้นที่ทำได้
การที่ทำตัวสงบเยือกเย็นก็สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้ ทั้งยังได้รับการชื่นชมอย่างเต็มที่ภายในเวลาไม่นาน อ๋องเหลียงรู้สึกว่าเขา...หน้าไม่อายอยู่บ้าง
เพราะวันนี้เขาคอยพูดคล้อยตามอยู่ตลอดเวลา คนอื่นประณาม เขาก็พูดคล้อยตาม คนอื่นชื่นชม เขาก็ยิ่งพูดคล้อยตาม ทั้งยังพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง ราวกับไก่น้อยกำลังจิกกินข้าวก็ไม่ปาน ยอมรับอย่างถ่อมตัว
หลังจากเลิกการประชุมเช้า อ๋องเหลียงก็ไปที่พระราชวังฮุยชิง นำเรื่องในวันนี้ไปบอกหลีโม่และซือถูจิ้ง
ซือถูจิ้งดูมีความสุขอย่างยิ่ง “เขาไม่มียางอายขนาดนี้เชียว”
หลีโม่เพิ่งจะกลับมาจากตำหนักซีเวย เพิ่งจะดื่มน้ำไปได้คำหนึ่ง เมื่อได้ยินอ๋องเหลียงพูดเช่นนี้ ก็พ่นน้ำออกมาใส่หน้าอ๋องเหลียงทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...