พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 512

บทที่ 512 หิมะตกแล้ว

เหลียงพิงหาเจอแล้ว หาเจอที่พระราชวังโยว่หมิง ตอนนี้ที่พระราชวังโยว่หมิงไม่คนอาศัยอยู่ อยู่ตรงมุมสุดของพระราชวัง ไม่มีใครรู้ว่านางไปที่นั่นได้ยังไง

ตอนที่หานางเจอ นางสั่นเทาไปทั้งตัว ทั้งร่างกายสกปรกมอมแมมเหมือนไปกลิ้งในขี้โคลนมา

เหลียงพิงถูกพาตัวไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ นางก็ยังคงพูดจาไม่รู้เรื่อง ตัวสั่นเทาอย่างเดียว

ฮ่องเต้เห็นนางในสภาพแบบนี้ ยังไงก็เคยเป็นสามีภรรยากัน อดใจไม่ไหวสงสารนาง ปลอบใจนางแป๊บหนึ่ง โดยถามนางว่า “เหลียงพิง เจ้าจำข้าได้ไหม?”

เหลียงพิงค่อยๆเงยหัวขึ้น ในตายังคงหวาดกลัว บิดแขนเสื้ออยู่อย่างเดียว หวาดกลัวอย่างที่สุด

“เหลียงพิง คนนี้คือฮ่องเต้ ท่านจำไม่ได้แล้วหรือ?” ลู่กงกงก้มลงมาถามด้วยเสียงเบา

เหลียงพิงจ้องมองฮ่องเต้ สักแป๊บหนึ่ง ก็ร้องห่มร้องไห้เสียงดัง “อ่องเต้ ท่านช่วยข้าด้วย ข้ารู้ตัวว่าข้าทำผิดไปแล้ว กุ้ยไท่เฟยกับท่านพ่อจะทำร้ายข้า ข้ายังไม่อยากตาย”

ฮ่องเต้ไม่ได้สวมหนังหน้าปลอบ ปานแดงบนใบหน้ายิ่งอยู่ยิ่งเห็นได้อย่างชัดเจน ในใจอึดอัด ความโกรธค่อยๆเพิ่มขึ้น

เนิ่นนาน เขาก็พูดขึ้นว่า “ตามหมอหลวงมา”

หากเหลียงพิงไม่ได้เป็นบ้า ก็จะต้องมีคนสั่งสอนให้พูด

แต่หากนางเป็นบ้านไปแล้ว คนบ้าคนหนึ่งจะสั่งสอนไม่ได้ สิ่งที่นางพูดจะต้องเป็นความจริง

หลังจากที่หมอหลวงตรวจดูแล้ว เหลียงพิงเป็นบ้าแล้วจริงๆ

ฮ่องเต้สั่งให้ตามสืบเรื่องที่เกิดขึ้นในวังหลัง เรียกทหารรักษาพระองค์กับอ๋องเย่มา

อ๋องเย่จึงเล่าเรื่องนางกำนัลที่ถูกทำร้ายจนตายออกมา เพราะนางกำนัลตายแล้ว ไม่รู้จะสืบต่อยังไง แต่ใครที่มีสมองยังล้วนต้องคิดได้ นางกำนัลคนนี้เป็นคนของเหลียงไถ้ฝู้ที่คอยเป็นสายลับอยู่ข้างกายเหลียงพิง

ดวงตาของฮ่องเต้ที่โกรธเคืองของฮ่องเต้ยิ่งอยู่ก็ยิ่งร้อนแรง เขาสามารถทนได้กับคนกลุ่มหนึ่งที่สร้างเรื่องเดือดร้อน แต่ทนรับไม่ได้กับที่พวกเขาร่วมมือกัน

ในใจเขาเข้าใจดี ถ้าคนของกุ้ยไท่เฟยกับคนของเหลียงไถ้ฝู้ร่วมมือกันก่อนหน้านี้ ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร

ไม่เพียงไม่สามารถควบคุมซือถูเย้น กลับจะทำให้เขาที่เป็นฮ่องเต้ก็สั่นคลอนไปด้วย

หลังจากที่ให้ทุกคนออกไปหมดแล้ว ลู่กงกงถามขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ฮ่องเต้ ได้เวลาเขียนราชโองการได้แล้วหรือยัง?”

ฮ่องเต้เงยหัวขึ้น “มีราชโองการอะไร?”

“ฮ่องเต้ เมื่อคืนท่านเคยได้พูดไว้ว่าเรื่องความผิดฐานลอบทำร้าย ให้พระชายาซื่อเจิ้งเป็นคนรับผิด ทางด้านซิงปู้กำลังรอพระราชโองการของฮ่องเต้อยู่” ลู่กงกงพูดขึ้น

ฮ่องเต้ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “เรื่องนี้ พักไว้ก่อน”

เขาเงยหัวขึ้น “ทางด้านกุ้ยไท่เฟย มีความเคลื่อนไหวยังไงบ้าง?”

“เรียนฮ่องเต้ ทางด้านกุ้ยไท่เฟยได้รับองค์ชายเจ็ดไปอยู่ด้วย บอกว่าอยู่ในวังน่าเบื่อ”

“นอกจากนี้ล่ะ?”

“เมื่อวานออกจากวัง กลับจวนอยู่พักหนึ่ง อยู่ในจวนประมาณหนึ่งชั่วโมง”

“ตอนที่นางกลับจวน มีคนอยู่ในจวนไหม?”

“ไม่พบใคร แต่ประตูใหญ่ของจวนปิดสนิท หลังจากที่กุ้ยไท้เฟยเข้าไปในชิงหนิงเก๋อแล้ว หลังจากหนึ่งชั่วโมงแล้วถึงจะปรากฏให้รู้ และทหารลับที่สะกดรอยตามพบว่า ไม่พบร่องรอยกุ้ยไท่เฟยในชิงหนิงเก๋อเลย เหมือนหายสาบสูญไปหนึ่งชั่วโมง”

“คนไม่สามารถหายสาบสูญไปได้หนึ่งชั่วโมง นอกจาก ในจวนอ๋องมีทางลับสามารถออกไปด้านนอกได้” ฮ่องเต้เข้าใจโครงสร้างของจวนอ๋องซื่อเจิ้งเป็นอย่างดี

ลู่กงกงไม่พูดอะไร มีเรื่องบางเรื่อง คนที่อยู่ในสถานการณ์จะมองไม่ทะลุ แต่คนที่อยู่นอกสถานการณ์จะมองเห็นได้ไม่ทะลุปรุโปร่ง ฮ่องเต้คิดมากเกินไป จนคิดไม่เข้าใจ พวกเขาที่เป็นคนอื่นมอง กลับมองเห็นอย่างชัดเจน

เพียงแต่ พวกเขาพูดอะไรไม่ได้

“ทางด้านอ๋องหนานหวยมีข่างคราวอะไรบ้าง?” ฮ่องเต้ถามขึ้นอีก

“ก่อนหน้านี้มีข่าวมารายงานว่าออกจากตำบลเย่ไปยังจังหวัดซูเจียง ตอนนี้น่าจะออกจากจังหวัดซูเจียงแล้ว”

“ตลอดทางไม่มีเกิดเรื่องเลย?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม