ตอนที่ 498 ล้วนไม่เชื่อ
หลีโม่ไม่มีเวลาครุ่นคิดนาน ตอบตามตรงว่า “เคยเจอหลายครั้ง แต่ไม่เคยพูดคุย ส่วนที่วันนี้เขาพูดว่าข้าเป็นผู้หญิงชั่วร้าย จะไปถลกหนังควักลูกตาเขา ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
ฮ่องเต้เรียกนางมา “เจ้าช่วยข้าถอดหนังหน้าข้าออกที หนังหน้าปลอมนี้ใส่ไว้นานๆ ทำให้ไม่สบายเลย”
หลีโม่เดินไปใกล้ เอานิ้วมือจุ่มน้ำนิดหน่อย ค่อยๆถอดหนังหน้าปลอมออกมา เผยให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยปานแดง
“หนังหน้าปลอมนี้ไม่ได้ระบายอากาศ จึงทำให้รู้สึกไม่สบาย” หลีโม่พูด
“อืม ตอนนี้ร่างกายข้ายิ่งอยู่ยิ่งไม่ค่อยดี ข้างกายต้องมีคนอยู่ด้วยตลอด เจ้ามอบหมายงานในมือออกไป ต่อไปมาช่วยดูแลอยู่ที่ตำหนักซีเวย” ฮ่องเต้พูดอย่างเรียบเฉย
เขาไม่ถามถึงเรื่องคนร้ายอีก และไม่ได้ถามถึงเรื่ององค์ชายเจ็ด เพียงแค่สั่งการตามนี้ ทุกอย่างเป็นไปตามที่อ๋องเย่คิดไว้ เขายังต้องการพึ่งพาหลีโม่ ดังนั้นจึงจะไม่สร้างความลำบาก แต่ก็เกิดความระแวงแล้ว จึงต้องมีการรับมือ เอานางมาเฝ้าดูอยู่ใกล้ๆ จะได้สบายใจหน่อย
หลีโม่รู้ว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้แล้ว นางหรี่ตาลงแล้วพูดว่า “ได้”
ต้องทำตามที่ซุนกงกงสั่งเตือนไว้ อยากไม่ต้องพูดมาก ไม่ต้องแก้ตัว ฮ่องเต้พูดอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้น
ฮ่องเต้เห็นนางพูดง่าย จึงให้นางนั่งลง ค่อยเงยหน้าขึ้น “ข้ารู้ เจ้าอาจจะคิดว่าข้าสงสัยในตัวเจ้า แต่ข้าอยากบอกเจ้า ในใจข้าไม่ได้คิดแบบนี้ ตอนนี้เหล่าชีสู้รบอยู่ในสนามรบ ข้าเอาเจ้ามาอยู่ใกล้ๆ หนึ่งก็เพื่อปกป้องให้เจ้าปลอดภัย สองก็เพื่อไม่ใช้เจ้าต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องการแย่งชิงอำนาจ เหล่าชีอยู่ข้างกายข้ามาตั้งนานหลายปี เขาซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาตลอด เจ้าเป็นเพียงหญิง หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกหลอกใช้ ข้าไม่อยากให้ชื่อเสียงของเหล่าชีต้องมาเสื่อมเสียเพราะเจ้าถูกหลอกใช้”
คำพูดนี้พูดอย่างชัดเจนแล้ว เสี้ยหลีโม่ เจ้าเป็นเพียงผู้หญิง ให้อยู่ในวังอย่างสงบเสงี่ยม ไม่ต้องไปที่ไหน จะได้ไม่ทำให้เหล่าชีเสื่อมเสีย
“รับทราบเพคะ” หลีโม่รับคำ
ฮ่องเต้ค่อยๆส่ายหัว “ในใจเจ้าไม่พอใจใช่ไหม?”
หลีโม่เงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโต สบตามองดูฮ่องเต้ “ไม่ ฮ่องเต้ ข้าไม่ได้ไม่พอใจ ข้าเพียงรู้สึกน้อยใจ”
“เจ้าน้อยใจอะไร?” ฮ่องเต้ถามเบาๆ น้ำเสียงกลับเยือกเย็นขึ้นมา
หลีโม่พูดตามตรงว่า “ที่จริงข้ารู้ว่าในใจฮ่องเต้คิดว่าข้าเป็นคนบ่งการสั่งคนร้ายไป และรู้สึกว่าคำพูดที่องค์ชายเจ็ดพูดนั้น เป็นเพราะข้าเคยไปทำอะไรองค์ชายเจ็ด แต่เรื่องทั้งหมดนี้ข้าไม่รู้เรื่องเลย”
“เจ้าคิดว่า เด็กอายุเจ็ดขวบคนหนึ่งจะพูดโกหกเป็น? หรือว่าวันนี้ที่เขาพูดออกมานั้นมีคนสั่งสอน? คำพูดสามารถสั่งสอนได้ แต่อาการของเขาคงเสแสร้งไม่ได้มั้ง?” ฮ่องเต้พูดอย่างเยือกเย็น
หลีโม่รู้ว่าตัวเองพูดมากไปแล้ว คำพูดของซุนกงกงมีเหตุผล เพราะเรื่องบางเรื่องนั้นไม่สามารถพูดแก้ต่างได้ ยิ่งพูดยิ่งผิด
อย่างเรื่ององค์ชายเจ็ดนี้ พูดออกมายังไงก็เป็นความผิดของนาง แค่เด็กคนหนึ่งไม่มีทางผิด เพราะเด็กเจ็ดขวบคนหนึ่ง จะโกหกแบบนี้ได้ยังไง? ความจริงแล้ว แม้แต่นางในวันนี้ยังรู้สึกว่าองค์ชายเจ็ดไม่ได้โกหก เพราะการแสดงออกของเขาเหมือนจริงมาก ความหวาดกลัวของเขาก็เป็นความจริง
หากจะพูดว่าเด็กคนหนึ่งสามารถแสดงได้อย่างนักแสดงมืออาชีพ งั้นองค์ชายเจ็ดนี้ก็น่ากลัวมาก
นางก้มหน้าลง ไม่พูดแก้ตัวอีก “ใช่ องค์ชายเจ็ดไม่สามารถโกหกได้ แต่ข้าไม่เคยไปขู่เขา”
“เอาเถอะ เรื่องนี้ข้าไม่เอาความ เจ้าก็ไม่ต้องพยายามพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ข้าเอาเจ้ามาอยู่ใกล้ๆ ถือเป็นการให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง หากเจ้าทำผิด ยังสามารถแก้ไขได้ หากเจ้าไม่เคยทำ สุดท้ายทุกอย่างก็จะถูกเปิดเผยเอง” ฮ่องเต้โบกมืออย่างรำคาญ
หลีโม่ไม่พูดอะไรอีก คำพูดเมื่อกี้ นางไม่ควรพูดเลย
“เจ้าออกไปเถิด กลับไปมอบหมายกับลู่กงกงเกี่ยวกับงานในมือของเจ้าที่ต้องจัดการ แล้วกลับมาตั้งใจรักษาให้ข้า” ฮ่องเต้ไล่นางออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...