บทที่532 หลีโม่ถูกจู่โจมอีกครั้ง
หลังจากกินข้าวอิ่มแล้ว ทันใดนั้นซูชิงก็พูดขึ้นว่า : “ใช่แล้ว เมื่อตอนพวกข้ากลับเมืองหลวงได้ช่วยชาวหูหนึ่งคน ให้เขาอยู่ที่
ตำหนักอ๋องเถอะ จะได้ดูแลเจ้าด้วย”
หลีโม่พูด : “ไม่ต้อง ข้ามีเสี่ยวเตาอยู่ข้างๆแล้ว เจ้าพากลับไปเถอะ”
ซูชิงพูด : “ที่ภายในตำหนักมีกำลังพลเพียงพอแล้ว อีกอย่างพ่อข้าไม่ชอบชาวหู”
หลีโม่มองไปทางเซียวโธ่ เซียวโธ่โบกมือ “ไม่จำเป็น ปู่ข้าก็ไม่ชอบชาวหู”
หลีโม่จำเป็นต้องพูด “เอาล่ะ อยู่ไปก่อนล่ะกัน หากทำงานอะไรก็ค่อยไปเป็นคนงานชั่วคราวที่ภายในจวน”
จริงๆแล้วภายในจวนก็ไม่ขาดกำลังพล เจ้านายไม่มาก เราจะต้องการคนรับใช้มากมายไปทำไมกัน?
ซูชิงพูด “ศิลปะการต่อสู้เขาใช้ได้เลยนะ”
ซือถูจิ้งพูด “หากเจ้าลำบากใจ ให้เขาไปอยู่ตำหนักองค์หญิงของข้าก็ได้ ถึงอย่างไร เขาก็ไม่กลัวที่จะเลี้ยงเพิ่มอีกสักคนหรอก”
“ไม่ได้!” ซูชิงและเซียวโธ่คัดค้านอย่างพร้อมเพรียงกัน
หลีโม่กับซือถูจิ้งตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วมองทั้งสองคน หลีโม่ถามอย่างสงสัย “ทำไมไม่ได้?”
ซูชิงสะอึกสักครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างนอบน้อมและจริงใจว่า “อันที่จริง คนนี้ ท่านอ๋องช่วยไว้ เขามอบหมายให้เสี่ยวเตาดูแลพระชายา”
“จริงรึ?” หลีโม่ถาม
“จริงแท้แน่นอน เจ้าสามารถถามท่านอ๋องได้” ซูชิงพูด
“แล้วชาวหู ล่ะ ได้พามาด้วยไหม?” หลีโม่ได้ยินว่าเขาได้รับการช่วยเหลือจากไอ้เจ็ดโดยปกติก็น่าจะรับไว้ เพื่อตอบแทนน้ำใจเขา
“มาแล้ว อยู่ข้างนอก” ซูชิงมีท่าทีเคร่งขรึม เขามัวแต่สนใจเรื่องกินจนลืม ชาวหูไปแล้ว
“เขาน่าจะหิวแล้วล่ะ ค่อยเตรียมอาหาร อาหารไม่จำเป็นต้องเยอะ แต่เหล้าขอเยอะๆ เพราะนี่คือเหล้าที่ดี”
หลีโม่รีบให้คนไปเตรียมอาหาร ซูชิงก็ออกไปเรียกชาวหู
หลังจากที่ชาวหูเข้ามา หลีโม่และคนอื่นๆต่างตกตะลึง นี่ชาวหูเหรอ? ใบหน้าเต็มไปด้วยขน ขนคิ้วก็ยาว มองแวบแรกนึกว่าเป็นมนุษย์ขน
ขนสีดำปกคลุมไปทั่วใบหน้า บดบังแม้กระทั่งปาก มองไม่เห็นอวัยวะที่ใบหน้า ผมยุ่งเหยิง เขาใส่เสื้อผ้าพื้นเมือง รองเท้าผ้าฝ้ายเต็มไปด้วยฝุ่น ถ้าเขาไปยืนอยู่ที่ไหนก็คงจะบดบังแสงสว่างในทันที
“เขาพูดภาษากลางไม่ได้ แต่ฟังรู้เรื่อง เจ้าคุยกับเขาได้นะ” ซูชิงพูด
หลีโม่ถาม “เขาชื่ออะไร”
“อะชู่น” ซูชิงพูด
หลีโม่มองอะชู่นดวงตาของเขามองเห็นได้อย่างชัดเจน ดวงตาคู่นั้นจ้องไปที่ซูชิงอย่างโกรธแค้น
“หิวแล้ว เขาหิวแล้ว” ซูชิงรีบอธิบาย จากนั้นเขาก็สั่ง “ดื่มเหล้าก่อน มีเหล้าแล้ว แค่นี้เขาก็พึงพอใจ”
เมื่อเห็นอะชู่นดื่มเหล้า เขาถือไหเหล้าแล้วเทลง หลีโม่รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
หลังจากดื่มเหล้าไปครึ่งไห หลีโม่เห็นว่าความโกรธของเขาหายไปแล้ว จึงชวนเขากินข้าวและเขาก็ยินดี เขากินข้าวหนึ่งจานและขนมปังอีกสี่ก้อน
เมื่อเห็นอาหารเตาเหล่าต้าก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
“นี่หิวมานานเท่าไหร่แล้ว?” หลีโม่ถาม
ซูชิงถอนหายใจ “ข้ารีบกลับ ตลอดทางไม่ได้หยุดเลย ระหว่างทางกินอาหารแห้งและดื่มน้ำนิดหน่อย อดทนจนกลับมาถึงเมืองหลวง”
“ทำไมรีบขนาดนั้น?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...